เมื่อ VR กำลังจะ Mass ในเร็ว ๆ นี้ ใครบ้างที่ต้องปรับตัว เพื่อไม่ให้โดน Disrupt

กระทู้สนทนา
จากที่ได้มีโอกาสเข้าสู่ VR โดยเป็นเจ้าของ  Oculus Quest 2 มาประมาณ 3-4 เดือน  ขอแชร์ความคิดต่อเทคโนโลยี VR  ตามมุมมองของตัวเองครับ

ตอนนี้สำหรับผม มองว่า VR กำลังเข้าสู่ Phase ที่กำลังตั้งต้นขาขึ้น พร้อมที่จะเข้าสู่ตลาด Mass แล้ว (ถ้าเป็นมือถือ ก็ประมาณยุคก่อน Nokia 3310 นิดนึง) โดยมีอานิสงค์ จาก โควิด ที่เป็นตัวเร่ง  ให้คนต้องหากิจกรรมพิเศษทำเพิ่มเติม ระหว่างที่ต้องอยู่บ้าน (และถ้าเทียบ ในฐานะคนเล่นเกมส์  หากเทียบ VR ตอนนี้ ตัว Oculust Quest 2 เอง อยู่ประมาณยุคของ Playstation 2   แต่จะเปลี่ยนเข้าสู่ยุคที่เทียบเท่า Playstation  3 และ Playstation 4 เร็วกว่า วงการเกมส์ Console ค่อนข้างเยอะ เพราะ Console มีวัฏจักรถึง 6-7 ปี ในขณะที่ VR มี วัฏจักรประมาณ 2 ปีเท่านั้น เมื่อนึกไปถึงอีก 5 ปีข้างหน้าแล้ว สำหรับผมเป็นอะไรที่ตื่นเต้นมาก ๆ    และเดาไม่ออกเลย ว่าโลกใบนี้จะแตกต่างจากปัจจุบันไปอย่างไร

สำหรับผมแล้ว VR ที่ผมเห็น ๆ อยู่ ไม่ได้ใช้แค่เล่นเกมส์เท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับอีก หลาย ๆ เรื่อง จนตั้งกระทู้เพื่อจุดประเด็น แลกเปลี่ยนมุมมองและความเห็น ในการเตรียมรับมือกับการ Disrupt  โดยมี 10 เรื่อง ดังนี้

(ตอนที่ 1 :  ข้อ 1 ถึง ข้อ 5)
1. การลงทุน
    ในด้านการลงทุน โดยเฉพาะคนที่ถือหุ้นในอุตสาหกรรมเหล่านี้  สิ่งที่เห็นว่าจะกระทบแน่ ๆ
     ธุรกิจ การเดินทาง โดยเฉพาะ เครื่องบิน 
     - ตอนนี้ เริ่มมี VR APP  ที่เราเสมือนไปอยู่ในสถานที่แห่งนั้นแล้ว เช่น https://blueplanetvr.com/ และน่าจะมีการ update สถานที่เพิ่ม ร่วมถึงมี App ลักษณะนี้ออกมาเพิ่ม ดังนั้นคนเดินทาง บางส่วน ที่ไม่ได้ต้องการเที่ยว แบบสัมผัสบรรยากาศ อาจจะเลือก ท่องเทียวด้วยวิธีนี้แทน 
     - ในวันนี้ การประชุม เปลี่ยนรูปแบบ จากในห้องประชุม มาเป็น Online เช่น  Web ex, Zoom, MS Team  ดังนั้นจาก ที่ต้องเดินทาง จาก อเมริกา, สิงคโปร์ เพื่อมาประชุมนำเสนอนู่นนี่ จะเห็นได้ว่า ลดลงไปเยอะเลย (อดเที่ยวเลย)  ซึ่งตอนนี้ ใน VR ก็มี App ลักษณะนี้แล้วเช่นก่อน ซึ่งให้ความรู้สึกใกล้เคียงธรรมชาต กว่าการใช้ Online Meeting แต่ยังไม่บูมมาก  เพราะคนที่ประชุมด้วย อาจจะยังไม่มี VR ใช้   

      โรงภาพยนต์
      จากโควิด ตอนนี้ โรงภาพยนต์ ถือว่าได้รับผลกระทบหนัก ไม่แพ้ ธุรกิจท่องเที่ยว และสายการบิน  และก่อนหน้านั้น ก็ถูก Disrupt ด้วย TV LCD จอยักษ์ และ Netflix , Disney ไปสมควร  สำหรับ VR นั้น ก็มี APP เช่น Bigscreen ที่พร้อมจะมาเป็นตัวเร่ง ในการลดจำนวนผู้เข้าชมภาพยนต์ โดยเฉพาะคนโสด (ที่ไม่ชอบกิน POP Corn โรงหนัง) ไปอีก โดย APP ดังกล่าว ให้อารมณ์ เหมือนกับดูในโรงหนังมาก ๆ    


2. พื้นที่สำนักงาน
     โลกของการขายของ Online กระทบธุรกิจให้เช่าพื้นที่ ไปมหาศาล   และธุรกิจ Co working space ก็มาแบ่งส่วนแบ่งตลาด การเช่าพื้นที่สำนักงานไปสมควร  สำหรับ VR แล้ว Facebook ที่เป็นเจ้าของ Ocolus  กำลังเร่งพัฒนา "Infinite Office" อย่างเต็มที่ ซึ่งเมื่อ Software ดังกล่าวพร้อม ต่อ ๆ ไป การ Work From Home, Work From Anyware ก็จะเป็นเรื่อง Native   และพื้นที่ Office ก็จะลดขนาดลง เหลือเฉพาะบางหน่วยงานเท่านั้น  

       
3. ธุรกิจอุปกรณ์กีฬา
     ช่วง 2-3 ปีก่อนหน้านี้  E-Sport บูมขึ้นมามาก แต่ก็ไม่ได้กระทบ กับธุรกิจอุปกรณ์กีฬา มากนัก เพราะ E-sport หลาย ๆ ตัว ที่พูดถึงกัน ก็อาจจะไม่ได้เป็น Sport จ๋า ๆ เช่น เกมส์ Tekken, PES, Fifa  เพราะไม่ได้จำลองการเล่นกีฬานั้น ๆ ออกมา  แต่สำหรับยุคของ VR    หลาย ๆ เกมส์ ออกแบบเปลี่ยนไป บางเกมส์ เน้นเป็น Simulation แท้ ๆ เพื่อทดแทนความรู้สึกกีฬานั้นเลย เช่น
      - เกมส์ Eleven  Table Tennis : เมื่อสมจริงขนาดนี้ ต่อไป ใครจะซื้อ โต๊ะปิงปอง   ไม้ปิงปอง  ลูกปิงปอง
      - เกมส์ VR Shoot Around : เมื่อฝนตก แดดร้อน ไม่มีสนามบาสใกล้บ้าน  นี่คือเกมส์บาส ที่จะมาช่วยให้สถานการณ์ที่ว่ามา ไม่มีผลอีกต่อไป เพราะแค่ครอบหัว VR ก็พร้อม ที่จะซ้อม Shoot ได้ตลอดเวลา  โดยไม่จำเป็นต้องมีลูกบาสจริง ๆ อยู่ในครอบครอง ยกเว้นใครที่ยังอยากนิ้วส้น เพราะลูกบาส VR คงช่วยทำให้นิ้วส้นไม่ได้  (ยืนยันว่า Physic ของลูกบาส เหมือนจริงมาก)  
      และยังมีเกมส์กีฬาอีกหลาย ๆ ประเภท ที่พยายาม จำลองให้ สมจริงขึ้นเรื่อย ๆ เช่น การเล่นสกี, การพายเรือ, SQUAT, เทนนิส เป็นต้น

         
4. ผู้จำหน่ายเครื่องเล่นเกมส์
     ช่วงที่ผ่านมา หลังจากเกมส์เปลี่ยนจากรูปแบบแผ่น ไปเป็นรูปแบบ Digital ซื้อแล้ว Download เล่น ก็ทำให้คนขายเกมส์ รายได้ลดลงไปพอสมควร เพราะเหลือขายแค่ เครื่อง อุปกรณ์เสริม และแผ่นที่เป็นชุดสะสม หรือบางคนที่รีบซื้อรีบเล่น แล้วขายเป็นแผ่นมือสองแล้วนั้น   การมาของ VR ยังอาจจะต้องทำให้ต้องปรับตัวอีกครั้ง เพราะที่เห้็น ๆ ในไทย ร้ายขายเกมส์ส่วนใหญ่ ที่ขายเกมส์ ก็จะขาย Playstation, xbox , nintendo เท่านั้น จะไม่ได้มีการขาย VR ด้วย  ซึ่งโอกาส ที่จะเป็น Gamechanger คือ จากที่เมื่อก่อน แข่งกัน 3 เจ้า คือ   Microsoft vs Sony vs Nintendo  ซึ่งสงคราม Gen นี่จบไปแล้ว ด้วยการที่ Play Station ยังถือเป็นผู้ชนะอยู่  โดยมี Nintendo ที่สร้าง ความแตกต่าง ให้กับตัวเอง มีฐานผู้เล่นของตัวเอง   แต่การมาของ VR นี้ อาจจะทำให้อีก 5 ปี  คู่แข่งในวงการเกมส์ อาจจะไม่ใช่ Microsoft, Sony, Nintend แต่จะเป็น Facebook  เจ้าพ่อ Social Network ที่มี Vision อย่างยอดเยี่ยมเกี่ยวกับ VR ก็เป็นได้ 

5. การออกกำลัง และการลดน้ำหนัก
     ในสถานการ โควิด แบบนี้ การออกกำลังกาย ในหลาย ๆ ประเภท ถือว่ายากลำบาก เช่น สนามกีฬา ก็มีการจำกัดเวลา จำกัดจำนวนคนเข้า, กีฬาหลาย ๆ  ประเภท ก็มีความเสี่ยงสูง หากจะเล่น เช่น ฟุตบอล, ว่ายน้ำ หรือแบดมินตัน ที่ต้องใช้ลูกแบด ร่วมกันในการเล่น   ยังไม่รวมสถานที่ฟิตเนต ที่เป็นห้องแอร์ เมื่อเล่นแล้วเหงื่อออกเยอะ   ทำให้หลาย ๆ คน ในช่วง WFH  เมื่อกลับมาเจอกัน จะมีรูปร่าง ที่เปลี่ยนแปลง ดูสมบูรณ์ขึ้น เพราะออกกำลังไม่ได้ 
     แต่ VR ทำให้ สถาณการณ์เปลี่ยนไป ตัวผมเอง คือหนึ่งในคนที่ ออกจากที่พักน้อยที่สุด อาหาร ก็ออกไปซื้อในลักษณะกักตุน ให้ออกไปซื่อ 1 ครั้ง แล้วกินได้หลาย ๆ วัน จะได้ไม่ต้องออกไปบ่อย ๆ    และในการที่จะทำให้ร่างกายยังแข็งแรง และน้ำหนักไม่เพิ่มขึ้น คือ ใช้ VR เป็นตัวช่วย โดยนอกจาก การออกกำลังที่พูดถึงไปก่อนหน้า ในข้อ 3 แล้ว เช่น ปิงปอง , บาสเกตบอล , เทนนิส  ที่เป็นกีฬา จ๋า ๆ แล้ว ยังมี การออกกำลังกาย ที่ไมไ่ด้เป็นกีฬาจ๋า ๆ แต่เป็นการประยุกต์ งานวิจัย ออกมาทำเป็นเกมส์  คือ ใช้ VR + Music ออกมาเป็นเกมส์  ทำให้ คนเกิดความสนุก ที่จะเคลื่อนไหวร่างกาย โดยจำลองพื้นที่แคบ ๆ ในที่พัก ประมาณ 2x2 เมตร ให้เป็นพื้นที่ในจินตนาการ แล้วเสียเหงื่อ อย่างไม่รู้ตัว เช่น เกมส์ Beat saber, Audio Trip, Syn Rider   หรือจะต่อย กับ บัวขาว ใน VR ซักครั้ง ในชีวิต ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้  ดังนั้น ศูนย์ Fitness ต้องเตรียมรับมือ กับลูกค้ากลุ่มนี้ ที่อาจจะหายไปในอนาคต 
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

    หรืออย่าง APP  ออกกำลังกายล่าสุด ที่ชื่อว่า VZFIT ก็ถือว่า เป็นอีก 1 ก้าวกระโดด ของการออกกำลังกาย ที่จะเปลี่ยน จักรยานออกกำลังกาย ที่หลาย ๆ ที่ กลายเป็นราวแขวนผ้า  ให้กลับมามีชิวิตอีกครั้ง ด้วยการที่ทำให้ การปั่นจักรยานของเราอยู่กับที่  แต่เสมือนได้ท่องเที่ยวไปในทุก ๆ ที่ของโลก โดยใช้ภาพถ่ายจริง ที่รถ google ไปถึง เราก็ไปถึงเช่นกัน

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
เนื่องจาก ผมยังไม่มีจักรยานออกกำลัง  (แต่ก็กำลังจะซื้อซัก 1 คัน ตอนนี้กำลังศึกษาว่า Spin bike ที่เป็นแบบ Magnetic จะติด Speed Sensor ได้อย่างไร หรือมันติดได้แต่ Cadence Sensor เท่านั้น) ผมจึงบันทึก Video ที่เป็น Mode สำหรับใช้ตัวเคลื่อนไหว ทำให้ระยะทางเคลื่อนเท่านั้น  ถ้าซื้อจักรยาน อาจจะมา update ข้อมูลเพิ่ม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่