Spatial Ops เป็นเกมยิง FPS แบบ Mixed Reality ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ประมาณยุคที่ Meta Quest Pro เปิดตัว กว่าจะออกวางจำหน่ายให้ได้เล่นกัน Quest Pro ก็ลาจากไปละ
Spatial Ops วางจำหน่ายไปเมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา มีให้เล่นได้ใน Meta Quest และ Pico โดยใน Meta Quest จะเล่นได้ทั้ง Campaign Mode และ Arena Mode ส่วนใน Pico จะเล่นได้แค่ Campain Mode เท่านั้น
Spatial Ops ถูกสร้างโดย Resoluation เกม ซึ่งฝากฝีไม้ลายมือในวงการเกม VR/MR ไว้หลายเกม และสำหรับ Spatial Ops ก็ทำได้ดีแบบเชื่อขนมกินได้ ตามมาตรฐานของทีมงานทีมนี้
สำหรับ Campaign Mode จะมีให้เล่น เป็นด่านสั้น ๆ ประมาณ ด่านละ 10 - 15 นาทีเท่านั้น จำนวน 7 ด่าน รวม ๆ เล่นจนจบ ก็ใช้เวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง ด้วยความสนุกของตัวเกม ทำให้มันรู้สึกสั้นมาก ๆ เลยทีเดียว โดยใน Campaign Mode ตัวเกมจะถูกออกแบบมาให้ผู้เล่นอยู่ในพื้นที่ขนาด 2 x 2 และมีศัตรูโพล่มาตาม Portal รอบตัว ด้านซ้าย ด้านขวา ด้านหน้า ด้านหลัง และด้านบนบ้างตามเนื้อเรื่อง ซึ่งเมื่อเป็น MR Mode แล้ว ผู้เล่นก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการเคลื่อนที่ว่าจะเป็นแบบ Smooth และ Teleport เพราะอยากจะย้ายไปยิงไปหลบตรงไหน ก็เดิน ก็กระโดดเอาเองไปเลย
ส่วน Arena Mode ซึ่งพัฒนามาอย่างยาวนาน มีความน่าแปลกใจหน่อยที่ถึงตอนนี้ ก็ยังเป็น Beta อยุ่ แปลว่ายังมีหลาย ๆ อย่างที่ทีมงานยังมองว่าไม่สมบูรณ์ แต่ก็ดีพอที่จะออกมาให้ได้เล่นกันก่อน
Arena Mode จะเป็นการให้ผู้เล่นสร้างวัตถุพวกโล่ห์ กล่อง ต่าง ๆ เข้ากับพื้นที่บริเวณนั้น ๆ แล้วเปลี่ยนพื้นที่นั้น ๆ ให้เป็นสนามรบสู้กัน โดยมีให้เล่น 4 รูปแบบ คือ
- Domination
- Free for All
- Team Deathmatch
- Capture The flag
โดยระบบรองรับผู้เล่นพร้อมกันสูงสุด 8 คน จะเล่นคนเดียว และที่เหลืออีก 7 ตัว เป็น AI ก็ได้ หรือถ้ามี Headset มากกว่า 1 อัน ก็เข้ามาร่วมเล่น Share Point Cloud ของ Map ที่สร้างไว้ และเล่นร่วมกันได้อย่างง่ายดาย
สำหรับการสร้างสถานที่เล่น ก็ทำได้อย่างง่ายดาย มีทั้งแบบที่สร้างเอาไว้ให้แล้ว 3 ขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ เอาไปวางตั้งต้นแล้วปรับแต่งนิดหน่อยตามพื้นที่ ตามต้องการก็เล่นได้เลย หรือจะสร้างใหม่ตั้งแต่ต้น ก็ใช้เวลาเรียนรู้ไม่นาน ออกแบบให้ใช้งานได้ง่ายมาก
ขอบคุณลานกีฬาใต้สะพาน/ทางด่วนด้วย ที่ทำให้มีพื้นทำกิจกรรมเวลากลางวันแบบไม่ร้อนแดด
สรุปส่งท้าย
Campaign Mode สนุก แต่สั้นมาก ๆ การเล่นต้องเคลื่อนไหวร่างกายเยอะ และเร็ว เหมาะกับคนที่พร้อมจะเสียเหงื่อ หมุนไป หมุนมา ถึงจะพื้นที่ไม่ใหญ่ แต่ผ่านไป 1 -2 ด่าน มีเหงื่อซึม
Arena Mode เนื่องจากยังเป็น Beta ดังนั้น ก็ยังเห็น AI ทำแปลก ๆ อยู่ตลอด การเล่นแบบ Capture The flag หรือ Domination AI ไม่ค่อยเน้นไปเอาธง ไปยึดที่ เน้นยิงซะมากกว่า อาวุธยังรู้สึกว่าน้อยเกินไป และด้วยความที่อาวุธเป็นปืน เป็นระเบิดซึ่งค่าโจมตีค่อนข้างแรง การที่เกมรองรับได้รัศมีประมาณ 30 เมตรอาจจะเหมือนเยอะมาก แต่ก็ยังรู้สึกว่าเล็กไป ยิ่งถ้าใส่มาเต็ม ๆ 8 คน โอกาสตายแล้วตายอีก ไปเกิดแบบไม่รู้ตัวสูงมาก
ถึงแม้อาจจะเหมือนยังมีข้อเสียเยอะ แต่จริง ๆ แล้ว Spatial Ops เป็นเกมที่ดีมาก สนุกมาก เมื่อผสมกับ Quest 3 ออกมาเป็นประสบการณ์ที่ไม่สามารถหาเล่นได้ใน Headset อื่น สามารถอยู่ใน TOP 15 เกมที่ชอบที่สุดในปีนี้ได้อย่างสบาย ๆ
Spatial Ops ที่ฉันได้สัมผัส [VR/MR GAMES : 22]
Spatial Ops วางจำหน่ายไปเมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา มีให้เล่นได้ใน Meta Quest และ Pico โดยใน Meta Quest จะเล่นได้ทั้ง Campaign Mode และ Arena Mode ส่วนใน Pico จะเล่นได้แค่ Campain Mode เท่านั้น
Spatial Ops ถูกสร้างโดย Resoluation เกม ซึ่งฝากฝีไม้ลายมือในวงการเกม VR/MR ไว้หลายเกม และสำหรับ Spatial Ops ก็ทำได้ดีแบบเชื่อขนมกินได้ ตามมาตรฐานของทีมงานทีมนี้
สำหรับ Campaign Mode จะมีให้เล่น เป็นด่านสั้น ๆ ประมาณ ด่านละ 10 - 15 นาทีเท่านั้น จำนวน 7 ด่าน รวม ๆ เล่นจนจบ ก็ใช้เวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง ด้วยความสนุกของตัวเกม ทำให้มันรู้สึกสั้นมาก ๆ เลยทีเดียว โดยใน Campaign Mode ตัวเกมจะถูกออกแบบมาให้ผู้เล่นอยู่ในพื้นที่ขนาด 2 x 2 และมีศัตรูโพล่มาตาม Portal รอบตัว ด้านซ้าย ด้านขวา ด้านหน้า ด้านหลัง และด้านบนบ้างตามเนื้อเรื่อง ซึ่งเมื่อเป็น MR Mode แล้ว ผู้เล่นก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการเคลื่อนที่ว่าจะเป็นแบบ Smooth และ Teleport เพราะอยากจะย้ายไปยิงไปหลบตรงไหน ก็เดิน ก็กระโดดเอาเองไปเลย
ส่วน Arena Mode ซึ่งพัฒนามาอย่างยาวนาน มีความน่าแปลกใจหน่อยที่ถึงตอนนี้ ก็ยังเป็น Beta อยุ่ แปลว่ายังมีหลาย ๆ อย่างที่ทีมงานยังมองว่าไม่สมบูรณ์ แต่ก็ดีพอที่จะออกมาให้ได้เล่นกันก่อน
Arena Mode จะเป็นการให้ผู้เล่นสร้างวัตถุพวกโล่ห์ กล่อง ต่าง ๆ เข้ากับพื้นที่บริเวณนั้น ๆ แล้วเปลี่ยนพื้นที่นั้น ๆ ให้เป็นสนามรบสู้กัน โดยมีให้เล่น 4 รูปแบบ คือ
- Domination
- Free for All
- Team Deathmatch
- Capture The flag
โดยระบบรองรับผู้เล่นพร้อมกันสูงสุด 8 คน จะเล่นคนเดียว และที่เหลืออีก 7 ตัว เป็น AI ก็ได้ หรือถ้ามี Headset มากกว่า 1 อัน ก็เข้ามาร่วมเล่น Share Point Cloud ของ Map ที่สร้างไว้ และเล่นร่วมกันได้อย่างง่ายดาย
สำหรับการสร้างสถานที่เล่น ก็ทำได้อย่างง่ายดาย มีทั้งแบบที่สร้างเอาไว้ให้แล้ว 3 ขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ เอาไปวางตั้งต้นแล้วปรับแต่งนิดหน่อยตามพื้นที่ ตามต้องการก็เล่นได้เลย หรือจะสร้างใหม่ตั้งแต่ต้น ก็ใช้เวลาเรียนรู้ไม่นาน ออกแบบให้ใช้งานได้ง่ายมาก
ขอบคุณลานกีฬาใต้สะพาน/ทางด่วนด้วย ที่ทำให้มีพื้นทำกิจกรรมเวลากลางวันแบบไม่ร้อนแดด
สรุปส่งท้าย
Campaign Mode สนุก แต่สั้นมาก ๆ การเล่นต้องเคลื่อนไหวร่างกายเยอะ และเร็ว เหมาะกับคนที่พร้อมจะเสียเหงื่อ หมุนไป หมุนมา ถึงจะพื้นที่ไม่ใหญ่ แต่ผ่านไป 1 -2 ด่าน มีเหงื่อซึม
Arena Mode เนื่องจากยังเป็น Beta ดังนั้น ก็ยังเห็น AI ทำแปลก ๆ อยู่ตลอด การเล่นแบบ Capture The flag หรือ Domination AI ไม่ค่อยเน้นไปเอาธง ไปยึดที่ เน้นยิงซะมากกว่า อาวุธยังรู้สึกว่าน้อยเกินไป และด้วยความที่อาวุธเป็นปืน เป็นระเบิดซึ่งค่าโจมตีค่อนข้างแรง การที่เกมรองรับได้รัศมีประมาณ 30 เมตรอาจจะเหมือนเยอะมาก แต่ก็ยังรู้สึกว่าเล็กไป ยิ่งถ้าใส่มาเต็ม ๆ 8 คน โอกาสตายแล้วตายอีก ไปเกิดแบบไม่รู้ตัวสูงมาก
ถึงแม้อาจจะเหมือนยังมีข้อเสียเยอะ แต่จริง ๆ แล้ว Spatial Ops เป็นเกมที่ดีมาก สนุกมาก เมื่อผสมกับ Quest 3 ออกมาเป็นประสบการณ์ที่ไม่สามารถหาเล่นได้ใน Headset อื่น สามารถอยู่ใน TOP 15 เกมที่ชอบที่สุดในปีนี้ได้อย่างสบาย ๆ