JJNY : จี้รัฐคุมโควิด│ลุ้นปิดเมือง'กทม.-ปริมณฑล-เชียงใหม่-ประจวบฯ-ภาคตอ.'│เดนมาร์กหยุดใช้แอสตราฯ│ทำเนียบฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อ

นักวิชาการจี้รัฐคุมโควิด-บริหารวัคซีนให้ดี พร้อมเร่งอัดเงิน2.4แสนลบ.
https://www.matichon.co.th/economy/news_2673509

 
นายสมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง เปิดเผยว่า การระบาดโควิด-19 รอบใหม่ในประเทศครั้ง ถือเป็นการระบาดรอบ 3 แล้ว ซึ่งรัฐบาลจะต้องบริหารจัดการและมีความพร้อม ในการรับมือให้มากกว่านี้ รวมถึงกรณีที่เอกชนแนะนำให้รัฐบาลใช้เงิน 2.4 แสนล้านบาท ที่เหลือจากพ.ร.ก.เงินกู้ก้อน 1 ล้านล้านบาท ในการกระตุ้นเศรษกิจ ผ่านการเยียวยากลุ่มคนฐานราก นั้น เบื้องต้น มองว่า การใช้เงินเยียวยาประชาชน เพื่อกระตุ้นเศรษกิจอย่างเดียวยังไม่เพียงพอ ในการนำพาประเทศก้าวผ่าวิกฤตไปได้
 
นายสมชาย กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลต้องทำคือ การควบคุมการระบาดโควิดให้ได้เร็วที่สุด เพราะที่ผ่านมาคนส่วนใหญ่มักจะมีความรู้สึกว่า สถานการณ์ดีขึ้นแล้ว ก่อนที่จะดีขึ้นจริงๆ อยู่เสมอ ทำให้คนบางกลุ่มการ์ดตก ไม่ได้ป้องกันตัวเองให้ดีเท่าที่ควร รวมถึงรัฐบาลประกาศผ่อนคลายมาตรการคุ้มเข้มโควิดเร็วเกินไป ทำให้เชื้อไวรัสกลับมาระบาดอีกครั้ง รวมถึงประเมินแล้วพบว่า ไวรัสโควิดสายพันธุ์อังกฤษที่เพิ่งเข้ามาระบาดในไทยนั้น ยังแพร่ระบาดได้ไม่เต็มที่ ซึ่งหากเต็มที่คาดว่าไทยอาจเป็นเหมือนประเทศในกลุ่มยุโรปได้ นอกจากนี้ ยังมีสสายพันธุ์แอฟฟริกา และบราซิล ซึ่งยังไม่เข้ามาระบาดในไทย แต่อันตรายมาก ซึ่งหากปล่อยให้หลุดเข้ามา ประเทศไทยจะน่ากังวลมากกว่านี้ จึงต้อเตรียมรับมือให้ได้
 
รัฐบาลจะต้องบริหารจัดการวัคซีนต้านไวรัสให้ดีกว่านี้ นำเข้ามาให้เร็วและมากที่สุด จนกว่าจะเพียงพอในการฉีดให้กับประชาชนในประเทศ รวมถึงการเพิ่มชนิดของวัคซีนที่รองรับการฉีดในประเทศด้วย เพราะขณะนี้ยังมีความกังวลและความไม่เชื่อถือในวัคซีนที่รัฐนำเข้ามา หลังจากนั้นก็ดำเนินการในส่วนของการใช้เงินที่เหลือประมาณ 2.4 แสนล้านบาทจากเงินกู้ทั้งหมด 1 ล้านล้านบาท ซึ่งจะต้องวางแผนในการใช้เงินให้ดี เพราะงบประมาณมีจำกัด แต่มองว่าแม้จะจำกัดอย่างไรก็จำเป็นต้องใช้” นายสมชาย กล่าว
 
นายสมชาย กล่าวว่า งบประมาณที่รัฐบาลมีอยู่ หากไม่เพียงพอก็ยังสามารถกู้เพิ่มได้อีก เพราะฐานะทางการเงินของไทยยังมีความแข็งแรง บวกกับหนี้สาธารณะของไทยยังอยู่ในระดับต่ำ หากเทียบกับต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งการกู้เพิ่มอีกนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้หนี้สาธารณะไทยดีดขึ้นแตะ 100% ต่อจีดีพีทันที แต่อาจเพิ่มกว่าระดับปัจจุบันไม่มากนัก ซึ่งรัฐบาลจะต้องวางแผนในการรับมือการระบาดระลอกนี้ และระลอกใหม่ที่อาจเกิดขึ้นได้อีก รวมถึงเตรียมงบประมาณในการบริหารจัดการทุกส่วนด้วย
 
นายสมชาย กล่าวว่า นอกจากนี้ ในช่วงที่ประชาชนได้รับผลกระทบจากโควิดอยู่นั้น รัฐบาลก็ต้องเยียวยาอย่างต่อเนื่อง ผ่านโครงการต่างๆ อาทิ คนละครึ่ง เราชนะ ม.33เรารักกัน เพื่อช่วยลดความลำบากของประชาชนก่อน หลังจากนั้นจะต้องเร่งดำเนินโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของไทย ซึ่งจะเชื่อมโยงให้เกิดการจ้างงาน และกระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนของเม็ดเงินในเศรษฐกิจเพิ่มด้วย ในระยะถัดไป เมื่อผลกระทบดูผ่อนคลายลงแล้ว หัวใจสำคัญที่รัต้องคือ การเพิ่มองค์ความรู้ให้กับแรงงานมุนษย์ เพื่อให้เกิดการจ้างงาน สามารถยืนด้วยตัวเองได้ ซึ่งจะทำให้เมื่อเกิดวิกฤตอะไรขึ้นมาอีก ก็ไม่ต้องรอคอยความช่วยเหลือจากรัฐบาลเท่านั้นแล้ว
 

 
ลุ้นปิดเมือง'กทม.-ปริมณฑล-เชียงใหม่-ประจวบฯ-ภาคตอ.'
https://www.dailynews.co.th/politics/837123
 
ลุ้นปิดเมือง'กทม.-ปริมณฑล-เชียงใหม่-ประจวบฯ-ภาคตอ.'
 
ผอ.ศปก.ศบค. เผยหารือกระทรวงสาธารณสุข พิจารณามาตรการอื่นๆ เพื่อควบคุมโควิด-19 อาจต้องล็อกดาวน์บางพื้นที่ เช่น กทม.และปริมณฑล  เชียงใหม่ ประจวบคีรีขันธ์ และภาคตะวันออกบางจังหวัด พรุ่งนี้จะเสนอการยกระดับพื้นที่ให้ศบค.ชุดเล็ก เคาะอีกครั้ง
 
เมื่อวันที่ 15 เม.ย. พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะ ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) กล่าวว่า ด้วยสถานการณ์ โควิด-19 ขณะนี้ จากการประชุมร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)  อยู่ระหว่างพิจารณามาตรการอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น การควบคุมสถานการณ์ ที่อาจต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์บางพื้นที่ เช่น กทม.และปริมณฑล เชียงใหม่ ประจวบคีรีขันธ์ และภาคตะวันออกบางจังหวัด แต่การประกาศมาตรการใดๆ ทางศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) จะต้องฟังข้อมูลจากทีมงานของกระทรวงสาธารณสุขเป็นหลัก
 
พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม สั่งการเมื่อวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา ให้เตรียมยกระดับ ขณะนี้ทีมงานเตรียมการไว้แล้ว เช่น ยกระดับพื้นที่ที่ผ่อนคลายให้เป็นพื้นที่สีแดง แต่จะระวังไม่ให้กระทบประชาชนโดยรวม ทั้งนี้นโยบายรายพื้นที่จะไม่ทำเหมือนทั้งประเทศ เพราะจะกระทบประชาชน มีความเป็นไปได้ที่จะนำมาตรการล็อกดาวน์มาใช้ในพื้นที่แต่ต้องรอฟังข้อมูลจากสาธารณสุขอีกครั้ง
 
"มาตรการล็อกดาวน์คือการห้ามเข้า-ออก ในพื้นที่จังหวัดควบคุม หรือหมายถึงพื้นที่ควบคุมสีแดงเข้ม แต่จากการประเมินขณะนี้ยืนยันว่าสถานการณ์ระบาดสามารถควบคุมได้ ยังใช้การมองด้านพื้นที่ ที่ต้องเฝ้าระวังผู้ติดเชื้อสูง ด้านกิจการใดที่เสี่ยงและกิจกรรมใดที่เสี่ยง วันที่ 15 เม.ย. สธ.จะเสนอการยกระดับพื้นที่ให้ศบค.ชุดเล็ก พิจารณาอีกครั้ง ศบค.เป็นห่วงกลุ่มคนที่เสี่ยงติดเชื้อ หรือคนที่เข้าไปในพื้นที่เสี่ยง หรือคนติดเชื้อแล้วยังไปในพื้นที่สาธารณะ ขอความร่วมมือกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงต้องกักตัวป้องกันไม่ให้เกิดคลัสเตอร์ใหม่ ส่วนโรงพยาบาลสนามที่รัฐบาล และ ศบค.จัดเตรียมไว้ เพียงพอกับการรองรับผู้ติดเชื้อโควิด" เลขาฯ สมช. ในฐานะ ผอ.ศปก.ศบค. กล่าว.


 
เดนมาร์กชาติแรกในยุโรป หยุดใช้วัคซีนแอสตราเซเนกากับคนทุกกลุ่ม
https://www.thairath.co.th/news/foreign/2069396?utm_source=PANORAMA_HOME
 
สำนักข่าว บีบีซี รายงานว่า เดนมาร์กประกาศหยุดใช้วัคซีนของบริษัท แอสตราเซเนกา ในโครงการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ของพวกเขาอย่างสิ้นเชิงแล้ว เมื่อวันพุธที่ 14 เม.ย. 2564 ท่ามกลางความกังวลว่า วัคซีนยี่ห้อนี้อาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตัน ซึ่งคาดว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะทำให้โครงการฉีดวัคซีนของเดนมาร์กต้องล่าช้าออกไปอีกหลายสัปดาห์
 
เดนมาร์กถือเป็นชาติยุโรปประเทศแรกที่หยุดใช้วัคซีนของแอสตราเซเนกากับคนทุกกลุ่ม หลังก่อนหน้านี้สมาชิกสหภาพยุโรปหลายประเทศหยุดใช้ชั่วคราวจากความกังวลเรื่องการทำให้เกิดลิ่มเลือด ก่อนจะกลับมาใช้งานอีกครั้ง แต่ส่วนใหญ่ใช้อย่างจำกัดในกลุ่มผู้สูงอายุเท่านั้น
 
ตามประกาศของคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของเดนมาร์ก วัคซีนของแอสตราเซเนกาทั้งหมด 2.4 ล้านโดส จะถูกถอดออกจากโครงการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง เนื่องจากผลการศึกษาพบกรณีการเกิดลิ่มเลือดอุดตันหลังได้รับวัคซีนในอัตราที่มากเกินกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ โดยพบในอัตรา 1 ต่อ 40,000 คน
 
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของเดนมาร์กยังเกิดขึ้นหลังจาก พบผู้เกิดอาการภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่หลอดเลือดดำที่เชื่อมโยงกับการฉีดวัคซีนในประเทศ 2 ราย โดยหนึ่งในนั้นเป็นหญิงอายุ 60 ปี และเสียชีวิตด้วยอาการป่วยนี้
 
นายชอเริน โบรชตรอม ผู้อำนวยการของคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติกล่าวว่า นี่เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก แต่เดนมาร์กมีวัคซีนอื่นๆ พร้อมใช้งาน และการระบาดตอนนี้ก็ยังอยู่ภายใต้การควบคุม อย่างไรก็ตาม เขาไม่ปิดโอกาสที่จะกลับไปใช้วัคซีนของแอสตราเซเนกาอีกครั้งในช่วงเวลาอื่น
 
ด้านโฆษกรัฐบาลฝรั่งเศส กล่าวหลังจากเดนมาร์กประกาศหยุดใช้วัคซีนของแอสตราเซเนกาว่า ฝรั่งเศสมองว่าวัคซีนตัวนี้เป็นเครื่องมือจำเป็น และเป็นเรื่องสำคัญที่วัคซีนแอสตราเซเนกาจะต้องถูกใช้งานต่อไป พร้อมกับยืนยันว่า นี่เป็นวัคซีนที่ปลอดภัยและใช้งานได้ผล
 
ขณะที่นาย แยน ฮามาเชค รองนายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐเช็กกล่าวว่า เขาได้สั่งการให้เอกอัตรราชทูตเช็กประจำเดนมาร์ก ลองขอซื้อวัคซีนแอสตราเซเนกาทั้ง 2.4 ล้านโดสที่เดนมาร์กระงับการใช้งานแล้ว และเขาจะเดินทางไปยังรัสเซีย เพื่อจัดแจงเรื่องการจัดส่งวัคซีน สปุตนิก วี ทันทีที่สำนักงานยาแห่งยุโรปอนุมัติการใช้งาน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่