realme ในตระกูล C นั้นยังคงเปิดตัวอัปเดตสเปกประจำปีและในปีนี้ก็ลุยกันรุ่นแรกในตัว realme c21 ซึ่งเป็นสเปกที่ออกมาปรับในหลายๆจุดจากเดิมครับ และยังคงจับกลุ่มตลาดเริ่มต้น และมีการเปลี่ยนแปลงงานออกแบบใหม่ในด้านหลัง แต่ภาพรวมอาจจะไม่ได้หนีจากเดิมมากนัก ส่วนงานออกแบบมาในลวดลายฝาหลังแบบใหม่ Geometric Design ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก นาฬิกาทรายนั้นเอง และยังคงมาพร้อมกับกล้องหลัง 3 ตัว AI รองรับการถ่ายเลนส์มุมกว้าง รวมถึงโหมดต่างๆมาครบเช่นเดิมเลยครับ ส่วนหน้าจอยังเป็น 6.5 นิ้วเช่นเดิมในตัวนี้
realme C21 เปิดตัวมาพร้อมกับสเปกเรื่องของ CPU นั้นมาพร้อมกับ MTK HELIO G35 ตัวเดียวกับ C12 และใช้งาน GPU Mali-GE8320 RAM LPDDR4X ในส่วนของ RAM 3 GB STORAGE 32 GB เพิ่มหน่วยความจำได้ ส่วนทางด้านหน้าจอนั้นยังคงเป็นดีไซน์แบบเดิมหน้าจอแบบติ่งหน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ ( 720 x 1600 พิกเซล), อัตราส่วนหน้าจอ 20:9 กระจก 2.5D Corning Gorilla Glass ส่วนในเรื่องของกล้องนั้น ใช้ 3 เลนส์พร้อมรองรับโหมดกลางคืน กล้องหลัง ความละเอียด 13MP f/2.2 PDAF กล้องตัวที่ 2 ความละเอียด 2 MP f/2.4 Portrait กล้องตัวที่ 3 Super Macro 2MP f/2.4 ระยะ 4 เซนติเมตร // Super Nightscape + Portraitmode +Chroma Boost ส่วนทางด้านกล้องหน้านั้นมาพร้อมกับ 5 MP f/2.4 ความละเอียดเลนส์เท่าเดิมครับ ส่วน แบตเตอรี่ที่ให้มามากถึง 5,000 mAh รองรับชาร์จ 10W เช่นเดิม ส่วนทางสเปกอื่นๆนั้นไม่ได้หนีจากเดิมเท่าไร และยังคงรองรับ Wifi 2.4 Ghz เท่านั้นด้วยและยังคงใช้งาน พอร์ต Micro-USB อยู่สำหรับในตระกูล C รุ่นล่างสุด
realme C21 มาพร้อมกับ สี Cross Blue และ Cross Black RAM 3GB STORAGE 32GB
เปิดราคาในไทย อยู่ที่ 4,299 บาทครับ
UNBOX
ตัวกล่องนั้นยังคงมีการออกแบบสีเหลืองเช่นเดิม พร้อมกับตัวเลขทางด้านบนแน่นอนว่ามีเลขพร้อมบอกรุ่น แต่จะไม่ได้มีรูปตัวเครื่องอะไรมา ส่วนทางด้านอุปกรณ์ในกล่องนั้นยังไม่ได้มีอะไรเพิ่ม และรอบนี้ไม่มีฟิล์มกันรอยติดมาให้แล้ว
- ตัวเครื่อง realme C21
- คู่มือ ที่จิ้มซิม
- ที่ชาร์จ 10W
- สายชาร์จ USB-A ไป Micro-USB
- ไม่มีฟิล์มกันรอยมาให้แล้ว
DESIGN
งานออกแบบการจัดวางตัวกล้องนั้นมีการใช้งาน กรอบสี่เหลี่ยม สานต่อกล้องหลังจากรุ่นก่อนหน้ามาอย่างต่อเนื่องพร้อมกับฝาหลังเล่นลวดลายสวยงาม รวมถึงทำได้ดีในแง่ของการออกแบบที่ลดรอยนิ้วมือ และทนทานมากขึ้นครับ แน่นอนว่าไม่ต่างกันมากกับรุ่นก่อนแต่ดีไซน์ดูมีอะไรมากขึ้น เท่มากขึ้นเส้นสาย พริ้วไหว ผสมกับเส้นสายแข็งๆทำให้มันดูเด่นขึ้นกับลวดลาย Hatch ตัดขวางครับ พร้อมกับสแกนนิ้วในด้านหลัง และ ลำโพงเป็นจุดหลักๆที่ย้ายมาในด้านฝาหลัง ใหญ่ขึ้น ระบบเสียงทำให้ยิงออกมาได้ดีกว่าเดิมเล็กน้อยครับ มาในความหนา 8.9 มม. หนัก 190 กรัม
หน้าจอใช้งาน IPS LCD ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ ( 720 x 1560 พิกเซล), อัตราส่วนหน้าจอ 20:9 พร้อมติ่งหยดน้ำและใช้งานกระจก Gorilla Glass ด้วยนะครับถือว่าโอเคเลย
หน้าจอขอบบนนั้นเป็นแบบเดิมมาพร้อมกล้องหน้า พร้อมติ่งหยดน้ำ และมีการแทรกเซนเซอร์ไว้ข้างๆกล้อง รวมถึงขอบลำโพงอยู่เหนือกล้องหน้า กล้องหน้าให้มาที่ 5MP รูรับแสง f/2.0 ครับเป็นปกติของรุ่นตระกูล C
ในส่วนขอบล่างหน้าจอนั้นปุ่มควบคุมนั้นจะอยู่ในหน้าจอ สามารถใช้งานเต็มหน้าจอได้แบบไม่มีปุ่ม ส่วนขอบข้างๆนั้นก็ทำได้บางพอๆกับรุ่นก่อนหน้านี้เลยครับ หนาเป็นปกติของมือถือในเรทราคานี้ และหน้าจอก็คล้ายกับตัว C12
ขอบเครื่องด้านล่างนั้นจะเป็น ช่อง Micro-USB 2.0 และ รูไมค์ 2 ตัว รวมถึงรูหูฟัง 3.5 มม. นั้นยังอยู่นะครับ ดีไซน์ Layout ต่างๆยังคงเหมือนกับรุ่นอื่นๆ แต่ลำโพงหลักย้ายไปอยู่บนฝาหลังของเครื่องแทนแล้วนะครับ
ในขอบเครื่องด้านข้างขวานั้นจะเป็นที่อยู่ของปุ่ม Power กับ เพิ่ม/ลด เสียง จะเห็นว่าตัวกล้องนั้นไม่ได้นูนออกเลยแม้แต่น้อยและตัวเครื่องก็ทำได้บางเช่นกัน ส่วนสีขอบเครื่องนั้นจะเป็นสีเดียวกัน และ งานออกแบบตามขอบใกล้เดิม
ในส่วนของด้านบนนั้นไม่มีรูไมค์ตัดเสียงมาให้ เป็นสีแดงสดแบบเดียวกับข้างหลังแต่ไม่มีลวดลาย ส่วนวัสดุขอบเครื่องทั้งหมดจะเป็นพลาสติกด้าน แต่ฝาหลังนั้นจะยังโค้งมารับมือเหมือนกับรุ่น C12 ก่อนหน้าจับได้ถนัดมือมากขึ้นครับ
ในส่วนของด้านซ้ายนั้นจะเห็นว่ามีช่องใส่ถาดซิม เป็นแบบ Triple Slot ฝาหลังนั้นจะโค้งลงมาตรงขอบข้างๆเล็กน้อยเหมือนกับรุ่นก่อนหน้านี้ทำให้จับถือได้ง่ายและเข้ากับมือได้มากกว่า
ฝาหลังแน่นอนว่ายังคงเป็นวัสดุพลาสติกขึ้นลาย พื้นผิวของฝาหลังเกิดจากการใช้เครื่องแกะสลักเรเดียมที่มีความแม่นยำสูงจากประเทศเยอรมนี พร้อมการขัดอีก 300 นาที แกะสลักมาเป็นเส้นโค้งกว่า 450 เส้นที่ด้านหลังเพื่อสร้างเอฟเฟกต์แสงสะท้อนพิเศษ แต่มีความเท่มากขึ้นครับ ได้รับแรงบันดาลใจจากรูปทรงเรขาคณิตของนาฬิกาทราย ออกแบบโดยใช้เทคนิค bold cross-hatch ช่วยสร้างมิติภาพเงาที่มีความทันสมัยและ เกิดความรู้สึกที่แข็งแกร่ง และสามารถป้องกันรอยนิ้วมือได้อีกด้วย มีให้เลือกถึง 2 สี ได้แก่ สีฟ้า Cross Bule และสีดำ Cross Black
กล้องหลังนั้นจะยังคงใช้งานการออกแบบกรอบสี่เหลี่ยมเหมือนกับรุ่นก่อนๆครับ และมาพร้อมกับการเพิ่มเลนส์กล้องเข้ามาอีก 1 ตัวที่มากกว่าเดิมที่เป็น 2 ตัวนั้นเอง เพราะได้เพิ่มเลนส์มาโครเข้ามาด้วยเช่นกันครับ ส่วนตัวกล้องหลักนั้นยังคงให้มาที่ ความละเอียด 13MP f/2.2 PDAF กล้องตัวที่ 2 ความละเอียด 2 MP f/2.4 Portrait กล้องตัวที่ 3 Super Macro 2MP f/2.4 ระยะ 4 เซนติเมตร พร้อมกับสแกนนิ้วมือในด้านหลังรองรับการสั่งงานถ่ายรูปได้
SPEC
- Android 10 ครอบทับด้วย realme UI
- จอ IPS LCD ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ ( 720 x 1600 พิกเซล), อัตราส่วนหน้าจอ 20:9 กระจก 2.5D Corning Gorilla Glass
- Mediatek Helio G35 + GPU Mali-GE8320
- RAM LPDDR4X RAM 3GB
- STORAGE 32GB เพิ่มหน่วยความจำได้
- กล้องหลัง ความละเอียด 13MP f/2.2 PDAF กล้องตัวที่ 2 ความละเอียด 2 MP f/2.4 Portrait กล้องตัวที่ 3 Super Macro 2MP f/2.4 ระยะ 4 เซนติเมตร // Super Nightscape + Portraitmode +Chroma Boost
- กล้องหน้า 5 MP f/2.0
- Wi-Fi 2.4GHz GPS A-GPS, GLONASS, BDS
- microUSB 2.0, USB On-The-Go , Reverse Charing
- มีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม
- แบตเตอรี่ 5,000 mAh + 10W
- ขนาดตัวเครื่อง 165 x 76 x 8.9 มม. หนัก 190 กรัม
- สี Cross Black และ สี Cross Blue
PERFORMANCE
ประสิทธิภาพของรุ่นนี้ต้องบอกว่าไม่ได้หนีจากรุ่นก่อนหน้าเท่าไร เพราะในประเด็นหลักๆนั้นยังคงใช้งาน MTK G35 เช่นเดิม แต่มาพร้อมกับ RAM 3GB STORAGE 32GB ส่วนคะแนน Antutu ทำไปได้ 129895 คะแนน มากกว่ารุ่น C12 พอสมควรครับและ และ Geekbench ทำไปได้ 170/964 คะแนน และ ทางด้านการอ่านเขียนนั้นเป็น eMMC5.1 ทำได้ 288 MB/s และ เขียน 121 MB/s รองรับ Netflix SD L3 นะครับ มาตรฐานรุ่นเล็ก
SYSTEM UI
realme UI ในรุ่นนี้ยังใช้งานบนพื้นฐาน Android 10 และใช้ realme UI การแจ้งเตือนใช้ได้ มีเลขมุมแอปอะไรปกติ ไอคอนเป็นทรงกลมซะส่วนใหญ่ ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป ลงตัวกับขนาดหน้าจอของตัวเครื่องครับสวยงาม แต่ถ้าใครอยากได้ realme UI 2 น่าจะมาพร้อมกับ Android 11 ซึ่งในรุ่นนี้ไม่พลาดได้อัปเดตตามมาแน่นอนครับ
หน้าการแจ้งเตือนและ Quick Setting นั้นเป็นอีกจุดที่เปลี่ยนแปลงค่อนข้างเยอะ ไอคอนการตั้งค่าอะไรเปลี่ยนไปทั้งหมดเป็นวงกลม และ คลีนขึ้น การกดเข้าอะไรต่างๆนั้นได้เปลี่ยนแปลงไปทั้งหมดรวมถึงไอคอนรูปฟันเฟืองก็เปลี่ยนไปด้วย เมื่อลากลงมาก็เป็นการตั้งค่าแบบเต็ม รวมถึงแบ่งหน้าจออะไรนั้นยังมีมาให้ปกติ
ทางด้านแป้นพิมพ์นั้นเป็นของ Google ที่คุ้นเคยกันดีครับใช้ง่าย ดีงามเลยแหละ ส่วนหน่วยความจำพื้นที่ตัวเครื่อง มาให้ 64GB นั้นเหลือใช้งานได้ 50 หลังจากหักระบบออกไป และ RAM นั้นใช้งานเหลือ 1.8GB จาก 4 GB ครับ แต่ในสเปก ขายจริงจะเป็น RAM 3 GB STORAGE 32 GB นะครับผมการใช้งานอาจจะแตกต่างกันนิดหน่อย
การสแกนใบหน้า สแกนนิ้วก็ให้มาครบเลย รวมถึงการตั้งค่าการควบคุมหลักๆนั้นสามารถปรับใช้งานแบบเต็มจอหรือจะใช้งานแบบ 3 ปุ่มปกติสลับตำแหน่งได้ด้วย แต่รุ่นนี้จะไม่มี Smartsidebar ใสเข้ามานะครับ แต่ในเรื่องของการใช้งานทั้งเรื่องของการจัดการแอป การโคลนแอปต่างๆ รวมถึงโหมดเกม และการแบ่งหน้าจอ และการควบคุมทั้งการแคปหน้าจอ และ การรับสายต่างๆก็ทำได้ด้วยเป็นพื้นฐานครับ และ Gesture ท่าทางในการใช้งานไม่เจอในการตั้งค่านะ
SCREEN
หน้าจอในรุ่นนี้นั้นใช้งานหน้าจอแบบ 6.5 นิ้ว IPS LCD เช่นเดิม ตัวหน้าจอนั้นอาจจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนักจากรุ่นเดิม หน้าจอให้มาในส่วนของสเปก ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ ( 720 x 1600 พิกเซล), อัตราส่วนหน้าจอ 20:9 ติ่งหยดน้ำเล็กกว่าเดิม และใช้งาน วัสดุกระจก Gorilla Glass รองรับโหมดถนอมสายตา ปรับระดับแสงหน้าจอ และ Dark Mode เช่นกันครับในภาพรวมหน้าจอโอเคเลยถ้ามองตรงๆ สู้แสงได้ระดับนึงแต่ไม่ได้โหดมากนัก ส่วนมุมมองนั้นกำลังดีแต่ถ้าเริ่มเอียงๆอาจจะมีมืดไปหน่อย และเร่งแสงสุดยังไม่สว่างมากเท่าไร ส่วนในตัวการสัมผัสนั้นต้องบอกเลยว่าเหมือนกับรุ่น C12 ก่อนหน้านี้ครับมีความหน่วงอยู่บ้างไม่ได้ติดนิ้วมากเท่าไร
[SR] รีวิว realme C21 มาพร้อม 3 กล้อง AI หน้าจอใหญ่ 6.5 นิ้ว พร้อม MTK HELIO G35 !
realme ในตระกูล C นั้นยังคงเปิดตัวอัปเดตสเปกประจำปีและในปีนี้ก็ลุยกันรุ่นแรกในตัว realme c21 ซึ่งเป็นสเปกที่ออกมาปรับในหลายๆจุดจากเดิมครับ และยังคงจับกลุ่มตลาดเริ่มต้น และมีการเปลี่ยนแปลงงานออกแบบใหม่ในด้านหลัง แต่ภาพรวมอาจจะไม่ได้หนีจากเดิมมากนัก ส่วนงานออกแบบมาในลวดลายฝาหลังแบบใหม่ Geometric Design ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก นาฬิกาทรายนั้นเอง และยังคงมาพร้อมกับกล้องหลัง 3 ตัว AI รองรับการถ่ายเลนส์มุมกว้าง รวมถึงโหมดต่างๆมาครบเช่นเดิมเลยครับ ส่วนหน้าจอยังเป็น 6.5 นิ้วเช่นเดิมในตัวนี้
realme C21 เปิดตัวมาพร้อมกับสเปกเรื่องของ CPU นั้นมาพร้อมกับ MTK HELIO G35 ตัวเดียวกับ C12 และใช้งาน GPU Mali-GE8320 RAM LPDDR4X ในส่วนของ RAM 3 GB STORAGE 32 GB เพิ่มหน่วยความจำได้ ส่วนทางด้านหน้าจอนั้นยังคงเป็นดีไซน์แบบเดิมหน้าจอแบบติ่งหน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ ( 720 x 1600 พิกเซล), อัตราส่วนหน้าจอ 20:9 กระจก 2.5D Corning Gorilla Glass ส่วนในเรื่องของกล้องนั้น ใช้ 3 เลนส์พร้อมรองรับโหมดกลางคืน กล้องหลัง ความละเอียด 13MP f/2.2 PDAF กล้องตัวที่ 2 ความละเอียด 2 MP f/2.4 Portrait กล้องตัวที่ 3 Super Macro 2MP f/2.4 ระยะ 4 เซนติเมตร // Super Nightscape + Portraitmode +Chroma Boost ส่วนทางด้านกล้องหน้านั้นมาพร้อมกับ 5 MP f/2.4 ความละเอียดเลนส์เท่าเดิมครับ ส่วน แบตเตอรี่ที่ให้มามากถึง 5,000 mAh รองรับชาร์จ 10W เช่นเดิม ส่วนทางสเปกอื่นๆนั้นไม่ได้หนีจากเดิมเท่าไร และยังคงรองรับ Wifi 2.4 Ghz เท่านั้นด้วยและยังคงใช้งาน พอร์ต Micro-USB อยู่สำหรับในตระกูล C รุ่นล่างสุด
realme C21 มาพร้อมกับ สี Cross Blue และ Cross Black RAM 3GB STORAGE 32GB
เปิดราคาในไทย อยู่ที่ 4,299 บาทครับ
UNBOX
ตัวกล่องนั้นยังคงมีการออกแบบสีเหลืองเช่นเดิม พร้อมกับตัวเลขทางด้านบนแน่นอนว่ามีเลขพร้อมบอกรุ่น แต่จะไม่ได้มีรูปตัวเครื่องอะไรมา ส่วนทางด้านอุปกรณ์ในกล่องนั้นยังไม่ได้มีอะไรเพิ่ม และรอบนี้ไม่มีฟิล์มกันรอยติดมาให้แล้ว
- ตัวเครื่อง realme C21
- คู่มือ ที่จิ้มซิม
- ที่ชาร์จ 10W
- สายชาร์จ USB-A ไป Micro-USB
- ไม่มีฟิล์มกันรอยมาให้แล้ว
DESIGN
งานออกแบบการจัดวางตัวกล้องนั้นมีการใช้งาน กรอบสี่เหลี่ยม สานต่อกล้องหลังจากรุ่นก่อนหน้ามาอย่างต่อเนื่องพร้อมกับฝาหลังเล่นลวดลายสวยงาม รวมถึงทำได้ดีในแง่ของการออกแบบที่ลดรอยนิ้วมือ และทนทานมากขึ้นครับ แน่นอนว่าไม่ต่างกันมากกับรุ่นก่อนแต่ดีไซน์ดูมีอะไรมากขึ้น เท่มากขึ้นเส้นสาย พริ้วไหว ผสมกับเส้นสายแข็งๆทำให้มันดูเด่นขึ้นกับลวดลาย Hatch ตัดขวางครับ พร้อมกับสแกนนิ้วในด้านหลัง และ ลำโพงเป็นจุดหลักๆที่ย้ายมาในด้านฝาหลัง ใหญ่ขึ้น ระบบเสียงทำให้ยิงออกมาได้ดีกว่าเดิมเล็กน้อยครับ มาในความหนา 8.9 มม. หนัก 190 กรัม
หน้าจอใช้งาน IPS LCD ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ ( 720 x 1560 พิกเซล), อัตราส่วนหน้าจอ 20:9 พร้อมติ่งหยดน้ำและใช้งานกระจก Gorilla Glass ด้วยนะครับถือว่าโอเคเลย
หน้าจอขอบบนนั้นเป็นแบบเดิมมาพร้อมกล้องหน้า พร้อมติ่งหยดน้ำ และมีการแทรกเซนเซอร์ไว้ข้างๆกล้อง รวมถึงขอบลำโพงอยู่เหนือกล้องหน้า กล้องหน้าให้มาที่ 5MP รูรับแสง f/2.0 ครับเป็นปกติของรุ่นตระกูล C
ในส่วนขอบล่างหน้าจอนั้นปุ่มควบคุมนั้นจะอยู่ในหน้าจอ สามารถใช้งานเต็มหน้าจอได้แบบไม่มีปุ่ม ส่วนขอบข้างๆนั้นก็ทำได้บางพอๆกับรุ่นก่อนหน้านี้เลยครับ หนาเป็นปกติของมือถือในเรทราคานี้ และหน้าจอก็คล้ายกับตัว C12
ขอบเครื่องด้านล่างนั้นจะเป็น ช่อง Micro-USB 2.0 และ รูไมค์ 2 ตัว รวมถึงรูหูฟัง 3.5 มม. นั้นยังอยู่นะครับ ดีไซน์ Layout ต่างๆยังคงเหมือนกับรุ่นอื่นๆ แต่ลำโพงหลักย้ายไปอยู่บนฝาหลังของเครื่องแทนแล้วนะครับ
ในขอบเครื่องด้านข้างขวานั้นจะเป็นที่อยู่ของปุ่ม Power กับ เพิ่ม/ลด เสียง จะเห็นว่าตัวกล้องนั้นไม่ได้นูนออกเลยแม้แต่น้อยและตัวเครื่องก็ทำได้บางเช่นกัน ส่วนสีขอบเครื่องนั้นจะเป็นสีเดียวกัน และ งานออกแบบตามขอบใกล้เดิม
ในส่วนของด้านบนนั้นไม่มีรูไมค์ตัดเสียงมาให้ เป็นสีแดงสดแบบเดียวกับข้างหลังแต่ไม่มีลวดลาย ส่วนวัสดุขอบเครื่องทั้งหมดจะเป็นพลาสติกด้าน แต่ฝาหลังนั้นจะยังโค้งมารับมือเหมือนกับรุ่น C12 ก่อนหน้าจับได้ถนัดมือมากขึ้นครับ
ในส่วนของด้านซ้ายนั้นจะเห็นว่ามีช่องใส่ถาดซิม เป็นแบบ Triple Slot ฝาหลังนั้นจะโค้งลงมาตรงขอบข้างๆเล็กน้อยเหมือนกับรุ่นก่อนหน้านี้ทำให้จับถือได้ง่ายและเข้ากับมือได้มากกว่า
ฝาหลังแน่นอนว่ายังคงเป็นวัสดุพลาสติกขึ้นลาย พื้นผิวของฝาหลังเกิดจากการใช้เครื่องแกะสลักเรเดียมที่มีความแม่นยำสูงจากประเทศเยอรมนี พร้อมการขัดอีก 300 นาที แกะสลักมาเป็นเส้นโค้งกว่า 450 เส้นที่ด้านหลังเพื่อสร้างเอฟเฟกต์แสงสะท้อนพิเศษ แต่มีความเท่มากขึ้นครับ ได้รับแรงบันดาลใจจากรูปทรงเรขาคณิตของนาฬิกาทราย ออกแบบโดยใช้เทคนิค bold cross-hatch ช่วยสร้างมิติภาพเงาที่มีความทันสมัยและ เกิดความรู้สึกที่แข็งแกร่ง และสามารถป้องกันรอยนิ้วมือได้อีกด้วย มีให้เลือกถึง 2 สี ได้แก่ สีฟ้า Cross Bule และสีดำ Cross Black
กล้องหลังนั้นจะยังคงใช้งานการออกแบบกรอบสี่เหลี่ยมเหมือนกับรุ่นก่อนๆครับ และมาพร้อมกับการเพิ่มเลนส์กล้องเข้ามาอีก 1 ตัวที่มากกว่าเดิมที่เป็น 2 ตัวนั้นเอง เพราะได้เพิ่มเลนส์มาโครเข้ามาด้วยเช่นกันครับ ส่วนตัวกล้องหลักนั้นยังคงให้มาที่ ความละเอียด 13MP f/2.2 PDAF กล้องตัวที่ 2 ความละเอียด 2 MP f/2.4 Portrait กล้องตัวที่ 3 Super Macro 2MP f/2.4 ระยะ 4 เซนติเมตร พร้อมกับสแกนนิ้วมือในด้านหลังรองรับการสั่งงานถ่ายรูปได้
SPEC
- Android 10 ครอบทับด้วย realme UI
- จอ IPS LCD ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ ( 720 x 1600 พิกเซล), อัตราส่วนหน้าจอ 20:9 กระจก 2.5D Corning Gorilla Glass
- Mediatek Helio G35 + GPU Mali-GE8320
- RAM LPDDR4X RAM 3GB
- STORAGE 32GB เพิ่มหน่วยความจำได้
- กล้องหลัง ความละเอียด 13MP f/2.2 PDAF กล้องตัวที่ 2 ความละเอียด 2 MP f/2.4 Portrait กล้องตัวที่ 3 Super Macro 2MP f/2.4 ระยะ 4 เซนติเมตร // Super Nightscape + Portraitmode +Chroma Boost
- กล้องหน้า 5 MP f/2.0
- Wi-Fi 2.4GHz GPS A-GPS, GLONASS, BDS
- microUSB 2.0, USB On-The-Go , Reverse Charing
- มีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม
- แบตเตอรี่ 5,000 mAh + 10W
- ขนาดตัวเครื่อง 165 x 76 x 8.9 มม. หนัก 190 กรัม
- สี Cross Black และ สี Cross Blue
PERFORMANCE
ประสิทธิภาพของรุ่นนี้ต้องบอกว่าไม่ได้หนีจากรุ่นก่อนหน้าเท่าไร เพราะในประเด็นหลักๆนั้นยังคงใช้งาน MTK G35 เช่นเดิม แต่มาพร้อมกับ RAM 3GB STORAGE 32GB ส่วนคะแนน Antutu ทำไปได้ 129895 คะแนน มากกว่ารุ่น C12 พอสมควรครับและ และ Geekbench ทำไปได้ 170/964 คะแนน และ ทางด้านการอ่านเขียนนั้นเป็น eMMC5.1 ทำได้ 288 MB/s และ เขียน 121 MB/s รองรับ Netflix SD L3 นะครับ มาตรฐานรุ่นเล็ก
SYSTEM UI
realme UI ในรุ่นนี้ยังใช้งานบนพื้นฐาน Android 10 และใช้ realme UI การแจ้งเตือนใช้ได้ มีเลขมุมแอปอะไรปกติ ไอคอนเป็นทรงกลมซะส่วนใหญ่ ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป ลงตัวกับขนาดหน้าจอของตัวเครื่องครับสวยงาม แต่ถ้าใครอยากได้ realme UI 2 น่าจะมาพร้อมกับ Android 11 ซึ่งในรุ่นนี้ไม่พลาดได้อัปเดตตามมาแน่นอนครับ
หน้าการแจ้งเตือนและ Quick Setting นั้นเป็นอีกจุดที่เปลี่ยนแปลงค่อนข้างเยอะ ไอคอนการตั้งค่าอะไรเปลี่ยนไปทั้งหมดเป็นวงกลม และ คลีนขึ้น การกดเข้าอะไรต่างๆนั้นได้เปลี่ยนแปลงไปทั้งหมดรวมถึงไอคอนรูปฟันเฟืองก็เปลี่ยนไปด้วย เมื่อลากลงมาก็เป็นการตั้งค่าแบบเต็ม รวมถึงแบ่งหน้าจออะไรนั้นยังมีมาให้ปกติ
ทางด้านแป้นพิมพ์นั้นเป็นของ Google ที่คุ้นเคยกันดีครับใช้ง่าย ดีงามเลยแหละ ส่วนหน่วยความจำพื้นที่ตัวเครื่อง มาให้ 64GB นั้นเหลือใช้งานได้ 50 หลังจากหักระบบออกไป และ RAM นั้นใช้งานเหลือ 1.8GB จาก 4 GB ครับ แต่ในสเปก ขายจริงจะเป็น RAM 3 GB STORAGE 32 GB นะครับผมการใช้งานอาจจะแตกต่างกันนิดหน่อย
การสแกนใบหน้า สแกนนิ้วก็ให้มาครบเลย รวมถึงการตั้งค่าการควบคุมหลักๆนั้นสามารถปรับใช้งานแบบเต็มจอหรือจะใช้งานแบบ 3 ปุ่มปกติสลับตำแหน่งได้ด้วย แต่รุ่นนี้จะไม่มี Smartsidebar ใสเข้ามานะครับ แต่ในเรื่องของการใช้งานทั้งเรื่องของการจัดการแอป การโคลนแอปต่างๆ รวมถึงโหมดเกม และการแบ่งหน้าจอ และการควบคุมทั้งการแคปหน้าจอ และ การรับสายต่างๆก็ทำได้ด้วยเป็นพื้นฐานครับ และ Gesture ท่าทางในการใช้งานไม่เจอในการตั้งค่านะ
SCREEN
หน้าจอในรุ่นนี้นั้นใช้งานหน้าจอแบบ 6.5 นิ้ว IPS LCD เช่นเดิม ตัวหน้าจอนั้นอาจจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนักจากรุ่นเดิม หน้าจอให้มาในส่วนของสเปก ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ ( 720 x 1600 พิกเซล), อัตราส่วนหน้าจอ 20:9 ติ่งหยดน้ำเล็กกว่าเดิม และใช้งาน วัสดุกระจก Gorilla Glass รองรับโหมดถนอมสายตา ปรับระดับแสงหน้าจอ และ Dark Mode เช่นกันครับในภาพรวมหน้าจอโอเคเลยถ้ามองตรงๆ สู้แสงได้ระดับนึงแต่ไม่ได้โหดมากนัก ส่วนมุมมองนั้นกำลังดีแต่ถ้าเริ่มเอียงๆอาจจะมีมืดไปหน่อย และเร่งแสงสุดยังไม่สว่างมากเท่าไร ส่วนในตัวการสัมผัสนั้นต้องบอกเลยว่าเหมือนกับรุ่น C12 ก่อนหน้านี้ครับมีความหน่วงอยู่บ้างไม่ได้ติดนิ้วมากเท่าไร
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้