หลังจากใช้ความพยายามมาหลายเดือน แม่ยีราฟและลูกของมันได้รับการช่วยเหลือจากเกาะแห่งหนึ่ง เนื่องจากระดับน้ำที่สูงขึ้นคุกคามที่อยู่ของพวกมัน
ในนทะเลสาบ Baringo ในเคนยา โดยเป็นยีราฟสองตัวสุดท้ายใน 9 ตัวที่ใกล้สูญพันธุ์ ที่ถูกขนส่งไปยังแผ่นดินใหญ่ของเคนยา ขณะนี้ภาพถ่ายที่แบ่งปันโดยสถานบริการสัตว์ป่าในประเทศกำลังถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก โดยผู้คนต่างยกย่องพวกเขาที่ใช้ความพยายามมายาวนาน

Kenya Wildlife Service (KWS) และพันธมิตรด้านการอนุรักษ์กล่าวว่า การช่วยเหลือยีราฟสองตัวสุดท้ายที่เหลือจากเกาะ Longicharo ที่จะหายไปในทะเลสาบ Baringo ทำให้พวกเขามีความสุขอย่างมาก นับเป็นข้อสรุปของความพยายามในการช่วยเหลือช้างแมมมอธ ซึ่งเริ่มในเดือนธันวาคมปี 2020 

ความพยายามที่สำคัญนำโดยชุมชนท้องถิ่นใน Ruko Conservancy, Kenya Wildlife Service, Save Giraffes Now และ Northern Rangelands Trust (NRT) ซึ่งนับตั้งแต่นั้นมาได้ช่วยชีวิตยีราฟ Rothschild 9 ตัวได้สำเร็จ ในการขนส่งพวกมันด้วยการใช้เรือที่สร้างขึ้นเองที่ชื่อ " GiRaft " เพื่อข้าม
น้ำโคลนซึ่งใช้เวลา 15 เดือนในการวางแผนและทำงาน

โดยเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2021 ได้ส่งมอบยีราฟที่ติดอยู่ 9 ตัวสุดท้ายได้อย่างปลอดภัย โดยยีราฟที่ถูกคุกคาม เป็นสายพันธุ์ย่อยที่ใกล้สูญพันธุ์อย่างมากที่เรียกว่า " Rothschild’s giraffes " ( Giraffa camelopardalis rothschildi ) อาศัยอยู่บนเกาะ Longicharo ในทะเลสาบ Baringo ของเคนยาตั้งแต่ปี 2011 แต่น้ำที่เพิ่มสูงขึ้นท่วมที่อยู่อาศัยของพวกมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า และนักอนุรักษ์กังวลว่า ยีราฟจะหาอาหารบนเกาะไม่เพียงพออีกต่อไป จึงตัดสินใจที่จะอพยพพวกมันไปยังศูนย์อนุรักษ์ยีราฟแห่งใหม่

ในการขนยีราฟจากเกาะที่กำลังหดตัวไปยังสถานที่แห่งใหม่บนแผ่นดินใหญ่นั้น  SGN ได้ทำงานร่วมกับ NRT และหน่วยงานอนุรักษ์ในท้องถิ่นอื่น ๆ
รวมถึงผู้คนจากชุมชน Njemps และ Pokot ที่ได้ออกแบบและสร้างเรือบรรทุกยีราฟที่มีด้านข้างสูงเสริมด้วยกลองเปล่า 60 กล่องและลากด้วยเรือ

ก่อนอื่น เจ้าหน้าที่ช่วยให้ยีราฟคุ้นเคยกับเรือ GiRaft ในระยะหนึ่ง โดยจอดเรือไว้บนบกและกระตุ้นให้สัตว์เข้ามาตรวจดู ด้วยการบรรทุกของอร่อย ๆ ขึ้นไว้บนเรือเช่น มะม่วง ฝักถั่ว อาหารเม็ด และใบกระถิน  เมื่อยีราฟคุ้นเคยกับเรือ GiRaft แล้วเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยได้เคลื่อนย้ายพวกมันทีละตัวไปยังพื้นที่ที่สูงกว่าในเขตอนุรักษ์ที่ปิดล้อม ที่เขตอนุรักษ์ Ruko ขนาด 44,000 เอเคอร์ (178 ตารางกิโลเมตร) ซึ่งอยู่ห่างจากทะเลสาบประมาณ 1 ไมล์ (1.6 กิโลเมตร) 
 

โดยในเดือนธันวาคมปี 2020 ผู้โดยสารคนแรกที่ขึ้นเรือ GiRaft คือยีราฟเพศเมียชื่อ " Asiwa " เนื่องจากน้ำที่สูงขึ้นได้แยกเธอออกจากฝูงที่เหลือ และ Pasaka ที่เดินทางในเดือนเดียวกันแต่ทีละตัว และ Lbarnoti ในเดือนมกราคม 2021 ต่อมามีการนำยีราฟข้ามทะเลสาบเพิ่มขึ้น จนในวันที่ 12 เมษายนยีราฟสองตัวสุดท้ายที่เหลืออยู่ เป็นตัวเมียชื่อ Ngarikoni และ Noelle ลูกน้อยของมัน ที่เกิดเมื่อปลายเดือนธันวาคม  เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจ 

จากการศึกษาที่ตีพิมพ์ในปี 2019 ในวารสาร the African Journal of Ecology ระบุว่า ประชากรยีราฟโดยทั่วไปลดลงประมาณ 40% ในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมา แต่จำนวน " Rothschild’s giraffes " ลดลงประมาณ 80% เท่านั้น ทำให้มันเป็นหนึ่งในยีราฟชนิดย่อยที่ไม่ถูกทำลายมากที่สุด

ทั้งนี้  " Rothschild’s giraffes " เป็นยีราฟที่สูงที่สุดชนิดหนึ่ง เคยแพร่หลายไปทั่วเคนยา ยูกันดา และซูดานตอนใต้ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของยีราฟประมาณ 800 ตัวจาก 3,000 ตัวของ สายพะนธ์ Rothschild ที่อยู่ในป่าแอฟริกา และต้องต่อสู้กับภัยคุกคามมากมาย รวมถึงการสูญเสียที่อยู่อาศัย และการลักลอบล่าเนื้อสัตว์

ซึ่ง Patrick Omondi ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและวางแผนความหลากหลายทางชีวภาพของ KWS กล่าวกับหน่วยงานว่า การย้ายยีราฟ Rothschild ไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์บนแผ่นดินใหญ่จะป้องกันพวกมันจากสัตว์นักล่า และเพิ่มความสามารถในการผสมพันธุ์ได้โดยไม่หยุดชะงัก
 

เกาะ Longicharo นั้น เดิมเป็นคาบสมุทรและมีขนาดประมาณ 100 เอเคอร์ แต่ขณะนี้เหลือพื้นที่เพียง 8 เอเคอร์ ซึ่งไม่เพียงพอสำหรับสัตว์ป่าทั้งหมด
ติดอยู่บนเกาะ และนอกจากยีราฟแล้ว ยังต้องย้ายนกกระจอกเทศเพศเมีย 1 ตัว,  อิมพาลา 3 ตัว และ warthogs (หมูป่าชนิดหนึ่ง) 11 ตัวได้อย่างปลอดภัยโดยใช้อวนจับบนพื้นดินก่อน ที่จะเคลื่อนย้ายจากเกาะภายในลังหรือบนเรือไปยังแผ่นดินใหญ่

เมื่ออยู่บนแผ่นดินใหญ่ พวกมันถูกปล่อยสู่ Ruko Community Wildlife Conservancy  ที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์ ซึ่งการที่ต้องย้ายสัตว์เหล่านี้เนื่องจาก พวกมันผอมและอ่อนแออย่างมากบนเกาะที่ใกล้จมและมีอาหารไม่เพียงพอ และพวกมันยังถูกล่าโดยจระเข้ที่ฉลาดมากบนเกาะ

สำหรับ " Rothschild’s giraffes " ได้รับการตั้งชื่อตาม Lord Walter Rothschild (1868-1937) นายธนาคารนักการเมืองและนักสัตววิทยาชาวอังกฤษ
ที่เป็นคนแรกที่อธิบายยีราฟสายพันธุ์ย่อย ที่มีเขาห้าเขาอยู่บนหัว (ยีราฟตัวอื่นมีเพียงสองตัว) โดยเขาสองเขาอยู่ที่ด้านบนของหัวเหมือนยีราฟทุกตัว
เขาที่สามจะเห็นอยู่ตรงกลางหน้าผาก และอีกสองอันอยู่หลังหูแต่ละข้าง และมีความสูงได้ถึงหกเมตร (20 ฟุต)