เรื่องที่ไม่ใช่เรื่องเกิดขึ้น มันเริ่มต้นจากเพื่อนสาวคนหนึ่งเจอกันที่ทำงาน เเรกๆเราต่างไม่รู้จักกัน เพราะไม่รู้ที่มาที่ไปของกันเเละกัน
เเต่ทุกอย่างต้องเปลี่ยนไป เมื่อผมเข้าไปทักทายเธอเเละคุยการเมืองอันประเจิดประเจ้อ จนเธอไม่รู้จะตอบอะไร จากคำถามที่ถาโถมเข้ามาเป็นชุดๆ อยู่หลายครั้ง
เราคุยกันถูกคอ จนเราทั้งสองเริ่มเปิดเผยชีวิตของเเต่ละคน เเละคงเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีต่อกัน
ที่ผมยังไม่รีบร้อนเปิดประเด็นเพราะอยากให้ทุกท่านเข้าใจที่มาที่ไปของผมเเละเขา ไม่ใช่สับเเต่ยิงคำตอบตามคติของตัวเอง ทั้งที่เรื่องราวของผมเเละเธอมีสตอรี่ต่างกับคนอื่น เเต่จบลงที่บนเตียง
เอาหล่ะกลับมาเข้าเรื่อง วันที่สองเราก็คุยในเวลางาน เเละเป็นที่ ที่เราได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น เราทั้งสองมีอุดมการณ์คล้ายคลึงกัน เพราะพวกเราเป็นคนเจนเนอเรชั่นเดียวกัน จึงมีความคิดที่เข้ากันได้ มี
ประโยคนี่ที่เธอจั่วหัวมาทำผมถึงกับสะดุ้ง
“ หลายคนเข้าผิดว่า น้องสาวเวลาโดนเเทงเเล้ว มันจะยานเหมือนหนังยาง เเต่ความจริงมันสามารถเด้งดึ๋ง กลับมาเหมือนเดิมได้ ”
ผมสตั้นไปสองวินาที เพราะตัวเองยังไม่เข้าเรื่องเพศ เเต่เขาจู่โจมมางี้เลย เเละเป็นผู้หญิงด้วย
เเต่มีจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่ทำให้เราเป็นเพื่อนกัน จนถึงทุกวันนี้ คือครั้งหนึ่ง เธอชวนเราให้เลิกงานดึก เเละมันเป็นไฟเล็กๆที่คิดเกินเลยเพื่อน เพราะไม่เคยเลยมีครั้งไหนที่ผมยอมทำให้คนอื่นขนาดนี้ ปรกติผมเอาเเต่จินตนาการถึงอนาคตตลอด มันรู้สึกปฏิวัติในจิตใจไงก็ไม่รู้
วันถัดไปเราเริ่มทานข้าวด้วยกัน ทำอะไรด้วยกัน จนเรียกได้ว่าเป็นเพื่อน ( วงเล็บ ไม่สนิทกันมากนัก ) ได้เเล้ว
ถึงไลฟ์สไตล์ของเราจะเเตกต่างกันบ้างก็เถอะ ผมเป็นจำพวกประหยัดเพื่อบรรลุเเผนอันทะเยอทะยาน ส่วนเธองั้นเหรอ ก็เหมือนมนุษย์ปุถุชนทั่วไป ใช้เงินประทานความสุข อะไรต่อมิอะไร เหมือนกับมนุษย์ที่ไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรในการเปลี่ยนเเปลงโลกไปนี้ อีกร้อยก็ก็คงไม่มีใครรู้จัก ต่างกับผมที่ชีวิตนี้เต็วไปด้วยเเผนการณ์ นี่ก็เป็นความรู้สึกของผมคราวๆที่มีต่อเธอ
หลายครั้งที่เธอเอ๋ยปากชวนกินหมูกะทะหลายรอบ เเต่ผมกลัวบุคลิกของผมจะทำเธอไม่ชอบใจ เลยบ่ายเบี่ยงประเด็นเมินเฉย จนล่วงเลยไปหลายวัน
กระทั่งผมไม่เจอเธอในที่ทำงานมาอยู่หลายวันเลยตัดสินใจ ทักไลน์เธอ พูดจาทะลึ่งลามกจนเธอต้องบอกว่า จิตใจคนเราดูกันอย่างงี้เเหละ ทำให้ผมรู้ตัวว่าเธอไม่ชอบอะไรเเบบนี้ มันทำให้พยายามควบคุมการพูดให้เหมาะสมกับเธอมากขึ้น ว่าหากพูดอย่างงี้เธอจะชอบไหม ระยะหลังเธอดูมีทีท่าไม่สนใจอะไรกับผม มีเพียงคำหนึ่งที่หลุดออกคือ กินหมูกะทะปะ มันทำให้ผมรู้เลยว่าความสัมพันธ์เธอกับผมคงอยู่ได้ไม่นาน สุดท้ายก็ต้องเลือนลางหายไปตามกาลเวลา หลังจากเราไม่เจอกันอีก
รุ่งขึ้นผมยืนเหม๋อลอย เเละเผลอตอบตกลงว่ากินหมูกะทะเพราะความกลัวว่าเราจะลืมเลือนความทรงจำที่มีต่อกัน ( เธอจะลาออกจากงาน ) จนทำพวกเราได้กินหมูกะทะตอนหัวค่ำ คุยกันเรื่อยเปื่อยตามประสาเพื่อนร่วมงาน กระทั่งผมดันพูดคำเล็กแต่ลึกซึ้งคำหนึ่ง “ ดูไปดูมา เเกก็น่ารักดีเหมือนกันนะเนี่ย ” เธอตอกกลับหน้าบูดหน้าบี้ “ เพื่อนกันเเหละดีเเล้ว ”
มันเป็นคำเเทงใจดำผม ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ผมจึงหยิบไมค์ร้องเพลงประชดรักเธอ ผมไม่รู้ว่าผลมันจะออกมาดีไหม เเต่ขอเเค่ให้ได้ร้อง นักดนตรีก็เล่นได้ดีมาก พวกเขาบิ้วตามเสียง เเละผมราดแอลกอฮอล์ เพื่อจุดไฟเล็กรอบตัว จนไฟลุกโชเล็กๆ ไม่รู้ทำไปทำไม เเต่ก็รู้สึกดี
วันที่เรากินหมูกะทะเป็นวันที่มีความสุขดี ถึงมีเรื่องวุ่นๆตอนผมไปร้องเพลงเเหละ เรื่องมันเริ่มเกิดตรงจุดนี้ เมื่อผมอาสาไปส่งที่หอ เเละเธอก็ตอบตกลง เเต่เขาก็ระมัดระวังตัวเองบอกเราว่า ส่งเเค่หน้าหอก็พอ เเต่ผมบอกว่า ตามที่เธอสบายใจ
ความจริงพอเราถึงลิฟท์ เขากลับไม่ไล่เราไป เพราะเราช่วยเขายกของอยู่ กระทั่งพอเขาเปิดประตูห้อง เราไม่รู้นึกไงรุดเข้าไปในห้องวางของเฉยเลย เธอก็ไม่ได้ว่าอะไร เเละนั่งคุยกันอีกสักรอบ
จุดพีคมันอยู่ตรงที่เรานั่งกับเตียงเเละเราขอตัวเข้าไปห้องน้ำ เมื่อเสร็จกิจ เธอบอก มืดเเล้วกลับบ้านเถอะ เเต่ผมกลับสดุดขาตัวเองล้มทับเธอบนเตียงนอน สัมผัสเเรกบนเรือนร่างเธอ รู้สึกนุ่มนวลราวกับฟูกบนเตียงนอน จากนั้นเราก็มี...กัน หผมมองดูหน้าเธอดูมีความสุขเเละผมก็เช่นกัน
จนเราลืมไปว่าเราไม่ได้ใส่ถุงยาง เเละหลังจากเสร็จกิจ เธอเรียกใช้ไปซื้อยาคุมฉุกเฉิน เเต่ไม่รู้ว่ามันจะเเก้ทันไหม เเละหลังจากเหตุการณ์ เรามองหน้ากันไม่ติดเลย ผมไม่รู้จะทำไงต่อ ความสัมพันธ์เราควรเพิ่มขึ้นสิ ไม่ใช่ลดลงอย่างนี้
กระทั่งฝันทุกอย่างก็ต้องสลายไป เมื่อมีคนปลุกให้ผมหลุดจากภวังค์ ทั้งที่ผมกำลังกลุ้มใจอยู่เเท้ เลยเอาความกลุ้มนี้ลงโซเชียลให้เพื่อนมาปรึกษากับผม
เผลอมีอะไรกับเพื่อน 18+
เเต่ทุกอย่างต้องเปลี่ยนไป เมื่อผมเข้าไปทักทายเธอเเละคุยการเมืองอันประเจิดประเจ้อ จนเธอไม่รู้จะตอบอะไร จากคำถามที่ถาโถมเข้ามาเป็นชุดๆ อยู่หลายครั้ง
เราคุยกันถูกคอ จนเราทั้งสองเริ่มเปิดเผยชีวิตของเเต่ละคน เเละคงเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีต่อกัน
ที่ผมยังไม่รีบร้อนเปิดประเด็นเพราะอยากให้ทุกท่านเข้าใจที่มาที่ไปของผมเเละเขา ไม่ใช่สับเเต่ยิงคำตอบตามคติของตัวเอง ทั้งที่เรื่องราวของผมเเละเธอมีสตอรี่ต่างกับคนอื่น เเต่จบลงที่บนเตียง
เอาหล่ะกลับมาเข้าเรื่อง วันที่สองเราก็คุยในเวลางาน เเละเป็นที่ ที่เราได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น เราทั้งสองมีอุดมการณ์คล้ายคลึงกัน เพราะพวกเราเป็นคนเจนเนอเรชั่นเดียวกัน จึงมีความคิดที่เข้ากันได้ มี
ประโยคนี่ที่เธอจั่วหัวมาทำผมถึงกับสะดุ้ง
“ หลายคนเข้าผิดว่า น้องสาวเวลาโดนเเทงเเล้ว มันจะยานเหมือนหนังยาง เเต่ความจริงมันสามารถเด้งดึ๋ง กลับมาเหมือนเดิมได้ ”
ผมสตั้นไปสองวินาที เพราะตัวเองยังไม่เข้าเรื่องเพศ เเต่เขาจู่โจมมางี้เลย เเละเป็นผู้หญิงด้วย
เเต่มีจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่ทำให้เราเป็นเพื่อนกัน จนถึงทุกวันนี้ คือครั้งหนึ่ง เธอชวนเราให้เลิกงานดึก เเละมันเป็นไฟเล็กๆที่คิดเกินเลยเพื่อน เพราะไม่เคยเลยมีครั้งไหนที่ผมยอมทำให้คนอื่นขนาดนี้ ปรกติผมเอาเเต่จินตนาการถึงอนาคตตลอด มันรู้สึกปฏิวัติในจิตใจไงก็ไม่รู้
วันถัดไปเราเริ่มทานข้าวด้วยกัน ทำอะไรด้วยกัน จนเรียกได้ว่าเป็นเพื่อน ( วงเล็บ ไม่สนิทกันมากนัก ) ได้เเล้ว
ถึงไลฟ์สไตล์ของเราจะเเตกต่างกันบ้างก็เถอะ ผมเป็นจำพวกประหยัดเพื่อบรรลุเเผนอันทะเยอทะยาน ส่วนเธองั้นเหรอ ก็เหมือนมนุษย์ปุถุชนทั่วไป ใช้เงินประทานความสุข อะไรต่อมิอะไร เหมือนกับมนุษย์ที่ไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรในการเปลี่ยนเเปลงโลกไปนี้ อีกร้อยก็ก็คงไม่มีใครรู้จัก ต่างกับผมที่ชีวิตนี้เต็วไปด้วยเเผนการณ์ นี่ก็เป็นความรู้สึกของผมคราวๆที่มีต่อเธอ
หลายครั้งที่เธอเอ๋ยปากชวนกินหมูกะทะหลายรอบ เเต่ผมกลัวบุคลิกของผมจะทำเธอไม่ชอบใจ เลยบ่ายเบี่ยงประเด็นเมินเฉย จนล่วงเลยไปหลายวัน
กระทั่งผมไม่เจอเธอในที่ทำงานมาอยู่หลายวันเลยตัดสินใจ ทักไลน์เธอ พูดจาทะลึ่งลามกจนเธอต้องบอกว่า จิตใจคนเราดูกันอย่างงี้เเหละ ทำให้ผมรู้ตัวว่าเธอไม่ชอบอะไรเเบบนี้ มันทำให้พยายามควบคุมการพูดให้เหมาะสมกับเธอมากขึ้น ว่าหากพูดอย่างงี้เธอจะชอบไหม ระยะหลังเธอดูมีทีท่าไม่สนใจอะไรกับผม มีเพียงคำหนึ่งที่หลุดออกคือ กินหมูกะทะปะ มันทำให้ผมรู้เลยว่าความสัมพันธ์เธอกับผมคงอยู่ได้ไม่นาน สุดท้ายก็ต้องเลือนลางหายไปตามกาลเวลา หลังจากเราไม่เจอกันอีก
รุ่งขึ้นผมยืนเหม๋อลอย เเละเผลอตอบตกลงว่ากินหมูกะทะเพราะความกลัวว่าเราจะลืมเลือนความทรงจำที่มีต่อกัน ( เธอจะลาออกจากงาน ) จนทำพวกเราได้กินหมูกะทะตอนหัวค่ำ คุยกันเรื่อยเปื่อยตามประสาเพื่อนร่วมงาน กระทั่งผมดันพูดคำเล็กแต่ลึกซึ้งคำหนึ่ง “ ดูไปดูมา เเกก็น่ารักดีเหมือนกันนะเนี่ย ” เธอตอกกลับหน้าบูดหน้าบี้ “ เพื่อนกันเเหละดีเเล้ว ”
มันเป็นคำเเทงใจดำผม ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ผมจึงหยิบไมค์ร้องเพลงประชดรักเธอ ผมไม่รู้ว่าผลมันจะออกมาดีไหม เเต่ขอเเค่ให้ได้ร้อง นักดนตรีก็เล่นได้ดีมาก พวกเขาบิ้วตามเสียง เเละผมราดแอลกอฮอล์ เพื่อจุดไฟเล็กรอบตัว จนไฟลุกโชเล็กๆ ไม่รู้ทำไปทำไม เเต่ก็รู้สึกดี
วันที่เรากินหมูกะทะเป็นวันที่มีความสุขดี ถึงมีเรื่องวุ่นๆตอนผมไปร้องเพลงเเหละ เรื่องมันเริ่มเกิดตรงจุดนี้ เมื่อผมอาสาไปส่งที่หอ เเละเธอก็ตอบตกลง เเต่เขาก็ระมัดระวังตัวเองบอกเราว่า ส่งเเค่หน้าหอก็พอ เเต่ผมบอกว่า ตามที่เธอสบายใจ
ความจริงพอเราถึงลิฟท์ เขากลับไม่ไล่เราไป เพราะเราช่วยเขายกของอยู่ กระทั่งพอเขาเปิดประตูห้อง เราไม่รู้นึกไงรุดเข้าไปในห้องวางของเฉยเลย เธอก็ไม่ได้ว่าอะไร เเละนั่งคุยกันอีกสักรอบ
จุดพีคมันอยู่ตรงที่เรานั่งกับเตียงเเละเราขอตัวเข้าไปห้องน้ำ เมื่อเสร็จกิจ เธอบอก มืดเเล้วกลับบ้านเถอะ เเต่ผมกลับสดุดขาตัวเองล้มทับเธอบนเตียงนอน สัมผัสเเรกบนเรือนร่างเธอ รู้สึกนุ่มนวลราวกับฟูกบนเตียงนอน จากนั้นเราก็มี...กัน หผมมองดูหน้าเธอดูมีความสุขเเละผมก็เช่นกัน
จนเราลืมไปว่าเราไม่ได้ใส่ถุงยาง เเละหลังจากเสร็จกิจ เธอเรียกใช้ไปซื้อยาคุมฉุกเฉิน เเต่ไม่รู้ว่ามันจะเเก้ทันไหม เเละหลังจากเหตุการณ์ เรามองหน้ากันไม่ติดเลย ผมไม่รู้จะทำไงต่อ ความสัมพันธ์เราควรเพิ่มขึ้นสิ ไม่ใช่ลดลงอย่างนี้
กระทั่งฝันทุกอย่างก็ต้องสลายไป เมื่อมีคนปลุกให้ผมหลุดจากภวังค์ ทั้งที่ผมกำลังกลุ้มใจอยู่เเท้ เลยเอาความกลุ้มนี้ลงโซเชียลให้เพื่อนมาปรึกษากับผม