เรื่องโควิด
โควิดระบาดครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อน เพราะ ประเทศไทยทั้งรัฐและเอกชน ไม่ได้ไร้ประสบการณ์เหมือนปีก่อนที่การแก้ปัญหาปิดเมืองเหมือนโยนหินถามทาง และได้รับรู้แล้วว่าการแก้ปัญหาล็อคดาวน์ปิดเมืองมันไม่เวิร์ค ผลกระทบทางลบเสียหายมากกว่านัก
มาครั้งนี้ทุกภาคส่วนมีประสบการณ์ เมื่อพบปัญหา รีบแก้ไขได้ตรงจุด ตรงประเด็นมากขึ้น เช่น เคสสมุทธสาคร เป็นต้น
ครั้งนี้ความกลัวของประชาชนลดลงอย่างมาก ไม่ได้ตกใจว่าเป็นแล้วตาย แต่การรับรู้คือ โอกาสตายน้อยมาก และโอกาสหายสูง อีกทั้งครั้งนี้ หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ ถุงมือ ไม่ได้ขาดตลาด คนแย่งกัน กักตุนของด้วยความตื่นกลัวแบบอดีตอีกแล้ว
ต่างประเทศคนดังติดกันมานานแล้ว เช่น ดาราฮอลลีวู้ด โรนัลโด้ นักบอลพรีเมียรลีค แม้แต่ราชวงศ์ต่างประเทศ หรือประธานาธิปดีทรั้มป์ และหายดีกันหมดแล้ว.. ประเทศไทยเซเลปติดกันเยอะ ก็เห็นโพสเฟส ลงคลิปกันรักษาตัวปกติ ไม่ได้กังวลใจอะไรกันมากมาย ความกลัวต่อโรคลดลงไปมาก
เรื่องตลาดหุ้น
อย่างที่เห็นกัน ข่าวดีคือตัวเลขการส่งออก ตัวเลขทางเศรษฐกิจเราดีขึ้นเรื่อยๆ ผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 2/63 มาแล้ว มีตัวบ่งชี้หลายอย่าง เช่น หุ้นธนาคารนำมาก่อนแล้ว และต่อมาอสังหาฯที่มียอดขาย พรีเซลล์เพิ่มขึ้นมาก(หุ้นอสังหาขึ้นนำก่อนงบที่กำลังออกกันแล้ว) หรือ งานมอเตอร์ยอดขายรถที่เพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะรถหรู เบนซ์ บีเอ็ม พอร์ช ยอดจองซื้อยังเยอะมาก
งบQ1/64 > จะดีกว่า Q4/63 และ ดีกว่า Q1/63(ที่ตอนนั้นกำลังเริ่มมีการปิดเมือง)
*** แต่ไฮไลท์คือ งบQ2/64 > Q2/63(ที่เป็นจุดต่ำสุดของวิกฤต) งบไตรมาสต่อไป Q2/64 แบบYoY จะโตแบบมหาศาลหลายสิบ%++ เลยทีเดียว! และนี่แหละที่สำคัญ หุ้นใหญ่ที่พักตัวตั้งแต่ต้นปี จะเริ่มกลับมาตอนช่วงนี้ ด้วยงบดีจะคอยผลักดันพื้นฐาน + พร้อมทั้ง sentiment ตลาด วัคซีนต่างๆที่กระจายอย่างแพร่หลายมากขึ้น --->> สุดท้ายแล้ว แรงผลักดัน fund flow ข่าวดีต่างๆ จากพื้นฐานที่ดีขึ้น ทำให้ตลาดSET สามารถพุ่งไปเหนือ1600 ทะยานไปสู้แถว 1800จุด+- ได้ไม่ยากเท่าไรนัก..!!
หากมมองย้อนกลับไป ต้องบอกว่าตลาดหุ้นทั่วโลกในระยะยาวล้วนเป็นขาขึ้นแทบทั้งสิ้น.. แม้แต่SETก็ตาม ในระยะยาว ให้คนดูกราฟไม่เป็นดูก็ต้องดูว่าขาขึ้นแน่นอน
จากสถิติวิกฤตจะมาทุกเฉลี่ย10ปี ลองย้อนกลับไป หากคนที่อยู่แถว Hamburger Crisis ช่วงปี 2009 คือเบอร์3 จุดต่ำสุด ตลาดตอนนั้น SET400จุด
ต่อมาตลาดขึ้นไปแตะ 900จุด หรือขึ้นมาเกือบ2เท่า.. ถามหน่อยว่าในเวลานั้น คนที่ตกรถหรือพลาดโอกาสรวย เขามองกันว่ายังไง?
-ตลาดขึ้นมา 100%++แล้ว เท่ากับก่อนเกิดวิกฤตเลย รีบขายดีกว่า.. เดี๋ยวมันลงต่ออีกแน่เลย.. ตลาดแพงแล้ว.. เศรษฐกินยังไม่ดี.. รอเก็บตอนถูกๆดีกว่า..
เชื่อไหมถ้าย้อนไปอ่านข่าวแถวปี 2010-2011 มีแต่ข่าวร้าย ข่าวและนักวิเคราะห์เยอะมากที่มองว่าวิกฤตยังไม่จบ ทุกอย่างยังแย่ ยังดูไม่ดีสักอย่าง หุ้นจะขึ้นไปได้อย่างไร..? แต่แล้วสุดท้ายมันก็ขึ้น ไปถึง1600+ ..!!
คนที่ขายหุ้นตอนขึ้นมาจาก 400 --> มาขายที่ 900จุด ได้กำไร 100% แล้ว หวังจะรอซื้อของถูกตอนมีวิกฤต..
หรือคนที่พลาดจากตลาด 400จุด รอบที่แล้ว เห็นดัชนีขึ้นไปแล้วไม่กล้าซื้อแล้ว.. หวังจะรอเก็บตอนวิกฤตรอบหน้า
.. .. ..เชื่อไหมว่าเขาต้องรอกันถึง 10-12ปี!! และดัชนีลงมาเพียงแค่ 969จุดเท่านั้นในปีโควิด..!!
เท่ากับว่าคนที่รอคอยวิกฤตมาโดยตลอด ต้องพลาดผิดหวัง ไม่มีดัชนีที่ต่ำกว่าเดิมให้เก็บแล้ว ถ้าอยากได้ต่ำกว่าเดิมก็ไม่ได้ซื้อ..!! !! !!
---ต้มยำกุ้ง ลงไปที่ 200จุด---
---ซัปไพร์ม ลงไปที่ 400จุด---
---โควิด ลงไปที่ 900จุด---
...
...
เห็นไหมว่ามันไม่มีของถูกกว่าเดิมแล้ว!! อย่าหวังลมๆแล้งๆ!! วิกฤตรอบหน้า อาจจะลงมาแค่ 1200จุดก็ได้ หรือป่านนั้นดัชนีอาจจะไปถึง3000จุด แล้วก็ลงมาให้เก็บแค่ 1500จุดก็ได้ มันไม่มีใครรู้..
แต่ถ้าต้องรออีก10ปี โดยที่ไม่รู้ว่าจะได้ดัชนีต่ำ1200ไหม ..ถามว่าคุ้มกับเวลาที่จะรอไหม!!??
ตอนนี้ 1600จุด มองว่าแพงขึ้นมาเยอะแล้ว.. ก็ไม่ต่างจากคนในอดีตที่เคยมองว่า 900จุดตอนนั้นมันแพงแล้วนั่นเอง..!!
ในอนาคตถ้ามองย้อนกลับมาจาก 1800-2000จุด++ เราอาจจะหัวเราะหรือเสียดายก็ได้ ทำไมตอน 1200 1500 เราถึงไม่กล้าซื้อกันนะ...
และยิ่งพูดถึง
หุ้นรายตัว ทุกวิกฤตที่ผ่านมา หุ้นดีๆ super stock มันไหลลง แต่มันไม่ไหลลงกลับไปที่เดิมแล้วนะ.. หลายตัวหลังวิกฤต ก็ทำAll High ด้วยซ้ำ ดู SCC ADVANC AOT PTT KBANK เป็นต้น.. จะรอ KBANK 20บาทแบบตอนต้มยำกุ้ง คงต้องรอชาติหน้า(ก็ไม่ได้ซื้อ)..!!
สุดท้ายแล้ว ตลาดหุ้น ตลาดทุน ก็คือสินทรัพย์ การสะสมหุ้นที่ดีมีจำนวนจำกัด มีแต่จะเพิ่มมูลค่าและโตต่อไปในระยะยาว.. การเก็งกำไรไม่ยาก อยากซื้อก็ซื้ออยากขายก็ขาย เอาที่พอใจ แต่การซื้อๆขายๆกำไร 1-2% แม้แต่ 5-10% ไม่ได้ทำให้รวย..
หากเป็นการลงทุนในหุ้นที่ดี รันเทรนด์กินกำไรคำโต 50% 100% +2 3 4เด้ง จนไป10เด้ง ต่างหาก! ที่จะทำให้พอร์ตโตขึ้นอย่างมีนัย!
..แต่สิ่งที่ยากที่สุดคือการลงทุนที่นักลงทุนเซียนพันล้านหมื่นล้านเขาต้องเจอกัน และทำได้ดีกว่าเม่าน้อย คือเซียนที่ประสบความสำเร็จต้องทนและพบเจอกับสภวะความผันผวนของตลาด ใจที่นิ่งยอมรับในความเป็นธรรมชาติ ในการขึ้นลงของตลาดหุ้น วันนี้กำไรขึ้น วันต่อไปกำไรหาย วันหน้าพลิกเป็นขาดทุน แล้วต่อไปก็กลับมากำไร พอคราวนี้รันกำไรยาวๆกันเป็นหลายเด้งเลย++
ปล บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อแชร์ทรรศนะการลงทุนแบบชินจังโดยไม่หวังผลประโยชน์ทางการค้าใดๆ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนไม่มากก็น้อย และเราไม่ได้เปิดคอร์ส ไม่ได้เปิดกลุ่ม หรือตอบหลังไมค์ใดๆ..
หลังจากนี้ก็โชคดี
>>> มาแล้วๆๆ.. สาเหตุที่ตลาดหุ้นSET จะต้องไป 1800จุด+ ในQ2 นี้ ..!! !! !! <<"ชินจัง secret talk" เผยความลับตลาด>>
โควิดระบาดครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อน เพราะ ประเทศไทยทั้งรัฐและเอกชน ไม่ได้ไร้ประสบการณ์เหมือนปีก่อนที่การแก้ปัญหาปิดเมืองเหมือนโยนหินถามทาง และได้รับรู้แล้วว่าการแก้ปัญหาล็อคดาวน์ปิดเมืองมันไม่เวิร์ค ผลกระทบทางลบเสียหายมากกว่านัก
มาครั้งนี้ทุกภาคส่วนมีประสบการณ์ เมื่อพบปัญหา รีบแก้ไขได้ตรงจุด ตรงประเด็นมากขึ้น เช่น เคสสมุทธสาคร เป็นต้น
ครั้งนี้ความกลัวของประชาชนลดลงอย่างมาก ไม่ได้ตกใจว่าเป็นแล้วตาย แต่การรับรู้คือ โอกาสตายน้อยมาก และโอกาสหายสูง อีกทั้งครั้งนี้ หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ ถุงมือ ไม่ได้ขาดตลาด คนแย่งกัน กักตุนของด้วยความตื่นกลัวแบบอดีตอีกแล้ว
ต่างประเทศคนดังติดกันมานานแล้ว เช่น ดาราฮอลลีวู้ด โรนัลโด้ นักบอลพรีเมียรลีค แม้แต่ราชวงศ์ต่างประเทศ หรือประธานาธิปดีทรั้มป์ และหายดีกันหมดแล้ว.. ประเทศไทยเซเลปติดกันเยอะ ก็เห็นโพสเฟส ลงคลิปกันรักษาตัวปกติ ไม่ได้กังวลใจอะไรกันมากมาย ความกลัวต่อโรคลดลงไปมาก
เรื่องตลาดหุ้น
อย่างที่เห็นกัน ข่าวดีคือตัวเลขการส่งออก ตัวเลขทางเศรษฐกิจเราดีขึ้นเรื่อยๆ ผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 2/63 มาแล้ว มีตัวบ่งชี้หลายอย่าง เช่น หุ้นธนาคารนำมาก่อนแล้ว และต่อมาอสังหาฯที่มียอดขาย พรีเซลล์เพิ่มขึ้นมาก(หุ้นอสังหาขึ้นนำก่อนงบที่กำลังออกกันแล้ว) หรือ งานมอเตอร์ยอดขายรถที่เพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะรถหรู เบนซ์ บีเอ็ม พอร์ช ยอดจองซื้อยังเยอะมาก
งบQ1/64 > จะดีกว่า Q4/63 และ ดีกว่า Q1/63(ที่ตอนนั้นกำลังเริ่มมีการปิดเมือง)
*** แต่ไฮไลท์คือ งบQ2/64 > Q2/63(ที่เป็นจุดต่ำสุดของวิกฤต) งบไตรมาสต่อไป Q2/64 แบบYoY จะโตแบบมหาศาลหลายสิบ%++ เลยทีเดียว! และนี่แหละที่สำคัญ หุ้นใหญ่ที่พักตัวตั้งแต่ต้นปี จะเริ่มกลับมาตอนช่วงนี้ ด้วยงบดีจะคอยผลักดันพื้นฐาน + พร้อมทั้ง sentiment ตลาด วัคซีนต่างๆที่กระจายอย่างแพร่หลายมากขึ้น --->> สุดท้ายแล้ว แรงผลักดัน fund flow ข่าวดีต่างๆ จากพื้นฐานที่ดีขึ้น ทำให้ตลาดSET สามารถพุ่งไปเหนือ1600 ทะยานไปสู้แถว 1800จุด+- ได้ไม่ยากเท่าไรนัก..!!
หากมมองย้อนกลับไป ต้องบอกว่าตลาดหุ้นทั่วโลกในระยะยาวล้วนเป็นขาขึ้นแทบทั้งสิ้น.. แม้แต่SETก็ตาม ในระยะยาว ให้คนดูกราฟไม่เป็นดูก็ต้องดูว่าขาขึ้นแน่นอน
จากสถิติวิกฤตจะมาทุกเฉลี่ย10ปี ลองย้อนกลับไป หากคนที่อยู่แถว Hamburger Crisis ช่วงปี 2009 คือเบอร์3 จุดต่ำสุด ตลาดตอนนั้น SET400จุด
ต่อมาตลาดขึ้นไปแตะ 900จุด หรือขึ้นมาเกือบ2เท่า.. ถามหน่อยว่าในเวลานั้น คนที่ตกรถหรือพลาดโอกาสรวย เขามองกันว่ายังไง?
-ตลาดขึ้นมา 100%++แล้ว เท่ากับก่อนเกิดวิกฤตเลย รีบขายดีกว่า.. เดี๋ยวมันลงต่ออีกแน่เลย.. ตลาดแพงแล้ว.. เศรษฐกินยังไม่ดี.. รอเก็บตอนถูกๆดีกว่า..
เชื่อไหมถ้าย้อนไปอ่านข่าวแถวปี 2010-2011 มีแต่ข่าวร้าย ข่าวและนักวิเคราะห์เยอะมากที่มองว่าวิกฤตยังไม่จบ ทุกอย่างยังแย่ ยังดูไม่ดีสักอย่าง หุ้นจะขึ้นไปได้อย่างไร..? แต่แล้วสุดท้ายมันก็ขึ้น ไปถึง1600+ ..!!
คนที่ขายหุ้นตอนขึ้นมาจาก 400 --> มาขายที่ 900จุด ได้กำไร 100% แล้ว หวังจะรอซื้อของถูกตอนมีวิกฤต..
หรือคนที่พลาดจากตลาด 400จุด รอบที่แล้ว เห็นดัชนีขึ้นไปแล้วไม่กล้าซื้อแล้ว.. หวังจะรอเก็บตอนวิกฤตรอบหน้า
.. .. ..เชื่อไหมว่าเขาต้องรอกันถึง 10-12ปี!! และดัชนีลงมาเพียงแค่ 969จุดเท่านั้นในปีโควิด..!!
เท่ากับว่าคนที่รอคอยวิกฤตมาโดยตลอด ต้องพลาดผิดหวัง ไม่มีดัชนีที่ต่ำกว่าเดิมให้เก็บแล้ว ถ้าอยากได้ต่ำกว่าเดิมก็ไม่ได้ซื้อ..!! !! !!
---ต้มยำกุ้ง ลงไปที่ 200จุด---
---ซัปไพร์ม ลงไปที่ 400จุด---
---โควิด ลงไปที่ 900จุด---
...
...
เห็นไหมว่ามันไม่มีของถูกกว่าเดิมแล้ว!! อย่าหวังลมๆแล้งๆ!! วิกฤตรอบหน้า อาจจะลงมาแค่ 1200จุดก็ได้ หรือป่านนั้นดัชนีอาจจะไปถึง3000จุด แล้วก็ลงมาให้เก็บแค่ 1500จุดก็ได้ มันไม่มีใครรู้..
แต่ถ้าต้องรออีก10ปี โดยที่ไม่รู้ว่าจะได้ดัชนีต่ำ1200ไหม ..ถามว่าคุ้มกับเวลาที่จะรอไหม!!??
ตอนนี้ 1600จุด มองว่าแพงขึ้นมาเยอะแล้ว.. ก็ไม่ต่างจากคนในอดีตที่เคยมองว่า 900จุดตอนนั้นมันแพงแล้วนั่นเอง..!!
ในอนาคตถ้ามองย้อนกลับมาจาก 1800-2000จุด++ เราอาจจะหัวเราะหรือเสียดายก็ได้ ทำไมตอน 1200 1500 เราถึงไม่กล้าซื้อกันนะ...
และยิ่งพูดถึงหุ้นรายตัว ทุกวิกฤตที่ผ่านมา หุ้นดีๆ super stock มันไหลลง แต่มันไม่ไหลลงกลับไปที่เดิมแล้วนะ.. หลายตัวหลังวิกฤต ก็ทำAll High ด้วยซ้ำ ดู SCC ADVANC AOT PTT KBANK เป็นต้น.. จะรอ KBANK 20บาทแบบตอนต้มยำกุ้ง คงต้องรอชาติหน้า(ก็ไม่ได้ซื้อ)..!!
สุดท้ายแล้ว ตลาดหุ้น ตลาดทุน ก็คือสินทรัพย์ การสะสมหุ้นที่ดีมีจำนวนจำกัด มีแต่จะเพิ่มมูลค่าและโตต่อไปในระยะยาว.. การเก็งกำไรไม่ยาก อยากซื้อก็ซื้ออยากขายก็ขาย เอาที่พอใจ แต่การซื้อๆขายๆกำไร 1-2% แม้แต่ 5-10% ไม่ได้ทำให้รวย..
หากเป็นการลงทุนในหุ้นที่ดี รันเทรนด์กินกำไรคำโต 50% 100% +2 3 4เด้ง จนไป10เด้ง ต่างหาก! ที่จะทำให้พอร์ตโตขึ้นอย่างมีนัย!
..แต่สิ่งที่ยากที่สุดคือการลงทุนที่นักลงทุนเซียนพันล้านหมื่นล้านเขาต้องเจอกัน และทำได้ดีกว่าเม่าน้อย คือเซียนที่ประสบความสำเร็จต้องทนและพบเจอกับสภวะความผันผวนของตลาด ใจที่นิ่งยอมรับในความเป็นธรรมชาติ ในการขึ้นลงของตลาดหุ้น วันนี้กำไรขึ้น วันต่อไปกำไรหาย วันหน้าพลิกเป็นขาดทุน แล้วต่อไปก็กลับมากำไร พอคราวนี้รันกำไรยาวๆกันเป็นหลายเด้งเลย++
ปล บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อแชร์ทรรศนะการลงทุนแบบชินจังโดยไม่หวังผลประโยชน์ทางการค้าใดๆ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนไม่มากก็น้อย และเราไม่ได้เปิดคอร์ส ไม่ได้เปิดกลุ่ม หรือตอบหลังไมค์ใดๆ..
หลังจากนี้ก็โชคดี