เรื่องมีอยู่ว่าออกรถมาได้3ปีแล้ว ทำประกันชั้น1ไว้ ปีนี้เราเลือกบริษัทประกันรถยนต์บริษัทเดิมโดยทำผ่านโบรกเกอร์บริษัทหนึ่งขอให้นามสมมติแทนเป็นAแล้วกัน
ซึ่งAส่งรายละเอียดใบเสนอราคาเบี้ยประกันภัยมาให้ทางอีเมลโดยแนบข้อมูลของตัวโบรกเกอร์เอง เบอร์โทรติดต่อกลับ และแนบใบอนุญาตเป็นนายหน้าประกันวินาศภัยมาด้วย ก่อนที่จะส่งทางอีเมลตัวโบรกเกอร์โทรแจ้งก่อนเราไม่สะดวกฟังก็เลยให้ส่งรายละเอียดทางอีเมล พอได้ข้อมูลมาก็เลยลองเช็คข้อมูลดูไม่มีประวัติเสื่อมเสีย ตัวโบรกเกอร์เองก็มีตัวตนตามได้ และใบเสนอราคาที่ให้มาราคารับได้ แต่เนื่องจากเราอยากเปรียบเทียบราคาและการคุ้มครอง จึงหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต ก็เลยกรอกข้อมูลเราให้เขาส่งรายละเอียดมาให้ทางอีเมลซึ่งเป็นโบรกเกอร์เหมือนกันแต่คนละบริษัทให้นามสมมิตเป็นB แล้วกัน
B ส่งรายละเอียดให้ทางอีเมลเช่นกันและมีเจ้าหน้าที้โทรมาถามว่าจะทำด้วยไหม เราก็เลยบอกว่าขอดูรายละเอียดก่อน พอดูใบเสนอราคาของทั้งAและB บริษัทประกันเดียวกัน ความคุ้มครองเท่ากัน Aเสนอราคาเบี้ยประกันพร้อมพรบ.ถูกกว่าB และAยังให้ผ่อนจ่ายได้(โควิดทำพิษอยากจ่ายทีเดียวได้แต่อยากมีเงินสำรองไว้เผื่อเหตุฉุกเฉิน) ส่วนBราคาเบี้ยประกันพร้อมพรบ.ก็แพงกว่าและไม่ได้แนบรายระเอียดเรื่องการผ่อนจ่าย เราจึงตัดสินใจตอบอีเมลAว่าสนใจ ขอคุยรายละเอียดและแจ้งว่าอยากผ่อนจ่าย Aก็ติดต่อกลับมาแนะนำได้ดีเลย บอกว่าช่วงนี้ช่วยโควิดขยายเวลาผ่อนจาก4เดือนเป็น6เดือนไม่มีดอกเบี้ยเพิ่ม เราก็ตกลงทำกรมธรรม์ก็ส่งมาถึงที่บ้าน และมีจดหมายจากไฟแนนซ์ส่งมาเรื่องภาษีรถยนต์เราก็โอนจ่ายและแนบส่วนขั้วกรมธรรม์ส่งทางอีเมลและจดจดหมายที่ทางไฟแนนซ์ให้ซองมา เราไม่แน่ใจว่าอีเมลจะมีคนอ่านไหมเพราะไม่มีตอบกลับว่าเจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องแล้ว บังเอิญว่ามีข้อความเข้าโทรศัพท์ว่าให้แนบส่วนท้ายกรมธรรม์ทางไลน์ได้จึงติดต่อไป เจ้าหน้าที่รับเรื่องผ่านไลน์บอกว่าจะดำเนินการส่งป้ายภาษีให้ทางไปรณีย์
แต่เหมือนเรื่องจะไม่จบ Bโทรมาถามเรื่องประกัน ตอนแรกไม่รู้ว่าคือB รับสายแนะนำตัวว่ามาจากบริษัทรถยนต์ที่เราซื้อชื่อคล้ายกันตอนแรกเราก็สับสนมารู้ทีหลังว่าเป็นโบรกเกอร์
Bได้แจ้งว่าประกันเราจะหมดอายุเร็วๆนี้แต่ไม่เห็นมีแจ้งว่ามีทำประกันต่อ Bก็เลยถามว่าจะทำต่อกับบริษัทประกันเดิมไหม เราซึ่งเพิ่งจะจ่ายภาษีไปและส่งหลักฐานทั้งหมดไป เริ่มสงสัยว่า เขาไม่สื่อสารภายในบริษัทกันเหรอก็ในเมื่อเราจ่ายภาษีไปแล้ว และแนบขั้วส่วนท้ายของกรมธรม์ส่งทั้งทางอีเมล จดหมายที่ไฟแนนซ์ให้มา และส่งทางไลน์ เจ้าหน้าที่ก็ตอบกลับมาผ่านไลน์ว่าได้รับหลักฐานแล้วจะส่งป้ายภาษีให้ทางไปรษณีย์
พอเราบอกBไปว่าทำกับบริษัทเดิมนะ ภาษีก็ต่อแล้ว Bถามหาเลขที่กรมธรรม์และชื่อของโบรกเกอร์ ตอนนั้นเอกสารไม่ได้อยู่กับตัวบวกกับจำชื่อโบรกเกอร์ไม่ได้ แต่ก็อ่านที่ถ่ายรูปไป คือเราอาจจะตอบไม่ทันใจเขามั้ง เราดันไปอ่านชื่อบริษัทประกันไป Bเลยตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงโมโหและยังย้ำถามชื่อโบรกเกอร์และเลขที่กรมธรรม์ เราก็ยังยืนยันว่าส่งไปหมดแล้ว ตอนนี้เอกสารไม่ได้อยู่กับตัว ตอนนั้นทำงานอยู่ด้วย จนเราสงสัยว่าสรุปคุณโทรมาจากบริษัทรถยนต์หรือคุณเป็นโบรกเกอร์กันแน่
Bก็เลยตอบกลับมาว่า ก็เราเองไม่ใช่เหรอให้ทางBส่งรายละเอียดทางเมล แต่เราไม่ตอบกลับ พอมีเจ้าหน้าที่โทรถาม เราก็บอกปัด คือตอนนั้นบอกขอศึกษารายละเอียดก่อนจึงไม่ได้ตอบตกลงไป Bพูดเหมือนว่าเราผิดที่ไม่ส่งกลับมาบอกว่าได้ต่อประกันไปแล้ว อ้าวอย่างงี้ก็สอบถามอะไรกันไม่ได้เลยสิ ถ้าถามเข้ามาคือเข้าใจว่าจะทำด้วย ผู้บริโภคอย่างเราจะเลือกอะไรได้
สุดท้ายทนคุยกับBได้15นาที เราไม่สามารถให้ข้อมูลที่Bต้องการได้ เลขกรมธรรม์ บริษัทโบรกเกอร์ที่ทำด้วย Bจึงได้บอกให้เราส่งหน้าตารางกรมธรรม์มาทางอีเมล มาถึงตรงนี้เราก็ถามกลับอีกอ้าวแล้วอีเมลที่ได้จากไฟแนนซ์รถที่เขาแนบมากับจดหมายนี่ใช้ไม่ได้เหรอก็ส่งไปแล้วนี่นา คือเราจะสื่อความหมายว่าB ควรจะเช็คเมลนะถ้ามาจากบริษัทรถยนต์เดียวกันจริง
น้ำเสียงBเริ่มโมโหชัดเจน และดูหมดความอดทนกับเรา Bก็เลยตอบกลับมาว่า งั้นจะส่งหรือไม่ส่งก็ได้ เอาเป็นว่ารับเรื่องแล้วกันว่าเราได้ต่อประกันแล้ว แต่ทำกับบริษัทโบรกเกอร์ภายนอก ไม่ใช่กับทางBที่ทำเรื่องโดยตรงกับบริษัทรถยนต์ แล้วBก็วางสายไป
ถึงตรงนี้เกิดคำถามAหลอกเราหรือไม่ แต่ตอนส่งกรมธรรม์ให้ไฟแนนซ์ก็ไม่ได้ว่าอะไรบอกรับเรื่องแล้ว เราจึงได้ติดต่อAไปตามที่Aได้ให้ไลน์มา Aโทรกลับมาทันทีและได้บอกว่าส่งเอกสารให้แล้ว พร้อมทั้งแจ้งว่ากรมธรรม์ใช้ได้เมื่อไหร่ หมดอายุเมื่อไหร่ และเตือนเราว่าอย่าหลงเชื่อBและห้ามโอนเงินให้เด็ดขาด เราก็okสบายใจยังติดต่อได้อยู่
โทรศัพท์ไม่ได้ลงแอพว่าใครโทรมา เราก็เอาเบอร์ที่Bโทรมาไปค้นเลย สรุปคือประกันไม่ใช่บริษัทรถยนต์ที่กล่าวข้างแต่อย่างใด และอีเมลที่Bให้มาก็เป็นของบริษัทโบรกเกอร์ ที่ชื่อเดียวกับบริษัทรถยนต์ เราส่งกรมธรรม์ให้Bตามเมลที่ให้มานะ แต่ไม่พบอีเมลปลายทาง
ใครที่พอมีประสบการณ์เรื่องประกันรถยนต์บ้าง ต่อประกันบริษัทเดิมแต่เปลี่ยนโบรกเกอร์นี่ต้องแจ้งเขาด้วยเหรอ แจ้งไฟแนนซ์ว่าทำประกันไปแล้วก็พอไม่ได้เหรอ (เหตุที่ทำกับโบรกเกอร์เพราะความงกล้วนๆเลย ปีหน้าคงทำโดยตรงละ)
เอาตามที่เราคิดคือเราคิดว่าBคงถามเอาเลขกรมธรรม์และบริษัทโบรกเกอร์ เพื่อตามตัวว่าใครกันที่มาตัดหน้าBหรือว่า Bอยากจะเช็คความถูกต้องให้เราจริงๆ
ขออภัยที่พิมพ์ยาว เพราะตั้งแต่ต่อประกันมาปีนี้ยุ่งยากที่สุดแล้ว พอเราโอนจ่ายภาษีไปก็มีบริษัทประกันรถโทรมาขายรัวๆเลย มันทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่า นี่ไม่รู้เหรอว่าทำไปแล้ว ไม่อัพเดตเลยเหรอ หรือเขาได้แค่ข้อมูลมาว่าประกันใกล้หมด มีหน้าที่โทรมาขายเท่านั้น
เราสบายใจที่จะทำกับบริษัทประกันเดิมเพราะเคลมได้ง่ายไม่ค่อยจุกจิกก็เลยอยากทำต่อแค่นั้นเอง ช่วงนี้โควิดด้วยมั้งพอมีการตัดหน้าลูกค้าเกิดขึ้นBก็คงจะโมโหตามระเบียบ
เราซึ่งเป็นผู้บริโภคมีสิทธิเลือกตามความพึงพอใจอยู่แล้วนี่นาแล้วทำไมBจะต้องพูดเหมือนกับว่า คุณทำกับโบรกเกอร์ภายนอกนะ ทางเราจะไม่รับผิดชอบถ้าหากเกิดเรื่อง พูดเหมือนเราผิดมากที่เลือกบริษัทอื่น ทั้งๆที่ประกันก็เจ้าเดิม ตามมารยาทเราควรจะแจ้งBทางเมลแต่แรกเลยใช่ไหม
ไม่ได้ตั้งกระทู้นานขออภัยหากแท็กผิดห้อง
ต่อประกันรถยนต์และได้กรมธรรม์แล้ว แต่มีเจ้าหน้าที่โทรมาว่าประกันจะหมดอายุยังไม่มีรายงานการต่อประกัน
ซึ่งAส่งรายละเอียดใบเสนอราคาเบี้ยประกันภัยมาให้ทางอีเมลโดยแนบข้อมูลของตัวโบรกเกอร์เอง เบอร์โทรติดต่อกลับ และแนบใบอนุญาตเป็นนายหน้าประกันวินาศภัยมาด้วย ก่อนที่จะส่งทางอีเมลตัวโบรกเกอร์โทรแจ้งก่อนเราไม่สะดวกฟังก็เลยให้ส่งรายละเอียดทางอีเมล พอได้ข้อมูลมาก็เลยลองเช็คข้อมูลดูไม่มีประวัติเสื่อมเสีย ตัวโบรกเกอร์เองก็มีตัวตนตามได้ และใบเสนอราคาที่ให้มาราคารับได้ แต่เนื่องจากเราอยากเปรียบเทียบราคาและการคุ้มครอง จึงหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต ก็เลยกรอกข้อมูลเราให้เขาส่งรายละเอียดมาให้ทางอีเมลซึ่งเป็นโบรกเกอร์เหมือนกันแต่คนละบริษัทให้นามสมมิตเป็นB แล้วกัน
B ส่งรายละเอียดให้ทางอีเมลเช่นกันและมีเจ้าหน้าที้โทรมาถามว่าจะทำด้วยไหม เราก็เลยบอกว่าขอดูรายละเอียดก่อน พอดูใบเสนอราคาของทั้งAและB บริษัทประกันเดียวกัน ความคุ้มครองเท่ากัน Aเสนอราคาเบี้ยประกันพร้อมพรบ.ถูกกว่าB และAยังให้ผ่อนจ่ายได้(โควิดทำพิษอยากจ่ายทีเดียวได้แต่อยากมีเงินสำรองไว้เผื่อเหตุฉุกเฉิน) ส่วนBราคาเบี้ยประกันพร้อมพรบ.ก็แพงกว่าและไม่ได้แนบรายระเอียดเรื่องการผ่อนจ่าย เราจึงตัดสินใจตอบอีเมลAว่าสนใจ ขอคุยรายละเอียดและแจ้งว่าอยากผ่อนจ่าย Aก็ติดต่อกลับมาแนะนำได้ดีเลย บอกว่าช่วงนี้ช่วยโควิดขยายเวลาผ่อนจาก4เดือนเป็น6เดือนไม่มีดอกเบี้ยเพิ่ม เราก็ตกลงทำกรมธรรม์ก็ส่งมาถึงที่บ้าน และมีจดหมายจากไฟแนนซ์ส่งมาเรื่องภาษีรถยนต์เราก็โอนจ่ายและแนบส่วนขั้วกรมธรรม์ส่งทางอีเมลและจดจดหมายที่ทางไฟแนนซ์ให้ซองมา เราไม่แน่ใจว่าอีเมลจะมีคนอ่านไหมเพราะไม่มีตอบกลับว่าเจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องแล้ว บังเอิญว่ามีข้อความเข้าโทรศัพท์ว่าให้แนบส่วนท้ายกรมธรรม์ทางไลน์ได้จึงติดต่อไป เจ้าหน้าที่รับเรื่องผ่านไลน์บอกว่าจะดำเนินการส่งป้ายภาษีให้ทางไปรณีย์
แต่เหมือนเรื่องจะไม่จบ Bโทรมาถามเรื่องประกัน ตอนแรกไม่รู้ว่าคือB รับสายแนะนำตัวว่ามาจากบริษัทรถยนต์ที่เราซื้อชื่อคล้ายกันตอนแรกเราก็สับสนมารู้ทีหลังว่าเป็นโบรกเกอร์
Bได้แจ้งว่าประกันเราจะหมดอายุเร็วๆนี้แต่ไม่เห็นมีแจ้งว่ามีทำประกันต่อ Bก็เลยถามว่าจะทำต่อกับบริษัทประกันเดิมไหม เราซึ่งเพิ่งจะจ่ายภาษีไปและส่งหลักฐานทั้งหมดไป เริ่มสงสัยว่า เขาไม่สื่อสารภายในบริษัทกันเหรอก็ในเมื่อเราจ่ายภาษีไปแล้ว และแนบขั้วส่วนท้ายของกรมธรม์ส่งทั้งทางอีเมล จดหมายที่ไฟแนนซ์ให้มา และส่งทางไลน์ เจ้าหน้าที่ก็ตอบกลับมาผ่านไลน์ว่าได้รับหลักฐานแล้วจะส่งป้ายภาษีให้ทางไปรษณีย์
พอเราบอกBไปว่าทำกับบริษัทเดิมนะ ภาษีก็ต่อแล้ว Bถามหาเลขที่กรมธรรม์และชื่อของโบรกเกอร์ ตอนนั้นเอกสารไม่ได้อยู่กับตัวบวกกับจำชื่อโบรกเกอร์ไม่ได้ แต่ก็อ่านที่ถ่ายรูปไป คือเราอาจจะตอบไม่ทันใจเขามั้ง เราดันไปอ่านชื่อบริษัทประกันไป Bเลยตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงโมโหและยังย้ำถามชื่อโบรกเกอร์และเลขที่กรมธรรม์ เราก็ยังยืนยันว่าส่งไปหมดแล้ว ตอนนี้เอกสารไม่ได้อยู่กับตัว ตอนนั้นทำงานอยู่ด้วย จนเราสงสัยว่าสรุปคุณโทรมาจากบริษัทรถยนต์หรือคุณเป็นโบรกเกอร์กันแน่
Bก็เลยตอบกลับมาว่า ก็เราเองไม่ใช่เหรอให้ทางBส่งรายละเอียดทางเมล แต่เราไม่ตอบกลับ พอมีเจ้าหน้าที่โทรถาม เราก็บอกปัด คือตอนนั้นบอกขอศึกษารายละเอียดก่อนจึงไม่ได้ตอบตกลงไป Bพูดเหมือนว่าเราผิดที่ไม่ส่งกลับมาบอกว่าได้ต่อประกันไปแล้ว อ้าวอย่างงี้ก็สอบถามอะไรกันไม่ได้เลยสิ ถ้าถามเข้ามาคือเข้าใจว่าจะทำด้วย ผู้บริโภคอย่างเราจะเลือกอะไรได้
สุดท้ายทนคุยกับBได้15นาที เราไม่สามารถให้ข้อมูลที่Bต้องการได้ เลขกรมธรรม์ บริษัทโบรกเกอร์ที่ทำด้วย Bจึงได้บอกให้เราส่งหน้าตารางกรมธรรม์มาทางอีเมล มาถึงตรงนี้เราก็ถามกลับอีกอ้าวแล้วอีเมลที่ได้จากไฟแนนซ์รถที่เขาแนบมากับจดหมายนี่ใช้ไม่ได้เหรอก็ส่งไปแล้วนี่นา คือเราจะสื่อความหมายว่าB ควรจะเช็คเมลนะถ้ามาจากบริษัทรถยนต์เดียวกันจริง
น้ำเสียงBเริ่มโมโหชัดเจน และดูหมดความอดทนกับเรา Bก็เลยตอบกลับมาว่า งั้นจะส่งหรือไม่ส่งก็ได้ เอาเป็นว่ารับเรื่องแล้วกันว่าเราได้ต่อประกันแล้ว แต่ทำกับบริษัทโบรกเกอร์ภายนอก ไม่ใช่กับทางBที่ทำเรื่องโดยตรงกับบริษัทรถยนต์ แล้วBก็วางสายไป
ถึงตรงนี้เกิดคำถามAหลอกเราหรือไม่ แต่ตอนส่งกรมธรรม์ให้ไฟแนนซ์ก็ไม่ได้ว่าอะไรบอกรับเรื่องแล้ว เราจึงได้ติดต่อAไปตามที่Aได้ให้ไลน์มา Aโทรกลับมาทันทีและได้บอกว่าส่งเอกสารให้แล้ว พร้อมทั้งแจ้งว่ากรมธรรม์ใช้ได้เมื่อไหร่ หมดอายุเมื่อไหร่ และเตือนเราว่าอย่าหลงเชื่อBและห้ามโอนเงินให้เด็ดขาด เราก็okสบายใจยังติดต่อได้อยู่
โทรศัพท์ไม่ได้ลงแอพว่าใครโทรมา เราก็เอาเบอร์ที่Bโทรมาไปค้นเลย สรุปคือประกันไม่ใช่บริษัทรถยนต์ที่กล่าวข้างแต่อย่างใด และอีเมลที่Bให้มาก็เป็นของบริษัทโบรกเกอร์ ที่ชื่อเดียวกับบริษัทรถยนต์ เราส่งกรมธรรม์ให้Bตามเมลที่ให้มานะ แต่ไม่พบอีเมลปลายทาง
ใครที่พอมีประสบการณ์เรื่องประกันรถยนต์บ้าง ต่อประกันบริษัทเดิมแต่เปลี่ยนโบรกเกอร์นี่ต้องแจ้งเขาด้วยเหรอ แจ้งไฟแนนซ์ว่าทำประกันไปแล้วก็พอไม่ได้เหรอ (เหตุที่ทำกับโบรกเกอร์เพราะความงกล้วนๆเลย ปีหน้าคงทำโดยตรงละ)
เอาตามที่เราคิดคือเราคิดว่าBคงถามเอาเลขกรมธรรม์และบริษัทโบรกเกอร์ เพื่อตามตัวว่าใครกันที่มาตัดหน้าBหรือว่า Bอยากจะเช็คความถูกต้องให้เราจริงๆ
ขออภัยที่พิมพ์ยาว เพราะตั้งแต่ต่อประกันมาปีนี้ยุ่งยากที่สุดแล้ว พอเราโอนจ่ายภาษีไปก็มีบริษัทประกันรถโทรมาขายรัวๆเลย มันทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่า นี่ไม่รู้เหรอว่าทำไปแล้ว ไม่อัพเดตเลยเหรอ หรือเขาได้แค่ข้อมูลมาว่าประกันใกล้หมด มีหน้าที่โทรมาขายเท่านั้น
เราสบายใจที่จะทำกับบริษัทประกันเดิมเพราะเคลมได้ง่ายไม่ค่อยจุกจิกก็เลยอยากทำต่อแค่นั้นเอง ช่วงนี้โควิดด้วยมั้งพอมีการตัดหน้าลูกค้าเกิดขึ้นBก็คงจะโมโหตามระเบียบ
เราซึ่งเป็นผู้บริโภคมีสิทธิเลือกตามความพึงพอใจอยู่แล้วนี่นาแล้วทำไมBจะต้องพูดเหมือนกับว่า คุณทำกับโบรกเกอร์ภายนอกนะ ทางเราจะไม่รับผิดชอบถ้าหากเกิดเรื่อง พูดเหมือนเราผิดมากที่เลือกบริษัทอื่น ทั้งๆที่ประกันก็เจ้าเดิม ตามมารยาทเราควรจะแจ้งBทางเมลแต่แรกเลยใช่ไหม
ไม่ได้ตั้งกระทู้นานขออภัยหากแท็กผิดห้อง