ผมจะเป็นมะเร็งมั๊ยครับ มีอาการปวดอัณฑะขวา และเส้นอัณฑะกระตุกเวลาตกใจ เป็นมาเกือบ 2 เดือนแล้ว

แรกเริ่มเกิดจาก ปวดสีข้างด้านขวา เป็นตะคริวหลังตื่นนอน  กล้ามเนื้อบริเวณเอวด้านขวาเกร็งมาก  จึงไปหาแพทย์แผนไทย  เพื่อนวดคลายกล้ามเนื้อ  หมอนวดคลายกล้ามเนื้อบริเวณเอวข้างขวาอยู่นาน โดยใช้ศอกเน้น ทั้งรีดและเค้น กล้ามเนื้อบริเวณเอวและสีข้างด้านขวา  จนรู้สึกว่าระบมไปหมด 

                           หลังจากนั้นประมาณ 2 วัน  ผมมีอาการปวดหน่วงบริเวณอัณฑะขวามาก รู้สึกหนื่อย ไม่มีแรง ยกหรือลากของหนักก็จะเจ็บปวดหน่วงๆ ถ่วงๆ มากขึ้น  และก็มีอาการเจ็บหน่วงๆ มาโดยตลอด  ต่อมาประมาณ 1 สัปดาห์อาการไม่ดีขึ้น จึงไปพบแพทย์ที่ รพ.  ครั้งที่ 1 แพทย์วินิจฉัยว่า น่าจะเกิดจากเส้นประสาทที่บริเวณอัณฑะไวผิดปกติ  หรือเกิดอัณฑะอักเสบ   แพทย์ให้ยาระงับอาการปวด Clorazepate (Tranxene-L) เม็ดยาสีชมพู-ขาว ขนาด 5 mg  รับประทาน ครั้งละ 1 เม็ด * 2 ครั้ง หลังอาหาร เช้า-เย็น   หลังจากนั้น แพทย์นัดตรวจซ้ำ อีก 2 สัปดาห์  
                              
                           ต่อมาครบ 2 สัปดาห์ ครั้งที่ 2 พบแพทย์อีกครั้ง อาการดีขึ้น ไม่เจ็บอัณฑะขวาอีก  แต่ยังมีอาการหน่วงๆ เป็นบางครั้ง  และบางครั้งยังมีอาการเส้นอัณฑะขวากระตุก เวลาตกใจ หรือมีรถขับตัดหน้า ในขณะขับรถ  แพทย์ให้ยาระงับอาการปวด Clorazepate (Tranxene-L) เม็ดยาสีชมพู-ขาว ขนาด 5 mg มาทานเพิ่ม เมื่อมีอาการปวด

                           หลังจากนั้น  1 เดือน  ได้เดินทางไปตรวจงานต่างอำเภอ โดยสารรถตู้ ไป-กลับ เส้นทางยะลา-เบตง ซึ่งเดินทางไกลมาก ไป-กลับ เกือบ 300 กม. ใช้เวลาเดินทางไป-กลับ เกือบ 5-6 ชม. และต้องนั่งตรวจงานนาน เกือบ 2 ชั่วโมง    ใช้เวลาเดินทางไป-กลับและปฏิบัติงานเช่นนี้  2 วันติดต่อกัน    หลังจากกลับจากตรวจงาน 1 วัน  มีอาการปวดบวมอัณฑะขวามาก  อัณฑะปวดบวม แดง ตึง แต่ไม่ร้อน ไม่มีไข้ 

                            จึงไปพบแพทย์อีกครั้ง  ครั้งที่ 3   แพทย์ให้ยาแก้อักเสบ Levofloxacin 500 mg  รับประมาณ 1 เม็ด ก่อนอาหารเช้า วันละ 1 ครั้ง ทานติดต่อกัน 7 วัน หากมีอาการปวดแพทย์แนะนำให้รับประทานยาระงับอาการปวด Clorazepate (Tranxene-L) เม็ดยาสีชมพู-ขาว ขนาด 5 mg (ยาเดิมที่เหลืออยู่)  หลังจากนั้น แพทย์นัดตรวจซ้ำ อีก 1 สัปดาห์  

                            ต่อมาครบ 1 สัปดาห์ พบแพทย์อีกครั้ง ครั้งที่ 4  อาการดีขึ้น อัณฑะขวาบวมลดลง  แต่ยังมีอาการหน่วงๆ เป็นบางครั้ง  และบางครั้งยังมีอาการเส้นอัณฑะขวากระตุก เวลาตกใจ หรือมีรถขับตัดหน้า ในขณะขับรถ เหมือนเดิม   แพทย์ได้เพิ่มยาแก้อักเสบ Levofloxacin 500 mg  รับประมาณ 1.5 เม็ด ก่อนอาหารเช้า วันละ 1 ครั้ง ทานติดต่อกัน 7 วัน   และเพิ่มยาลดบวม  AESCIN (Reparil) 200 mg รับประมาณ 2 เม็ด หลังอาหาร วันละ 3 ครั้ง  หากมีอาการปวดแพทย์แนะนำให้รับประทานยาระงับอาการปวด Clorazepate (Tranxene-L) เม็ดยาสีชมพู-ขาว ขนาด 5 mg (ยาเดิมที่เหลืออยู่)   หลังจากนั้น    แพทย์นัดตรวจซ้ำ อีก 2 สัปดาห์  

                            ปัจจุบัน มีอาการปวดหน่วงอัณฑะมากขึ้น  ทานยาแก้ปวด  ก็ยังเอาไม่ค่อยอยู่ ยังรู้สึกปวดหน่วงๆเจ็บๆ เป็นครั้งคราว โดยเฉพาะตอนเลิกงานกลับบ้าน รู้สึกปวดมากขึ้น 

                            กลุ้มใจมาก ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะคุยกับคุณหมอที่รักษาแล้ว ท่านแจ้งว่า ถ้าปวดก็กินยาลดปวด ถ้าอักเสบก็กินยาแก้อักเสบ รักษาตามอาการเช้นนี้ไปเรื่อยๆ  รู้สึกว่าอาการปวดหน่วงอัณฑะขวาไม่ดีขึ้นเลย ตั้งแต่รักษามา  มีเพียงการทานยาแก้ปวด จึงช่วยให้ไม่เจ็บปวดอัณฑะ  เมื่อหยุดทานยาก็มีอาการปวดมากขึ้นอีก   กลัวจะเป็นมะเร็ง   ไปหาตำราอ่าน  ก็ยังไม่ได้คำตอบ  บ้างก็ว่าเข้าข่าย เส้นเลือดอัณฑะขอด(ซึ่งมักเกิดจากมีเนื้องอกในไต หรืออัณฑะอักเสบ  เป็นต้น          อ้อลืม !  บอกไปว่าผมเคยทำหมันชายมาก่อน  เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ไม่แน่ใจว่า จะมีผลด้วยหรือเปล่า

                             ท้ายนี้ อยากรบกวนคุณหมอ พยาบาล นักกายภาพบำบัด และสหวิชาชีพ ช่วยแนะนำให้ความเห็นด้วย ว่าผมจะมีวิธีการรักษาโรคนี้ให้หาขาดได้อย่างไร โดยไม่ต้องเพิ่งพา ยา หรือรักษาตามอาการอีกต่อไป เพราะอาการปวดหน่วงๆ ถ่สวงๆ เช่นนี้ มัผมผลกับการดำรงชีวิตประจำวันของผมเป็นอย่างมาก ทุกวันนี้แทบจะยกของอะไรไม่ได้เลย เพราะจะมีอาการปวดหน่วงอัณฑะตลอด

                             ขอขอบพระคุณล่วงหน้ากับทุกท่านที่เสียสละเวลามาให้ความเห็นที่เป็นประโยชน์ ขอผลบุญนี้จงส่งผลให้ท่านทั้งหลายเจริญยิ่งขึ้นไปด้วยนะครับ  

ขอบคุณครับ
คุณศักดิ์ 0949655165
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่