ฉันเดินตามเสียงระนาดที่ดังมาจากห้องดนตรีไทย เพลงที่เล่นช่างไพเราะอะไรเช่นนี้ ลมโชยมา มองเห็นดอกไม้ที่ปลูกในกระถางที่มีอยู่ไม่กี่กระถางหน้าระเบียงตึกสโมสรนักศึกษา ได้กลิ่นกาแฟหอมฟุ้ง เสียงคุยกันของนักศึกษาในชมรมคละเคล้าเสียงดนตรีที่ดังปะปนกัน บรรยากาศแบบนี้คุ้นเคยมาก สัมผัสได้ถึงความอบอุ่น ระคนความวุ่นวายที่ต้องซ้อมดนตรีเพื่อเตรียมตัวไปแสดงออกงาน ฉันไปหยุดยืนฟังเสียงเพลงที่นักศึกษากำลังซ้อมเพลงกัน เพลงนี้ฉันจำได้ดีเพลงเขมรไทรโยค
“คุณป้าครับ...มาหาใครเหรอครับ” เสียงเด็กหนุ่มตะโกนถาม ฉันสะดุ้งหยุดชะงักสักครู่แล้วตอบกลับไปว่า “ พอดีป้าได้ยินเสียงดนตรีไทยที่หนูๆกำลังเล่นกันอยู่ ป้าก็เลยเดินเข้ามาดูจ้า” “อ๋อ..คุณป้าชอบฟังดนตรีไทยเหรอครับ” “ จ้า..ป้าชอบฟังดนตรีไทยค่ะ เล่นกันได้ไพเราะดีนะค่ะ” “ ขอบคุณครับคุณป้า ถ้าคุณป้าสนใจก็เข้ามาฟังก็ได้นะครับ พวกผมกำลังซ้อมเพื่อจะไปออกงานเย็นนี้ครับ” “ ไม่เข้าไปละจ้า ขอฟังอยู่ข้างนอกนี่ เดี๋ยวป้าก็จะไปแล้วค่ะ” “ ตามสบายเลยนะครับคุณป้า”
ฉันนั่งฟังอยู่ด้านนอกอยู่คนเดียว เด็กชมรมดนตรีไทยก็ซ้อมเพลงกันไปเรื่อยๆกาลเวลาผ่านไปนานมาก ตรงนี้และที่นี่เมื่อ 40 ปีที่แล้วภาพเก่าๆหวนกลับมา มันช่างชัดเจนเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นไปใหม่ๆ “รัตน์...เย็นนี้ว่างเปล่ามาซ้อมเพลงกันนะ” “ว่างๆจ้า กี่โมงจ้าพี่จร” “ก็ประมาณหลังเลิกเรียนนะ สะดวกก็มาเลย เพราะรัตน์ยังเล่นไม่ค่อยได้ เดี๋ยวพี่จะเล่นไปด้วยรัตน์จะได้เล่นเป็นเร็ว รัตน์จะได้ออกงานกับเขาบ้าง” “ขอบคุณจ้าพี่จร”
ซ้อมเท่าไหร่ก็ลืมตลอดเพราะฉันไม่มีเวลาจำโน้ตเพลงเลย เรียนก็หนักอยู่แล้ว สมองเสื่อมจำอะไรไม่ค่อยได้เลย ฮ่าๆๆ ฉันคิดไว้แล้วคงไม่มีโอกาสได้ออกงาน ขิมก็ตีไม่จบเพลงสักที พอเริ่มเล่นก็ซับสน ยิ่งต้องมาซ้อมกับพี่จร ใจสั่นชอบกล สมาธิไม่ตั้งเลย ทำไมต้องเป็นเขาด้วยนะที่ต้องมาซ้อมกับฉัน พี่บอล พี่แมว พี่นามก็ซ้อมให้ได้ ถ้าเป็นพี่จรเมื่อไหร่ฉันตีขิมผิดตลอด เอาท่อน 2 ไปไว้ท่อน 3 เอาท่อน 3 ไปไว้ท่อน 1 สับสนทุกครั้งที่ซ้อมกับพี่จร
“ตั้งใจหน่อยรัตน์ พี่เห็นเธอตีผิดมาชั่วโมงแล้วนะ แล้วอย่างนี้จะได้ออกงานกับเขาหรือ” ฉันนั่งก้มหน้าในใจคิดยอมแพ้เพราะท้อแท้เมื่อเจอพี่จร แต่ก็อยากจะได้มีโอกาสเข้าวงกับพี่ๆเพื่อนๆบ้าง ได้คิดขึ้นมาแล้วบอกพี่จรไปว่า “ ถ้าช่วงนี้ซ้อมไม่ได้ก็เปลี่ยนไปตีเครื่องประกอบจังหวะแทนได้ไหมจ้า” พี่จรหันมามองจ้องตาเขม้งเหมือนอยากจะลงโทษฉันให้เข็ดหลาบกับการขี้เกียจซ้อมเข้าวง แต่ในแว่บนั้นฉันเห็นแววตาพี่จรทำตาหวานนิดๆ แล้วบอกกับฉันว่า “ อย่างนั้นก็ไปตีฉิ่งไหมละ” “ โอ้..คงไม่จ้าเพราะกลัวพลาด”
เหลือเวลาอีก 1 เดือนต้องไปแสดงดนตรีไทยอุดมศึกษาที่กรุงเทพฯ ฉันก็พยายามมาซ้อมตีโม่งทุกวันเพราะไม่ทุกข์ใจแล้วที่ต้องซ้อมตีขิม ได้ตีโม่งก็โอเคแล้ว จะได้เข้าวงกับพวกเขาได้ ฉันแอบดูพี่จรซ้อมจริงจังมาก เขาตีระนาดเอกได้เก่งสุดเลย ในใจเชียร์พี่เขามาตลอดก็เพราะรอยยิ้มของพี่จรนี่แหละจึงยอมไปตีโม่งให้ ไม่อย่างนั้นคงหนีไปนานแล้ว
ทุกคนซ้อมกันขมักเขม้นมากเพื่อไม่ให้เสียชื่อเสียงของชมรมดนตรีไทยของมหาวิทยาลัยของเรา เพราะต้องไปแสดงโชว์ต่อหน้าพระที่นั่ง ดังนั้นต้องไม่ให้ผิดและไม่ให้เพี้ยนอย่างเด็ดขาด แม้แต่โม่งของฉันก็ผิดไม่ได้เพราะขนาดของโม่งสามลูกใหญ่มากคนมองเห็นแต่ไกลถึงแม้จะอยู่ด้านหลังสุดของวงก็ตาม
“ทุกคนเตรียมตัวไปพักผ่อนกันนะ ซ้อมเข้าวงมานานหละ เราจะไปเปลี่ยนบรรยากาศกันบ้าง เราจะไปตั้งแคมป์ไฟที่ออบหลวงกันในวันเสาร์นี้นะ” ทุกคนได้ยินดีใจกันมากเพราะจะได้ไปเที่ยวพักบ้าง นอนเต้นท์คืนเดียว ได้ทำอะไรสนุกๆก็มีความสุขแล้ว ขอแค่ได้อยู่ใกล้ๆพี่จรคนที่ฉันแอบปลื้มอยู่จะอย่างไรยอมหมดอิอิ..
อากาศเย็นมากเพราะเป็นช่วงหน้าหนาว เย็นนี้ได้มีแคมป์ไฟ ปิ้งย่าง อุ๊ย..โรแมนติกมาก แอบคิดในใจ กลุ่มเราไปกันเกือบสิบคน ทุกคนสนุกสนาน พี่จรให้ช่วยกลางเต้นท์ ด้วยความยินดีอย่างยิ่ง ใช้มาเถอะพร้อมน้อมรับเสมอ เขายิ้มหวานให้ฉัน ใจเต้นเลยฉัน พี่จรก็คงจะใจดีกับทุกคนนั่นแหละ คงไม่ใช่แค่ฉันคนเดียวหรอก ชอบคิดคนเดียวและเข้าข้างตัวเองตลอด
วันนี้เป็นวันที่ฉันมีความสุขมาก เพื่อนๆพี่ๆได้พักผ่อนและมาร่วมทำกิจกรรมเปลี่ยนบรรยากาศกันที่ด้านล่างของออบหลวง อากาศเย็น แดดอ่อนๆสาดส่องมาที่หาดทรายที่อยู่ติดกับแม่น้ำสายเล็กๆ เต้นท์จะถูกกางให้พวกเราได้นอนในเต้นท์คืนนี้ ฉันกระโดดลงเล่นทรายสีขาวริมแม่น้ำ มาศก็เล่นด้วย หลายคนมองดูฉันเล่นแบบเด็กๆ แต่เอ..พี่จรของฉันแอบอยู่ตรงไหนน้า ฉันหันไปอีกด้านหนึ่งของฝั่งน้ำ ว้าวๆๆ ..พี่จรกับพี่วาม และพี่สาย กำลังถอดเสื้อเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน
หนาวแท้ๆยังเล่นกันได้พวกพี่ๆ คงอยากเล่นแบบเด็กๆกันนะซิ ฉันแอบดูแผ่นหลังของพี่จร วุ๊ย..กล้ามใหญ่น่าดู ไหล่พี่จรกว้างมาก น่าซบไหล่มาก กำลังคิดอะไรเพลินๆ มาศเข้ามา แล้วพูดว่าฉันแอบดูใครเหรอ ฉันก็เนียนไปว่าก็ดูพวกพี่ๆเขาเล่นน้ำกัน คงสนุกกันน่าดู จะบอกไม่ได้เด็ดขาด เดี๋ยวเขารู้ว่าฉันแอบมีใจให้พี่จร รู้ถึงไหนอายถึงนั้น ต้องเก็บเป็นความลับ
ได้เวลาปิ้งย่าง พวกเราช่วยกันปิ้งปลา หมู เห็ด อาหารทะเล น้ำจิ้มรสแซ่บต้องมอบให้พี่พร เธอทำได้อร่อยมาก ตอนกลางคืนไฟบริเวณนั้นมีแต่กองไฟที่พี่อวบเป็นคนก่อให้ ทุกคนหนาวแต่ก็สนุก ปิ้งย่างไปกินไป มีไวน์มะยมจากคณะเกษตรมาหลายขวด จิบไวน์ไปเล่นไพ่ไป บางคนดีดกีต้าร์ ร้องเพลง บางคนสีซอเพลงสนุกๆ ช่วยกันตบมือให้จังหวะ
ฟืนในกองไฟเริ่มใกล้หมด พี่หนิงบอกให้ฉันกับพี่จรและมาศไปช่วยกันหาฟืนมาเพิ่ม อ้าว..มาศจะไปไหมนะ จริงๆอยากไปกับพี่จรสองต่อสองจัง มาศรีบเดินตามมาพร้อมส่องไฟให้ทาง ฮื้อ..มาขัดขวางเวลาทองของฉันจริงๆเลย พี่จรค่อยๆเดินหาฟืน ฉันส่องไฟให้พี่จรตลอด คือแบบว่าเอาใจมากว่าอย่างนั้นเถอะ พี่จรได้ฟืนมาเพิ่มเยอะ ฉันเข้าไปช่วยแบก พี่จรมองฉันด้วยแววตาเอ็นดูน้อง ใจฉันอยากให้พี่จรไม่ต้องเอ็นดูแบบน้องนะ ขอเป็นแบบอื่นได้ไหมจ๊ะพี่จร เราได้ใกล้ชิดกันและเดินเคียงข้างกัน มาศเดินนำหน้าไปเหมือนจะรู้
ถึงอากาศจะหนาวแต่เมื่อได้เดินเคียงข้างพี่จร ต่อให้หนาวกว่านี้ฉันก็ทนได้ พี่จรเดินไปคุยไปด้วยและยิ้มไป ใจฉันรู้สึกเหมือนจะคับเต็มอกเลย ความรู้สึกรักพี่จรมากขึ้น พี่จรเขาน่ารักมาก จะไม่ให้ฉันรักเขาได้อย่างไรกัน ท่าทางยิ้มแบบอายๆของพี่เขา มันทำให้ฉันตกหลุมรักพี่จรจริงๆ ปากฉันก็อยากจะบอกพี่จรว่าฉันชอบพี่จัง แต่ไม่กล้าเพราะไม่รู้ว่าพี่จรจะชอบฉันหรือเปล่า ถ้าบอกไปแล้วพี่เขาปฏิเสธมาก็หมดสภาพเลยแหละ เงียบไว้ดีกว่า
แล้ววันนั้นก็มาถึง การแสดงต่อหน้าพระที่นั่ง ตื่นเต้นไม่ธรรมดา คนมองดูกันเต็มเพราะชมรมดนตรีไทยของมหาวิทยาลัยทั้งหมดมาทั่วประเทศ ปกติเวลาซ้อมฉันจะแอบมองพี่จรตลอด แต่.. ณ เวลานี้เกร็งไปหมด ต้องตั้งใจทำให้เต็มที่ ตีโม่งผิดอายไม่ตลอดชีวิต ฮ่าๆๆๆ
พอเสร็จจากการโชว์เพลงที่ซ้อมกันมา เสียงตบมือดังสะนั่นไปทั่วหอประชุมใหญ่ มีหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาเอาพวงมาลัยพวงใหญ่มามอบให้มือโม่ง โอ้แม่เจ้า..เขาประทับใจมือโม่งขนาดนั้นเลยเหรอ ขอบคุณเสร็จก็ยิ้มน่ารักให้เขาคนนั้น หันไปอีกทีพี่จรจ้องมองฉันอยู่ อายเลยซิฉัน แต่พี่จรคงไม่คิดอะไรมากหรอก ที่มีหนุ่มเอาพวงมาลัยมาให้ ก็แค่เขาปลื้มฉันที่ตัวเล็กนิดเดียว แต่ตีโม่งสามอันขนาดใหญ่ได้
พอกลับชมรมพี่จรมีอาการแปลกๆและไม่ยอมทักทายทำเป็นมองไม่เห็นมั้ง ทำเป็นไม่ได้ยินเวลาฉันพูดด้วย พี่จรคงมีใครในดวงใจไปแล้วซิ เลยทำเมินน้องอย่างเราไปแล้ว แต่จริงๆแล้วเราก็ไม่ได้มีอะไรกันอยู่แล้ว ลืมไปเถอะ เดี๋ยวพี่จรก็จะจบแล้วนี่ ฉันเพิ่งอยู่ปี 1 พี่จรคงมีเป้าหมายในชีวิตของเขาแล้ว ฉันก็แค่รุ่นน้องปี 1 ที่แอบมีใจให้พี่ปี 4 บ้าไปแล้วฉัน
ฉันเปิดกระเป๋าดูเหมือนมีอะไรที่ไม่ใช่ของฉันซ่อนอยู่ในกระเป๋า เอ..อะไรกันเนี่ยเป็นของใครเอามาแอบไว้ให้นะ ฉันเปิดดูเป็นกระเป๋าถักเล็กๆน่ารักสีสวยหวาน ข้างในมีกระดาษพับไว้ เขียนไว้ว่า” พี่จรชอบรัตน์นะ ห้ามใครมายุ่ง” นี่เป็นลายมือพี่จรจริงๆด้วย จริงหรือนี่ที่พี่จรก็แอบชอบฉัน หัวใจเต้นระรัว ฉันไม่ได้ชอบพี่ข้างเดียว พี่เขาก็มีใจให้ฉันด้วย
“คุณป้าครับ..ผมจะปิดห้องแล้วนะครับ” ฉันตื่นจากพะวัง นานแค่ไหนนะที่ฉันนั่งอยู่ที่นี่ ฉันพยักหน้าให้นักศึกษาคนนั้น “ จ้าๆๆ “ ฉันลุกขึ้น แล้วมองเข้าไปในชมรมดนตรีไทย คิดถึงอดีตที่ผ่านมาเหลือเกิน พี่จรของฉันยังคิดถึงฉันบ้างหรือเปล่าหนอ แล้วฉันก็เดินจากไปพร้อมความทรงจำดีๆ...
ครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน ณ ที่นี่..
“คุณป้าครับ...มาหาใครเหรอครับ” เสียงเด็กหนุ่มตะโกนถาม ฉันสะดุ้งหยุดชะงักสักครู่แล้วตอบกลับไปว่า “ พอดีป้าได้ยินเสียงดนตรีไทยที่หนูๆกำลังเล่นกันอยู่ ป้าก็เลยเดินเข้ามาดูจ้า” “อ๋อ..คุณป้าชอบฟังดนตรีไทยเหรอครับ” “ จ้า..ป้าชอบฟังดนตรีไทยค่ะ เล่นกันได้ไพเราะดีนะค่ะ” “ ขอบคุณครับคุณป้า ถ้าคุณป้าสนใจก็เข้ามาฟังก็ได้นะครับ พวกผมกำลังซ้อมเพื่อจะไปออกงานเย็นนี้ครับ” “ ไม่เข้าไปละจ้า ขอฟังอยู่ข้างนอกนี่ เดี๋ยวป้าก็จะไปแล้วค่ะ” “ ตามสบายเลยนะครับคุณป้า”
ฉันนั่งฟังอยู่ด้านนอกอยู่คนเดียว เด็กชมรมดนตรีไทยก็ซ้อมเพลงกันไปเรื่อยๆกาลเวลาผ่านไปนานมาก ตรงนี้และที่นี่เมื่อ 40 ปีที่แล้วภาพเก่าๆหวนกลับมา มันช่างชัดเจนเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นไปใหม่ๆ “รัตน์...เย็นนี้ว่างเปล่ามาซ้อมเพลงกันนะ” “ว่างๆจ้า กี่โมงจ้าพี่จร” “ก็ประมาณหลังเลิกเรียนนะ สะดวกก็มาเลย เพราะรัตน์ยังเล่นไม่ค่อยได้ เดี๋ยวพี่จะเล่นไปด้วยรัตน์จะได้เล่นเป็นเร็ว รัตน์จะได้ออกงานกับเขาบ้าง” “ขอบคุณจ้าพี่จร”
ซ้อมเท่าไหร่ก็ลืมตลอดเพราะฉันไม่มีเวลาจำโน้ตเพลงเลย เรียนก็หนักอยู่แล้ว สมองเสื่อมจำอะไรไม่ค่อยได้เลย ฮ่าๆๆ ฉันคิดไว้แล้วคงไม่มีโอกาสได้ออกงาน ขิมก็ตีไม่จบเพลงสักที พอเริ่มเล่นก็ซับสน ยิ่งต้องมาซ้อมกับพี่จร ใจสั่นชอบกล สมาธิไม่ตั้งเลย ทำไมต้องเป็นเขาด้วยนะที่ต้องมาซ้อมกับฉัน พี่บอล พี่แมว พี่นามก็ซ้อมให้ได้ ถ้าเป็นพี่จรเมื่อไหร่ฉันตีขิมผิดตลอด เอาท่อน 2 ไปไว้ท่อน 3 เอาท่อน 3 ไปไว้ท่อน 1 สับสนทุกครั้งที่ซ้อมกับพี่จร
“ตั้งใจหน่อยรัตน์ พี่เห็นเธอตีผิดมาชั่วโมงแล้วนะ แล้วอย่างนี้จะได้ออกงานกับเขาหรือ” ฉันนั่งก้มหน้าในใจคิดยอมแพ้เพราะท้อแท้เมื่อเจอพี่จร แต่ก็อยากจะได้มีโอกาสเข้าวงกับพี่ๆเพื่อนๆบ้าง ได้คิดขึ้นมาแล้วบอกพี่จรไปว่า “ ถ้าช่วงนี้ซ้อมไม่ได้ก็เปลี่ยนไปตีเครื่องประกอบจังหวะแทนได้ไหมจ้า” พี่จรหันมามองจ้องตาเขม้งเหมือนอยากจะลงโทษฉันให้เข็ดหลาบกับการขี้เกียจซ้อมเข้าวง แต่ในแว่บนั้นฉันเห็นแววตาพี่จรทำตาหวานนิดๆ แล้วบอกกับฉันว่า “ อย่างนั้นก็ไปตีฉิ่งไหมละ” “ โอ้..คงไม่จ้าเพราะกลัวพลาด”
เหลือเวลาอีก 1 เดือนต้องไปแสดงดนตรีไทยอุดมศึกษาที่กรุงเทพฯ ฉันก็พยายามมาซ้อมตีโม่งทุกวันเพราะไม่ทุกข์ใจแล้วที่ต้องซ้อมตีขิม ได้ตีโม่งก็โอเคแล้ว จะได้เข้าวงกับพวกเขาได้ ฉันแอบดูพี่จรซ้อมจริงจังมาก เขาตีระนาดเอกได้เก่งสุดเลย ในใจเชียร์พี่เขามาตลอดก็เพราะรอยยิ้มของพี่จรนี่แหละจึงยอมไปตีโม่งให้ ไม่อย่างนั้นคงหนีไปนานแล้ว
ทุกคนซ้อมกันขมักเขม้นมากเพื่อไม่ให้เสียชื่อเสียงของชมรมดนตรีไทยของมหาวิทยาลัยของเรา เพราะต้องไปแสดงโชว์ต่อหน้าพระที่นั่ง ดังนั้นต้องไม่ให้ผิดและไม่ให้เพี้ยนอย่างเด็ดขาด แม้แต่โม่งของฉันก็ผิดไม่ได้เพราะขนาดของโม่งสามลูกใหญ่มากคนมองเห็นแต่ไกลถึงแม้จะอยู่ด้านหลังสุดของวงก็ตาม
“ทุกคนเตรียมตัวไปพักผ่อนกันนะ ซ้อมเข้าวงมานานหละ เราจะไปเปลี่ยนบรรยากาศกันบ้าง เราจะไปตั้งแคมป์ไฟที่ออบหลวงกันในวันเสาร์นี้นะ” ทุกคนได้ยินดีใจกันมากเพราะจะได้ไปเที่ยวพักบ้าง นอนเต้นท์คืนเดียว ได้ทำอะไรสนุกๆก็มีความสุขแล้ว ขอแค่ได้อยู่ใกล้ๆพี่จรคนที่ฉันแอบปลื้มอยู่จะอย่างไรยอมหมดอิอิ..
อากาศเย็นมากเพราะเป็นช่วงหน้าหนาว เย็นนี้ได้มีแคมป์ไฟ ปิ้งย่าง อุ๊ย..โรแมนติกมาก แอบคิดในใจ กลุ่มเราไปกันเกือบสิบคน ทุกคนสนุกสนาน พี่จรให้ช่วยกลางเต้นท์ ด้วยความยินดีอย่างยิ่ง ใช้มาเถอะพร้อมน้อมรับเสมอ เขายิ้มหวานให้ฉัน ใจเต้นเลยฉัน พี่จรก็คงจะใจดีกับทุกคนนั่นแหละ คงไม่ใช่แค่ฉันคนเดียวหรอก ชอบคิดคนเดียวและเข้าข้างตัวเองตลอด
วันนี้เป็นวันที่ฉันมีความสุขมาก เพื่อนๆพี่ๆได้พักผ่อนและมาร่วมทำกิจกรรมเปลี่ยนบรรยากาศกันที่ด้านล่างของออบหลวง อากาศเย็น แดดอ่อนๆสาดส่องมาที่หาดทรายที่อยู่ติดกับแม่น้ำสายเล็กๆ เต้นท์จะถูกกางให้พวกเราได้นอนในเต้นท์คืนนี้ ฉันกระโดดลงเล่นทรายสีขาวริมแม่น้ำ มาศก็เล่นด้วย หลายคนมองดูฉันเล่นแบบเด็กๆ แต่เอ..พี่จรของฉันแอบอยู่ตรงไหนน้า ฉันหันไปอีกด้านหนึ่งของฝั่งน้ำ ว้าวๆๆ ..พี่จรกับพี่วาม และพี่สาย กำลังถอดเสื้อเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน
หนาวแท้ๆยังเล่นกันได้พวกพี่ๆ คงอยากเล่นแบบเด็กๆกันนะซิ ฉันแอบดูแผ่นหลังของพี่จร วุ๊ย..กล้ามใหญ่น่าดู ไหล่พี่จรกว้างมาก น่าซบไหล่มาก กำลังคิดอะไรเพลินๆ มาศเข้ามา แล้วพูดว่าฉันแอบดูใครเหรอ ฉันก็เนียนไปว่าก็ดูพวกพี่ๆเขาเล่นน้ำกัน คงสนุกกันน่าดู จะบอกไม่ได้เด็ดขาด เดี๋ยวเขารู้ว่าฉันแอบมีใจให้พี่จร รู้ถึงไหนอายถึงนั้น ต้องเก็บเป็นความลับ
ได้เวลาปิ้งย่าง พวกเราช่วยกันปิ้งปลา หมู เห็ด อาหารทะเล น้ำจิ้มรสแซ่บต้องมอบให้พี่พร เธอทำได้อร่อยมาก ตอนกลางคืนไฟบริเวณนั้นมีแต่กองไฟที่พี่อวบเป็นคนก่อให้ ทุกคนหนาวแต่ก็สนุก ปิ้งย่างไปกินไป มีไวน์มะยมจากคณะเกษตรมาหลายขวด จิบไวน์ไปเล่นไพ่ไป บางคนดีดกีต้าร์ ร้องเพลง บางคนสีซอเพลงสนุกๆ ช่วยกันตบมือให้จังหวะ
ฟืนในกองไฟเริ่มใกล้หมด พี่หนิงบอกให้ฉันกับพี่จรและมาศไปช่วยกันหาฟืนมาเพิ่ม อ้าว..มาศจะไปไหมนะ จริงๆอยากไปกับพี่จรสองต่อสองจัง มาศรีบเดินตามมาพร้อมส่องไฟให้ทาง ฮื้อ..มาขัดขวางเวลาทองของฉันจริงๆเลย พี่จรค่อยๆเดินหาฟืน ฉันส่องไฟให้พี่จรตลอด คือแบบว่าเอาใจมากว่าอย่างนั้นเถอะ พี่จรได้ฟืนมาเพิ่มเยอะ ฉันเข้าไปช่วยแบก พี่จรมองฉันด้วยแววตาเอ็นดูน้อง ใจฉันอยากให้พี่จรไม่ต้องเอ็นดูแบบน้องนะ ขอเป็นแบบอื่นได้ไหมจ๊ะพี่จร เราได้ใกล้ชิดกันและเดินเคียงข้างกัน มาศเดินนำหน้าไปเหมือนจะรู้
ถึงอากาศจะหนาวแต่เมื่อได้เดินเคียงข้างพี่จร ต่อให้หนาวกว่านี้ฉันก็ทนได้ พี่จรเดินไปคุยไปด้วยและยิ้มไป ใจฉันรู้สึกเหมือนจะคับเต็มอกเลย ความรู้สึกรักพี่จรมากขึ้น พี่จรเขาน่ารักมาก จะไม่ให้ฉันรักเขาได้อย่างไรกัน ท่าทางยิ้มแบบอายๆของพี่เขา มันทำให้ฉันตกหลุมรักพี่จรจริงๆ ปากฉันก็อยากจะบอกพี่จรว่าฉันชอบพี่จัง แต่ไม่กล้าเพราะไม่รู้ว่าพี่จรจะชอบฉันหรือเปล่า ถ้าบอกไปแล้วพี่เขาปฏิเสธมาก็หมดสภาพเลยแหละ เงียบไว้ดีกว่า
แล้ววันนั้นก็มาถึง การแสดงต่อหน้าพระที่นั่ง ตื่นเต้นไม่ธรรมดา คนมองดูกันเต็มเพราะชมรมดนตรีไทยของมหาวิทยาลัยทั้งหมดมาทั่วประเทศ ปกติเวลาซ้อมฉันจะแอบมองพี่จรตลอด แต่.. ณ เวลานี้เกร็งไปหมด ต้องตั้งใจทำให้เต็มที่ ตีโม่งผิดอายไม่ตลอดชีวิต ฮ่าๆๆๆ
พอเสร็จจากการโชว์เพลงที่ซ้อมกันมา เสียงตบมือดังสะนั่นไปทั่วหอประชุมใหญ่ มีหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาเอาพวงมาลัยพวงใหญ่มามอบให้มือโม่ง โอ้แม่เจ้า..เขาประทับใจมือโม่งขนาดนั้นเลยเหรอ ขอบคุณเสร็จก็ยิ้มน่ารักให้เขาคนนั้น หันไปอีกทีพี่จรจ้องมองฉันอยู่ อายเลยซิฉัน แต่พี่จรคงไม่คิดอะไรมากหรอก ที่มีหนุ่มเอาพวงมาลัยมาให้ ก็แค่เขาปลื้มฉันที่ตัวเล็กนิดเดียว แต่ตีโม่งสามอันขนาดใหญ่ได้
พอกลับชมรมพี่จรมีอาการแปลกๆและไม่ยอมทักทายทำเป็นมองไม่เห็นมั้ง ทำเป็นไม่ได้ยินเวลาฉันพูดด้วย พี่จรคงมีใครในดวงใจไปแล้วซิ เลยทำเมินน้องอย่างเราไปแล้ว แต่จริงๆแล้วเราก็ไม่ได้มีอะไรกันอยู่แล้ว ลืมไปเถอะ เดี๋ยวพี่จรก็จะจบแล้วนี่ ฉันเพิ่งอยู่ปี 1 พี่จรคงมีเป้าหมายในชีวิตของเขาแล้ว ฉันก็แค่รุ่นน้องปี 1 ที่แอบมีใจให้พี่ปี 4 บ้าไปแล้วฉัน
ฉันเปิดกระเป๋าดูเหมือนมีอะไรที่ไม่ใช่ของฉันซ่อนอยู่ในกระเป๋า เอ..อะไรกันเนี่ยเป็นของใครเอามาแอบไว้ให้นะ ฉันเปิดดูเป็นกระเป๋าถักเล็กๆน่ารักสีสวยหวาน ข้างในมีกระดาษพับไว้ เขียนไว้ว่า” พี่จรชอบรัตน์นะ ห้ามใครมายุ่ง” นี่เป็นลายมือพี่จรจริงๆด้วย จริงหรือนี่ที่พี่จรก็แอบชอบฉัน หัวใจเต้นระรัว ฉันไม่ได้ชอบพี่ข้างเดียว พี่เขาก็มีใจให้ฉันด้วย
“คุณป้าครับ..ผมจะปิดห้องแล้วนะครับ” ฉันตื่นจากพะวัง นานแค่ไหนนะที่ฉันนั่งอยู่ที่นี่ ฉันพยักหน้าให้นักศึกษาคนนั้น “ จ้าๆๆ “ ฉันลุกขึ้น แล้วมองเข้าไปในชมรมดนตรีไทย คิดถึงอดีตที่ผ่านมาเหลือเกิน พี่จรของฉันยังคิดถึงฉันบ้างหรือเปล่าหนอ แล้วฉันก็เดินจากไปพร้อมความทรงจำดีๆ...