10 ข้อที่เจ้าของบ้านควรรู้ ก่อนติดโซลาร์

          ปฏิเสธไม่ได้ว่าในปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่จำเป็นต้องอยู่บ้านกันมากขึ้น ไม่ว่าจะ Work from home ปรับบ้านเป็น Home office บางบ้านมีผู้สูงอายุในวัยเกษียณ หรือแม้แต่เด็กเล็กๆ เมื่อต้องอาศัยอยู่ในบ้านมากขึ้น สิ่งอำนวยความสะดวกอย่างเครื่องใช้ไฟฟ้าก็ต้องใช้มากขึ้นด้วย (โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศ ที่แทบจะเปิดกันทั้งวัน เพราะอากาศบ้านเราก็ช่างร้อนซะเหลือเกิน เรียกได้ว่าผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์มีแต่คำว่าคุ้ม) เมื่อมีการใช้ไฟฟ้าในระหว่างวันเยอะขึ้น ส่งผลให้จำนวนค่าไฟเพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผู้คนส่วนใหญ่ในปัจจุบัน จึงหันมาสนใจติดโซลาร์ที่หลังคาบ้าน รวมถึงภาครัฐเองก็ให้ความสำคัญและเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถขายไฟส่วนเกินจากการใช้งานคืนภาครัฐได้ ดังนั้น การติดตั้งโซลาร์เซลล์จึงเป็นทางออกที่ช่วยลดค่าไฟได้อย่างดี รวมถึงเพิ่มความสุขในการใช้ชีวิตที่ต้องพักอาศัยอยู่บ้านในแต่ละวันได้อย่างหมดห่วงเรื่องค่าไฟที่เพิ่มขึ้นได้อีกด้วย

ในเมื่อใครๆก็อยากติดโซลาร์ แล้วมีข้อพิจารณาอะไรบ้างที่เจ้าของบ้านควรรู้ วันนี้ SCG HOME Expert มีคำแนะนำมาฝากกันครับ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
1.แผงโซลาร์เซลล์
          หลายท่านอาจจะยังไม่ทราบว่า การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ (Solar Cell) ไม่ใช่ว่าจะติดตั้งแบบไหนก็ได้  เพราะแผงโซลาร์ รวมไปถึงอุปกรณ์แปลงกระแสไฟ หรือ Inverter แต่ละยี่ห้อมีประสิทธิภาพที่แตกต่างกัน 
          ในตลาดแผงโซลาร์เซลล์นั้นมีหลายราคาเพราะมีหลายเกรดให้เลือกใช้ สุดท้ายแล้วเรื่องเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์ ได้มีการชี้วัดคุณภาพเกี่ยวกับการลงทุนว่าลงทุนแล้วจะคุ้มทุนแค่ไหน ทำให้ Bloomberg ผู้ให้บริการด้านข้อมูล วิเคราะห์ทางด้านการเงินการลงทุน ได้จัดอันดับคุณภาพแผง Solar Cell ซึ่งมีระดับ Tier 1, Tier 2 และ Tier 3
          ส่วนการให้คะแนนก็มาจากหลายปัจจัย เช่น ด้านประสิทธิภาพ ความยั่งยืนของบริษัทผู้ผลิตที่จะต้องมีประสบการณ์มากกว่า 5 ปี การลงทุนวิจัยและพัฒนาแผง การใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิต และอีกหลายปัจจัยอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
         ซึ่งยังมีแผงโซลาร์อีกจำนวนมากที่ไม่ติดแม้แต่ Tier 3 หรือวัดมาตรฐานใดเลย ดังนั้น เจ้าของบ้านไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านเทคนิคก็ได้ แต่จำง่ายๆว่า Tier 1 = ดีที่สุด โดยบริษัทฯผู้ที่รับติดตั้งโซลาร์เซลล์บางแบรนด์ถึงราคาจะไม่แพง แต่ก็ต้องศึกษาดูให้ดีว่า แบรนด์นั้นใช้แผงโซลาร์เซลล์นำเข้าจากประเทศอะไร น่าเชื่อถือไหม และได้รับรองมาตรฐานระดับสากลหรือไม่ หากมีการนำเข้าแผงจากบริษัทผู้ผลิตที่ติด Tier1 ก็ถือว่าได้แผงโซลาร์ที่ดีที่สุดแล้วครับ 
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

2.อุปกรณ์แปลงกระแสไฟ หรือ Inverter 
          Inverter ถือเป็นหัวใจของระบบโซลาร์เซลล์ (Solar Cell)  ถ้าใช้อุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน  การทำงานไม่เสถียร  จะส่งผลต่อเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เช่น ไฟกระชาก ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านเสียหาย นอกจากนี้ยังต้องเป็น Inverter ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก MEA, PEA และต้องเป็นที่ยอมรับในระดับสากลด้วย

3.ตรวจสอบสภาพหลังคาก่อนติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ (Roof Health Check)
          ก่อนติดตั้งโซลาร์เซลล์การดูแค่ว่าทิศทางไหนเหมาะสมที่จะติดตั้งอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ บริษัทฯผู้รับติดตั้งควรมีการตรวจสอบสภาพหลังคาก่อนเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบหลังคารั่ว และสภาพโครงสร้างของหลังคาว่าสามารถรับน้ำหนักแผงโซลาร์ได้หรือไม่ เพื่อป้องกันปัญหาต่างๆที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง รวมถึงเมื่อตรวจพบปัญหารั่วซึม หรืออื่นๆ แล้วควรมีการแก้ไขปัญหาหลังคานั้นๆให้เรียบร้อยก่อน เพื่อให้หลังคาอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมที่จะติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์มากที่สุด

4.ออกแบบระบบการติดโซลาร์เซลล์ โดยวิศวกร 
          เนื่องจากบ้านแต่ละหลังสามารถติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ได้จำนวนไม่เท่ากัน ซึ่งขึ้นอยู่กับพื้นที่ของหลังคา
โดยการติดตั้งโซลาร์เซลล์ให้บ้านแต่ละหลังนั้นจำเป็นต้องมีทีมวิศวกรเข้ามาช่วยคำนวณการติดตั้ง เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานและความเหมาะสมของตัวบ้าน ทั้งทิศทางของการรับแสง ดูว่ามีแสงเงา เช่น จากต้นไม้ใหญ่ หรือจากบ้านข้างเคียงที่มีโครงสร้างหลายชั้น มาบดบังแผงโซลาร์หรือไม่ รวมถึงโครงสร้างสามารถรับน้ำหนักได้ดีไหม เพื่อให้สามารถผลิตไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงที่สุด และปลอดภัยต่อบ้านพักที่อยู่อาศัย


5.วิธีการติดตั้งระบบโซลาร์ (Solar)
          โดยส่วนใหญ่แล้วบริการติดตั้งโซลาร์เซลล์ (Solar Cell) ของแบรนด์ทั่วๆ ไป มักจะเจาะกระเบื้องหลังคาเพื่อยึดแผงโซลาร์ (Solar) เข้ากับผืนหลังคาของบ้านหลังนั้นๆ  แต่รู้หรือไม่ว่าวิธีการดังกล่าว  ส่งผลเสียทำให้หลังคาเสี่ยงรั่วเป็นอย่างมาก  แทนที่จะผลิตไฟฟ้าเพื่อลดค่าไฟได้อย่างสบายใจ  กลับกลายเป็นปัญหาหลังคารั่วให้เจ้าของบ้านปวดหัวมากกว่าเดิม
          ดังนั้น การติดตั้งระบบหลังคาโซลาร์เซลล์ (Solar Cell) ที่ดีที่สุดคือ  ต้องไม่เจาะกระเบื้องหลังคา  ซึ่งบางแบรนด์ได้ เลือกใช้ Solar FIX ยึดติดกับกระเบื้องหลังคาที่ผลิตมาตั้งแต่โรงงาน วิธีดำเนินการก็คือถอดกระเบื้องแผ่นเดิมออกแล้วแทนที่ด้วย Solar FIX ทำให้สามารถติดตั้งโซลาร์ (Solar) บนหลังคา หมดกังวลหลังคาเสี่ยงรั่วแน่นอน


6. การขออนุญาตจากภาครัฐ
ก่อนการติดตั้งหลังคาโซลาร์  (Solar)  เจ้าของบ้านต้องดำเนินการขออนุญาตจากภาครัฐถึง 3 หน่วยงาน คือ
1.เขต หรือ เทศบาล  
2.MEA หรือ PEA  
3.คณะกรรมการกองกำกับกิจการพลังงาน 


          การเดินเอกสารขออนุญาตกับทางภาครัฐ ถึงแม้จะทำเองได้แต่ก็นับว่ามีความยุ่งยากและค่อนข้างใช้เวลา ในกระบวนการเหล่านี้ขึ้นอยู่กับบางแบรนด์ว่าช่วยดำเนินการให้หรือไม่ ซึ่งบางเจ้าก็ช่วยจัดการให้ฟรีถือเป็นอีกหนึ่ง Service ที่ให้กับเจ้าของบ้าน ทั้งสะดวกและสามารถใช้ไฟพลังงานแสงอาทิตย์ได้อย่างถูกกฏหมาย 100% และ
          ข้อควรระวัง การไม่ขออนุญาตอย่างถูกต้อง มีความเสี่ยงที่ทางการไฟฟ้าเรียกเก็บค่าปรับหรือตัดไฟ เพราะถือเป็นเรื่องความปลอดภัยของระบบไฟฟ้าไม่ควรมีไฟจากแหล่งอื่นไหลเข้าระบบ

7.การติดตั้งโดยช่างมืออาชีพ
ภาพ : Before ก่อนและหลังติดแผงโซลาร์เซลล์

ภาพ : After ก่อนและหลังติดแผงโซลาร์เซลล์

          การติดตั้งควรดำเนินการโดยช่างมืออาชีพที่มีประสบการณ์และผ่านการฝึกอบรมเป็นอย่างดี เพราะนอกจากจะติดตั้งได้ตามมาตรฐานแล้ว หลังคาบ้านยังต้องดูดีและสวยงาม ซึ่งหลังจากติดตั้งจะเห็นได้ว่าดีไซน์ของหลังคายังคงดูสวยงามเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือค่าไฟถูกลงเยอะ

8.แอปพลิเคชั่นตรวจสอบการทำงานแบบง่ายๆ
          การจะวัดผลคุณภาพของแผงโซลาร์เซลล์ว่ามีประสิทธิภาพในการทำงานมากน้อยแค่ไหนนั้น ในเบื้องต้นอาจจะดูจากบิลค่าไฟได้ว่าค่าไฟลดลงมากน้อยจากเดือนก่อนหน้าแค่ไหน แต่มีอีกวิธีหนึ่งที่ใช้วัดผลให้เห็นแบบเป็นรูปธรรมได้ คือ การตรวจสอบการทำงานผ่านแอปพลิเคชั่น(มีเฉพาะในบางแบรนด์เท่านั้น) ที่สามารถติดตามผลการผลิตไฟฟ้าของโซลาร์เซลล์และยอดเงินที่ช่วยประหยัดได้แบบ Real time ทั้งแบบรายวัน รายเดือน และรายปี รวมถึงเมื่อเจ้าของบ้านพบความผิดปกติในการผลิตไฟฟ้าของแผงโซลาร์ จะทำให้ทราบข้อมูลและเรียกบริษัทฯผู้รับบริการมาดูแลได้แบบทันที

9.บริการหลังการขาย
          นับเป็นอีกหนึ่งข้อที่ต้องพิจารณาเป็นอย่างยิ่งครับ เนื่องจากแผงโซลาร์มีอายุการใช้งานที่ยาวนานประมาณ 20-25 ปี ขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่นแต่ละแบรนด์ที่นำมาเลือกใช้ ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่ทางเจ้าของบ้านควรพิจารณาจากบริษัทฯที่น่าเชื่อถือ และมั่นใจได้ว่าหากในอนาคตแผงโซลาร์มีปัญหาจะสามารถติดต่อบริษัทฯนั้นๆได้ ไม่ทิ้งงาน และพร้อมแก้ไขปัญหาได้ทุกเมื่อ ซึ่งการรับประกันอุปกรณ์และบริการหลังการขาย ได้แก่
1. รับประกันแผงโซลาร์ (Solar) และประสิทธิภาพการผลิตไฟ (Product & Performance) 
2. รับประกัน Inverter 
3. รับประกันการติดตั้ง
4. บริการตรวจสอบระบบ และล้างแผง  

*ระยะเวลาในการรับประกันอุปกรณ์ และบริการหลังการขาย ขึ้นอยู่กับบริษัทฯผู้ให้บริการ เจ้าของบ้านควรสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมให้ครบถ้วนและชัดเจน ณ จุดขาย

10.แพ็กเกจและราคา
          เมื่อพูดถึงแผงโซลาร์เซลล์ใครๆก็คิดว่าแพงใช่ไหมล่ะครับ แต่จริงๆแล้วบางเจ้าราคาเริ่มต้นไม่ถึงแสนก็มีให้เลือก แถมยังได้อุปกรณ์และบริการที่มีมาตรฐานอีกด้วย แต่การเลือกแพ็กเกจจะถูกหรือแพงนั้นก็ต้องดูลักษณะการใช้ไฟและจำนวนเครื่องใช้ไฟฟ้า สามารถประเมินง่ายๆจากการใช้เครื่องปรับอากาศในตอนกลางวัน เช่น เปิดแอร์ 10,000 btus จำนวน 1 เครื่อง เท่ากับระบบโซลาร์ 1 kW. เป็นต้น หรือให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยประเมินให้ ก็จะได้แพ็กเกจที่เหมาะสมกับการใช้งานไฟฟ้าของแต่ละบ้านครับ


          สำหรับหลังคาบ้าน หรืออาคารที่ตรวจสอบดูแล้วว่าไม่มีปัญหาหลังคารั่ว โครงสร้างหลังคาแข็งแรง และความลาดชันของหลังคาอยู่ที่ไม่เกิน 40 องศา ก็สามารถติดต่อกับทางบริษัทฯผู้ให้บริการดำเนินการได้เลย

หากท่านใดสนใจติดตั้งแผงโซลาร์สามารถดูรีวิวผู้ใช้งานจริง และลงทะเบียนปรึกษาผู้เชี่ยวชาญได้ฟรีที่ https://bit.ly/39HMHyY

เพี้ยนปักหมุด
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่