MSI ในตระกูล GE 66 นั้นถ้าจำกันได้เราเคยรีวิวจัดเต็มไปในตัวเทพที่สุด ที่มาพร้อมกับรุ่นพิเศษ DragonShield Limited Edition กันไปแล้ว แน่นอนว่าในครั้งนี้จะเป็นรุ่นปกติที่สเปกอะไรนั้นจะลดลงมาเล็กน้อยทั้งเรื่องของหน้าจอและที่แตกต่างกันคือเรื่องของงานออกแบบนั้นเองครับ แต่ถ้ามองเรื่องของสเปคการ์ดจออะไรนั้นตัวที่เรากำลังจะรีวิวนั้นทำได้ดีกว่าชัดเจนเนื่องจากเป็นรุ่น RTX 3070 แล้วครับส่วนเรื่องของงานออกแบบหรือว่าดีไซน์ตัวบอดี้เองนั้นไม่ได้แตกต่างกันมากนักครับในรุ่นนี้ ยังคงโดดเด่นทั้งเรื่อง แสงสีไฟแถบด้านหน้า รูปทรงบอดี้สวยงาม พัดลมขนาดใหญ่ ช่องเชื่อมต่อในด้านหลังหรือว่าจะเป็นหน้าจอ 240Hz รวมถึงระบบระบายความร้อน Cooler Boost 5 – Wifi 6E ในการเชื่อมต่อ และลำโพงคู่จัดเต็มครับ และมาพร้อมกับคีย์บอร์ดจากทาง Steelseries เช่นเดิมประจำแบรนด์นี้
MSI GE66 RAIDER ในรหัส 10UG 424TH นั้นจะมาพร้อมกับการใช้งาน INTEL I7 10870H รองรับการใช้งาน ความเร็ว 2.20 - 5.0 GHz 8 คอร์ 16 เธร์ด (16 MB L3 Cache) เสียดายว่ายังไม่ได้ใช้งาน Gen11 ครับ ส่วนการ์ดจอได้อัปเดตแล้วมาใช้งาน NVIDIA GeForce RTX 3070 และใช้งาน RAM 32GB DDR4 3200MHz Dual Channel และทางด้านความจุเครื่อง SSD แบบ M.2 NVMe 2TB รองรับการใช้งานสบายๆครับ แน่นอนว่าสเปกนั้นดี แต่เสียดายไม่ใช้งาน Gen 11 แค่นั้น ส่วนทางด้านหน้าจอนั้นจะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 15.6″ Full HD หน้าจอแบบ IPS รองรับการใช้งานมาตรฐาน sRGB 100% และปรับสีได้ MSI True Color Technology และหน้าจอ 240Hz ถือว่าความลื่นไหลสบายๆในการใช้งานจริงครับ มาพร้อมกับลำโพงคู่ และ พอร์ตเชื่อมต่ออะไรจัดเต็มมากๆ แต่ไม่มี Thunderbolt 3 มาให้อันนี้แอบเสียดาย ส่วนการระบายความร้อนยังใช้งาน Cooler Boost 5 จัดเต็มเช่นเดิมเลย และรองรับ Wifi 6E ตัวล่าสุดรวมถึง ประกันนั้นรองรับ 2 ปีมาตรฐานเลยครับ
MSI GE66 RAIDER ราคานั้นจะเริ่มต้น 79,990 บาท แต่ในรุ่นที่รีวิวจะเป็นรุ่น 99,990 บาทไทยครับ มาพร้อมกับสเปก i7-10870H // INVIDIA GeForce RTX 3070 / RAM 32GB / 15.6″ IPS Full HD 240Hz // SSD M.2 NVMe PCIe 2TB เรียกได้ว่าเป็นสเปกที่จัดเต็มมากๆตัวนึงแล้วของทางค่ายนี้
UNBOX
- ตัวเครื่อง MSI GE66 RAIDER
- กระเป๋าเป้ MSI
- คู่มือการใช้งาน
- ผ้าเช็ดตัวเครื่อง
- Adaptor จ่ายไฟเข้าเครื่อง
DESIGN
งานออกแบบทางด้าน GE66 นั้นยังคงใช้งานบอดี้ เส้นสายงานออกแบบที่มีความคล้ายหรืออาจจะเป็นบอดี้ตัวเดิมเลยนั้นเองแต่เปลี่ยนแค่ในเรื่องของภายในสเปกเท่านั้นทำให้ข้างนอกอะไรพวกนี้อาจจะไม่ได้รู้สึกถึงการเปลี่ยนเท่าไรครับ แต่แน่นอนว่าบอดี้เดิมมันเองก็ไม่ได้แย่ ทั้งเรื่องของการใช้งาน ความแข็งแรง หรือว่าจะเป็นการออกแบบต่างๆ ข้อต่อมีความแข็งแรง และการระบายความร้อนทิศทางลม หรือว่าจะเป็นพอร์ตเชื่อมต่อนั้นให้มาครบหลายตำแหน่งส่วนทางด้านสีในรุ่นนี้แน่นอนว่าเราเคยรีวิวตัว Dragonshield กันไปแล้วแต่ครั้งนี้เป็นบอดี้แบบเรียบๆสีเงินกันบ้าง
รูปทรงตัวเครื่องอะไรนั้นยังคงไม่ได้หนีจากเดิมอย่างที่แจ้งไปครับมาพร้อมกับไฟในด้านหน้าที่รองรับการเปลี่ยนสีสันได้อิสระ และฝาหลังสีเงินสวยงามเน้นความหรูหราอะไรมากขึ้นพรีเมี่ยมมากกว่าเดิมส่วนทางด้านโลโก้นั้นไม่ได้มีไฟอะไรมาให้ครับเน้นความเรียบและดูไม่เป็นสายเกมมากเกินไปทำให้ภาพรวมนั้นดูไม่เป็นสายเกมมิ่งเยอะมากด้วยครับ
ขอบเครื่องด้านหน้านั้นมาพร้อมกับไฟ MYSTIC LIGHT RGB ที่สามารถรองรับการปรับแต่งได้ในตัวเครื่องเป็นแถบไฟขนาดใหญ่ถือว่ามีความสวยงามพอสมควร และเป็นรูปทรง 3 มิติสวยงามอันนี้ถือว่าโดดเด่นเลยทีเดียว และสามารถปรับแต่งได้เยอะมากๆตัวนึงเลยเราจะเห็นได้เลยว่าตัวหลอดไฟใส่เข้ามาให้เยอะ และแน่นมากๆในการตกแต่งครับ แน่นอนว่ารุ่นนี้มีไฟแค่จุดเดียวทำให้ต้องเน้นๆในเรื่องของการใช้งาน ความสวยงามและความโดดเด่นเป็นหลัก
คีย์บอร์ดทำงานร่วมกันกับไฟได้เป็นอย่างดี RGB PER KEY สามารถเล่นแสงสีได้แยกทีละปุ่มและสามารถเล่นกับตัวแถบไฟด้านหน้าได้เยอะมากๆเราจะเห็นว่ามีความหลากหลายของตัวไฟเยอะจริงๆครับเรียกได้ว่าค่ายนี้ยังคงเน้นเรื่องของไฟและการปรับแต่งได้อิสระมากขึ้นเรื่อยๆสำหรับใครที่ชอบเล่นเกมหรือปรับแต่งไฟเยอะๆน่าจะชอบกันในจุดนี้
ฝาหลังมีคุณภาพดีทั้งเรื่องของการใช้งานวัสดุ และ การใช้โทนสีรวมถึงการขึ้นรูปโลโก้ของ MSI แน่นอนว่าแม้จะเป็นตัว Gaming ก็ไม่ได้ใช้งานสีสันไฟเยอะในส่วนโลโก้ครับมีความหรูมากๆตัวนึงเลยแหละถือว่าดูดีและพรีเมี่ยม งานโลโก้มีความคมสวย และเป็นโครเมี่ยมสวยงามเลยทีเดียว ส่วนด้านในหน้าจอนั้นขอบจอบางขึ้น และกล้องหน้า ไมค์ยังคงใส่เข้ามาให้ไม่ได้ตัดออกไปครับแน่นอนว่า หลายๆคนก็ยังคงใช้งานกล้องติดหน้าจอเมื่อยามจำเป็นกันอยู่
ส่วนขอบเครื่องด้านข้างนั้นเราจะเห็นว่ามีการใช้งานวัสดุสีส้มกับสีดำตัดกัน และตัวข้อพับนั้นดูแข็งแรงพอสมควรในการใช้งานทั่วไป และมีช่องระบายความร้อนออกไปในด้านข้าง และในด้านหลังก็มีช่องระบายเช่นกันพร้อมกับพอร์ตเชื่อมต่อต้องบอกว่า MSI พัฒนาคุณภาพในหลายๆส่วนขึ้นเยอะและในเรื่องของข้อต่อและความแข็งแรงนั้นสบายๆรองรับการกางหน้าจอไอ้กว้างสุดตามภาพเลยทีเดียวครับ สามารถใช้งานมือเดียวเปิดหน้าจอได้อยู่เช่นกันในส่วนนี้
ฝาหลังนั้นมีการเล่นลวดลายอยู่เช่นเดิมครับมียางรองในด้านล่างพร้อมกับช่องระบายอากาศต่างๆนั้นเยอะพอสมควรครับแน่นอนว่าจะเน้นหนักๆไปที่ด้านหลังของตัวเครื่องที่จะเน้นๆในช่วงของพัดลมด้านหลัง และการระบายอากาศทั้งหมด ซึ่งในด้านหน้าเลยไม่ต้องมีช่องลมอะไรเยอะครับ เมื่อมองทะลุเข้าไปจะเห็นว่าพัดลมขนาดใหญ่ทั้งสองฝั่งใส่เข้ามา ส่วนในด้านบนตรงคีย์บอร์ดนั้นมีพื้นที่เหลือ ซ้าย และ ขวาอยู่บ้างครับ พร้อมกับวัสดุขึ้นรูปชิ้นเดียวกันทั้งหมดส่วนนี้ถือว่ากำลังดี มีที่วางอุ้งมือและทำได้ดีไม่ร้อนเวลาใช้งานรวมถึงวัสดุไม่ได้เลอะหรือติดคราบมันอะไรได้ง่ายครับ
ฝาหลังนั้นรองรับการแกะได้ง่ายๆ พร้อมกับช่องระบายความร้อนด้านฐานล่างแบบคล้ายรังผึ้ง เจาะช่องระบายทั้ง 2 ฝั่งพร้อมกับพัดลมขนาดใหญ่ ยางรองทั้ง 4 มุมและในขอบด้านหน้าจะเป็นยางรองแนวยาว เมื่อแกะฝาฐานล่างออกมาเราจะเห็นพัดลม 2 ตัวขนาดใหญ่พร้อมกับ Heatpipe 6 เส้นจัดเต็ม ระบายความร้อนออกข้างหลังและข้างซ้ายขวาทั้งหมด เรื่องจัดการความร้อนรุ่นนี้ถือว่าสบายและมีโหมด Turbo ระบายแบบเต็มที่เสียงพัดลมดังสูงสุด ส่วนการรองรับอัพเกรดนั้นให้ M.2 มาทั้งหมด 2 แถม รองรับอัพอีก 1 แถว รวมถึงมีแผ่นระบายความร้อนแปะมาให้ทุกส่วนของตัว M.2 และ ส่วนของ RAM เช่นกันมาให้ 2 แถว 32GB ใส่มาให้เต็มพร้อมใช้งานไม่ต้องอัพเพิ่มเติม
SPEC
- Intel Core i7-10875H
- NVIDIA GeForce RTX 3070 8GB GDDR6
- RAM 32GB DDR4 Bus 3200MHz
- 2 TB SSD M.2 NVMe PCIe
- หน้าจอขนาด 15.6″ FHD (1920×1080), 240Hz, IPS-Level
- Per-Key RGB Backlight Keyboard BY Steelseries
- Mystic Light แบบ Panoramic Aurora RGB ขอบเครื่องด้านหน้า
- 802.11 ax Wi-Fi 6E + Bluetooth v5.1
- 1x Mic-in/Headphone-out Combo Jack
- Duo Wave Speaker ลำโพงคู่ ขอบเครื่อง
- DYNAAUDIO / HI-RES AUDIO
- ขนาด 358 x 267 x 23.4 มม.
- น้ำหนัก 2.38 กิโลกรัม
PERFORMANCE
ในรุ่นนี้ใช้งาน CPU i7-10875H 14nm 2.30 GHz, 16 MB L3 Cache, up to 5.10 GHz 8 Core/16 Thread ส่วนการ์ดจอ นั้นยังคงใช้งานของ NVIDIA GeForce RTX 3070 มาพร้อมกับ 8GB GDDR6 VRAM และ ทางด้าน Ram ให้มา 32GB DDR4 bus 3200 พร้อมรองรับ Dual Channelส่วน SSD 2TB PCIe® Gen3 SSD M.2 ให้มาเรียบร้อย 1 ช่อง รองรับอีก 1 แถวเพิ่มเติม และมาพร้อมกับ Windows 10 เรียบร้อยพร้อมใช้งาน ในรุ่นนี้ถือว่าสเปกนั้นทำได้ดีพร้อมใช้งานเลยทีเดียวครับและการ์ดจอก็แรงสะใจเอาเรื่อง
PC MARK
คะแนนไปได้ค่อนข้างสูงมากๆแน่นอนว่าตัว i7 Gen10 ก็ถือว่าแรงพอสมควร ไปได้ 5947 คะแนน จริงๆพวกระดับราคานี้การใช้งานทั่วไปทำงานคงไม่ต้องกังวลตอบโจทย์ทำงาน ทั่วไปแทบจะทุกรูปแบบ ไม่ต้องห่วงเลยแหละ ตั้งแต่ Word ไปยังตัดต่อ เรนเดอร์ 3 มิติ งานเขียนงานวาดแปลนบ้านทุกอย่าง และ รองรับได้สบายด้วยความแรงทั้งหมดถือว่าชิลๆและดีกว่าตัว i7 9750H อยู่ด้วยในคะแนนส่วนนี้ ส่วนในการทดสอบนั้นเป็นอุณหภูมิปกติ เช่นเดิมไม่ได้เปิดแอร์ แต่ถ้าเปิดแอร์นั้นจะได้คะแนนประมาณ 6,100 คะแนนครับ ถือว่าคะแนนในเรื่องของการทำงานสบาย
3D MARK
ทำคะแนนเรียกได้ว่าสูงในการทดสอบทั้ง 5 แบบนะครับ ตัว TIMESPY EXTREAM ที่เน้นไปเจาะกลุ่มคอมพิวเตอร์ระดับท็อป เกมมิ่ง ทำคะแนนได้ 4884 ถือว่าดี PORT ROYAL ในการทดสอบ RAY TRACING นั้นได้ไป 6316 คะแนน ต้องบอกว่าผ่านการทดสอบใช้งานระดับสูงๆของ 3D Mark สบายๆ ส่วนในเรื่องความร้อน แอดมินทดสอบต่อเนื่อง 4 แบบ ทำความร้อนไปได้ 85 CPU GPU 80 นะครับ และในตัว FIRE STRIKE EXTREAM ทำไปได้ 12752 และ FIRE STRIKE ULTRA 6856 คะแนน ถือว่าแรงสมกับ RTX 3070 เลยนั้นเอง คะแนนสูงกว่ารุ่นก่อนเยอะครับถ้าเน้นในเรื่องของการใช้งานเล่นเกม หรือว่าหน่วยประมวลผลต่างๆนั้นถือว่ารองรับได้สบายขึ้นเยอะ
[SR] รีวิว MSI GE66 RAIDER ตัวเทพ i7 + RTX 3070 RAM 32 GB จอ 240Hz ในราคา 99K !
MSI ในตระกูล GE 66 นั้นถ้าจำกันได้เราเคยรีวิวจัดเต็มไปในตัวเทพที่สุด ที่มาพร้อมกับรุ่นพิเศษ DragonShield Limited Edition กันไปแล้ว แน่นอนว่าในครั้งนี้จะเป็นรุ่นปกติที่สเปกอะไรนั้นจะลดลงมาเล็กน้อยทั้งเรื่องของหน้าจอและที่แตกต่างกันคือเรื่องของงานออกแบบนั้นเองครับ แต่ถ้ามองเรื่องของสเปคการ์ดจออะไรนั้นตัวที่เรากำลังจะรีวิวนั้นทำได้ดีกว่าชัดเจนเนื่องจากเป็นรุ่น RTX 3070 แล้วครับส่วนเรื่องของงานออกแบบหรือว่าดีไซน์ตัวบอดี้เองนั้นไม่ได้แตกต่างกันมากนักครับในรุ่นนี้ ยังคงโดดเด่นทั้งเรื่อง แสงสีไฟแถบด้านหน้า รูปทรงบอดี้สวยงาม พัดลมขนาดใหญ่ ช่องเชื่อมต่อในด้านหลังหรือว่าจะเป็นหน้าจอ 240Hz รวมถึงระบบระบายความร้อน Cooler Boost 5 – Wifi 6E ในการเชื่อมต่อ และลำโพงคู่จัดเต็มครับ และมาพร้อมกับคีย์บอร์ดจากทาง Steelseries เช่นเดิมประจำแบรนด์นี้
MSI GE66 RAIDER ในรหัส 10UG 424TH นั้นจะมาพร้อมกับการใช้งาน INTEL I7 10870H รองรับการใช้งาน ความเร็ว 2.20 - 5.0 GHz 8 คอร์ 16 เธร์ด (16 MB L3 Cache) เสียดายว่ายังไม่ได้ใช้งาน Gen11 ครับ ส่วนการ์ดจอได้อัปเดตแล้วมาใช้งาน NVIDIA GeForce RTX 3070 และใช้งาน RAM 32GB DDR4 3200MHz Dual Channel และทางด้านความจุเครื่อง SSD แบบ M.2 NVMe 2TB รองรับการใช้งานสบายๆครับ แน่นอนว่าสเปกนั้นดี แต่เสียดายไม่ใช้งาน Gen 11 แค่นั้น ส่วนทางด้านหน้าจอนั้นจะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 15.6″ Full HD หน้าจอแบบ IPS รองรับการใช้งานมาตรฐาน sRGB 100% และปรับสีได้ MSI True Color Technology และหน้าจอ 240Hz ถือว่าความลื่นไหลสบายๆในการใช้งานจริงครับ มาพร้อมกับลำโพงคู่ และ พอร์ตเชื่อมต่ออะไรจัดเต็มมากๆ แต่ไม่มี Thunderbolt 3 มาให้อันนี้แอบเสียดาย ส่วนการระบายความร้อนยังใช้งาน Cooler Boost 5 จัดเต็มเช่นเดิมเลย และรองรับ Wifi 6E ตัวล่าสุดรวมถึง ประกันนั้นรองรับ 2 ปีมาตรฐานเลยครับ
MSI GE66 RAIDER ราคานั้นจะเริ่มต้น 79,990 บาท แต่ในรุ่นที่รีวิวจะเป็นรุ่น 99,990 บาทไทยครับ มาพร้อมกับสเปก i7-10870H // INVIDIA GeForce RTX 3070 / RAM 32GB / 15.6″ IPS Full HD 240Hz // SSD M.2 NVMe PCIe 2TB เรียกได้ว่าเป็นสเปกที่จัดเต็มมากๆตัวนึงแล้วของทางค่ายนี้
UNBOX
- ตัวเครื่อง MSI GE66 RAIDER
- กระเป๋าเป้ MSI
- คู่มือการใช้งาน
- ผ้าเช็ดตัวเครื่อง
- Adaptor จ่ายไฟเข้าเครื่อง
DESIGN
งานออกแบบทางด้าน GE66 นั้นยังคงใช้งานบอดี้ เส้นสายงานออกแบบที่มีความคล้ายหรืออาจจะเป็นบอดี้ตัวเดิมเลยนั้นเองแต่เปลี่ยนแค่ในเรื่องของภายในสเปกเท่านั้นทำให้ข้างนอกอะไรพวกนี้อาจจะไม่ได้รู้สึกถึงการเปลี่ยนเท่าไรครับ แต่แน่นอนว่าบอดี้เดิมมันเองก็ไม่ได้แย่ ทั้งเรื่องของการใช้งาน ความแข็งแรง หรือว่าจะเป็นการออกแบบต่างๆ ข้อต่อมีความแข็งแรง และการระบายความร้อนทิศทางลม หรือว่าจะเป็นพอร์ตเชื่อมต่อนั้นให้มาครบหลายตำแหน่งส่วนทางด้านสีในรุ่นนี้แน่นอนว่าเราเคยรีวิวตัว Dragonshield กันไปแล้วแต่ครั้งนี้เป็นบอดี้แบบเรียบๆสีเงินกันบ้าง
รูปทรงตัวเครื่องอะไรนั้นยังคงไม่ได้หนีจากเดิมอย่างที่แจ้งไปครับมาพร้อมกับไฟในด้านหน้าที่รองรับการเปลี่ยนสีสันได้อิสระ และฝาหลังสีเงินสวยงามเน้นความหรูหราอะไรมากขึ้นพรีเมี่ยมมากกว่าเดิมส่วนทางด้านโลโก้นั้นไม่ได้มีไฟอะไรมาให้ครับเน้นความเรียบและดูไม่เป็นสายเกมมากเกินไปทำให้ภาพรวมนั้นดูไม่เป็นสายเกมมิ่งเยอะมากด้วยครับ
ขอบเครื่องด้านหน้านั้นมาพร้อมกับไฟ MYSTIC LIGHT RGB ที่สามารถรองรับการปรับแต่งได้ในตัวเครื่องเป็นแถบไฟขนาดใหญ่ถือว่ามีความสวยงามพอสมควร และเป็นรูปทรง 3 มิติสวยงามอันนี้ถือว่าโดดเด่นเลยทีเดียว และสามารถปรับแต่งได้เยอะมากๆตัวนึงเลยเราจะเห็นได้เลยว่าตัวหลอดไฟใส่เข้ามาให้เยอะ และแน่นมากๆในการตกแต่งครับ แน่นอนว่ารุ่นนี้มีไฟแค่จุดเดียวทำให้ต้องเน้นๆในเรื่องของการใช้งาน ความสวยงามและความโดดเด่นเป็นหลัก
คีย์บอร์ดทำงานร่วมกันกับไฟได้เป็นอย่างดี RGB PER KEY สามารถเล่นแสงสีได้แยกทีละปุ่มและสามารถเล่นกับตัวแถบไฟด้านหน้าได้เยอะมากๆเราจะเห็นว่ามีความหลากหลายของตัวไฟเยอะจริงๆครับเรียกได้ว่าค่ายนี้ยังคงเน้นเรื่องของไฟและการปรับแต่งได้อิสระมากขึ้นเรื่อยๆสำหรับใครที่ชอบเล่นเกมหรือปรับแต่งไฟเยอะๆน่าจะชอบกันในจุดนี้
ฝาหลังมีคุณภาพดีทั้งเรื่องของการใช้งานวัสดุ และ การใช้โทนสีรวมถึงการขึ้นรูปโลโก้ของ MSI แน่นอนว่าแม้จะเป็นตัว Gaming ก็ไม่ได้ใช้งานสีสันไฟเยอะในส่วนโลโก้ครับมีความหรูมากๆตัวนึงเลยแหละถือว่าดูดีและพรีเมี่ยม งานโลโก้มีความคมสวย และเป็นโครเมี่ยมสวยงามเลยทีเดียว ส่วนด้านในหน้าจอนั้นขอบจอบางขึ้น และกล้องหน้า ไมค์ยังคงใส่เข้ามาให้ไม่ได้ตัดออกไปครับแน่นอนว่า หลายๆคนก็ยังคงใช้งานกล้องติดหน้าจอเมื่อยามจำเป็นกันอยู่
ส่วนขอบเครื่องด้านข้างนั้นเราจะเห็นว่ามีการใช้งานวัสดุสีส้มกับสีดำตัดกัน และตัวข้อพับนั้นดูแข็งแรงพอสมควรในการใช้งานทั่วไป และมีช่องระบายความร้อนออกไปในด้านข้าง และในด้านหลังก็มีช่องระบายเช่นกันพร้อมกับพอร์ตเชื่อมต่อต้องบอกว่า MSI พัฒนาคุณภาพในหลายๆส่วนขึ้นเยอะและในเรื่องของข้อต่อและความแข็งแรงนั้นสบายๆรองรับการกางหน้าจอไอ้กว้างสุดตามภาพเลยทีเดียวครับ สามารถใช้งานมือเดียวเปิดหน้าจอได้อยู่เช่นกันในส่วนนี้
ฝาหลังนั้นมีการเล่นลวดลายอยู่เช่นเดิมครับมียางรองในด้านล่างพร้อมกับช่องระบายอากาศต่างๆนั้นเยอะพอสมควรครับแน่นอนว่าจะเน้นหนักๆไปที่ด้านหลังของตัวเครื่องที่จะเน้นๆในช่วงของพัดลมด้านหลัง และการระบายอากาศทั้งหมด ซึ่งในด้านหน้าเลยไม่ต้องมีช่องลมอะไรเยอะครับ เมื่อมองทะลุเข้าไปจะเห็นว่าพัดลมขนาดใหญ่ทั้งสองฝั่งใส่เข้ามา ส่วนในด้านบนตรงคีย์บอร์ดนั้นมีพื้นที่เหลือ ซ้าย และ ขวาอยู่บ้างครับ พร้อมกับวัสดุขึ้นรูปชิ้นเดียวกันทั้งหมดส่วนนี้ถือว่ากำลังดี มีที่วางอุ้งมือและทำได้ดีไม่ร้อนเวลาใช้งานรวมถึงวัสดุไม่ได้เลอะหรือติดคราบมันอะไรได้ง่ายครับ
ฝาหลังนั้นรองรับการแกะได้ง่ายๆ พร้อมกับช่องระบายความร้อนด้านฐานล่างแบบคล้ายรังผึ้ง เจาะช่องระบายทั้ง 2 ฝั่งพร้อมกับพัดลมขนาดใหญ่ ยางรองทั้ง 4 มุมและในขอบด้านหน้าจะเป็นยางรองแนวยาว เมื่อแกะฝาฐานล่างออกมาเราจะเห็นพัดลม 2 ตัวขนาดใหญ่พร้อมกับ Heatpipe 6 เส้นจัดเต็ม ระบายความร้อนออกข้างหลังและข้างซ้ายขวาทั้งหมด เรื่องจัดการความร้อนรุ่นนี้ถือว่าสบายและมีโหมด Turbo ระบายแบบเต็มที่เสียงพัดลมดังสูงสุด ส่วนการรองรับอัพเกรดนั้นให้ M.2 มาทั้งหมด 2 แถม รองรับอัพอีก 1 แถว รวมถึงมีแผ่นระบายความร้อนแปะมาให้ทุกส่วนของตัว M.2 และ ส่วนของ RAM เช่นกันมาให้ 2 แถว 32GB ใส่มาให้เต็มพร้อมใช้งานไม่ต้องอัพเพิ่มเติม
SPEC
- Intel Core i7-10875H
- NVIDIA GeForce RTX 3070 8GB GDDR6
- RAM 32GB DDR4 Bus 3200MHz
- 2 TB SSD M.2 NVMe PCIe
- หน้าจอขนาด 15.6″ FHD (1920×1080), 240Hz, IPS-Level
- Per-Key RGB Backlight Keyboard BY Steelseries
- Mystic Light แบบ Panoramic Aurora RGB ขอบเครื่องด้านหน้า
- 802.11 ax Wi-Fi 6E + Bluetooth v5.1
- 1x Mic-in/Headphone-out Combo Jack
- Duo Wave Speaker ลำโพงคู่ ขอบเครื่อง
- DYNAAUDIO / HI-RES AUDIO
- ขนาด 358 x 267 x 23.4 มม.
- น้ำหนัก 2.38 กิโลกรัม
PERFORMANCE
ในรุ่นนี้ใช้งาน CPU i7-10875H 14nm 2.30 GHz, 16 MB L3 Cache, up to 5.10 GHz 8 Core/16 Thread ส่วนการ์ดจอ นั้นยังคงใช้งานของ NVIDIA GeForce RTX 3070 มาพร้อมกับ 8GB GDDR6 VRAM และ ทางด้าน Ram ให้มา 32GB DDR4 bus 3200 พร้อมรองรับ Dual Channelส่วน SSD 2TB PCIe® Gen3 SSD M.2 ให้มาเรียบร้อย 1 ช่อง รองรับอีก 1 แถวเพิ่มเติม และมาพร้อมกับ Windows 10 เรียบร้อยพร้อมใช้งาน ในรุ่นนี้ถือว่าสเปกนั้นทำได้ดีพร้อมใช้งานเลยทีเดียวครับและการ์ดจอก็แรงสะใจเอาเรื่อง
PC MARK
คะแนนไปได้ค่อนข้างสูงมากๆแน่นอนว่าตัว i7 Gen10 ก็ถือว่าแรงพอสมควร ไปได้ 5947 คะแนน จริงๆพวกระดับราคานี้การใช้งานทั่วไปทำงานคงไม่ต้องกังวลตอบโจทย์ทำงาน ทั่วไปแทบจะทุกรูปแบบ ไม่ต้องห่วงเลยแหละ ตั้งแต่ Word ไปยังตัดต่อ เรนเดอร์ 3 มิติ งานเขียนงานวาดแปลนบ้านทุกอย่าง และ รองรับได้สบายด้วยความแรงทั้งหมดถือว่าชิลๆและดีกว่าตัว i7 9750H อยู่ด้วยในคะแนนส่วนนี้ ส่วนในการทดสอบนั้นเป็นอุณหภูมิปกติ เช่นเดิมไม่ได้เปิดแอร์ แต่ถ้าเปิดแอร์นั้นจะได้คะแนนประมาณ 6,100 คะแนนครับ ถือว่าคะแนนในเรื่องของการทำงานสบาย
3D MARK
ทำคะแนนเรียกได้ว่าสูงในการทดสอบทั้ง 5 แบบนะครับ ตัว TIMESPY EXTREAM ที่เน้นไปเจาะกลุ่มคอมพิวเตอร์ระดับท็อป เกมมิ่ง ทำคะแนนได้ 4884 ถือว่าดี PORT ROYAL ในการทดสอบ RAY TRACING นั้นได้ไป 6316 คะแนน ต้องบอกว่าผ่านการทดสอบใช้งานระดับสูงๆของ 3D Mark สบายๆ ส่วนในเรื่องความร้อน แอดมินทดสอบต่อเนื่อง 4 แบบ ทำความร้อนไปได้ 85 CPU GPU 80 นะครับ และในตัว FIRE STRIKE EXTREAM ทำไปได้ 12752 และ FIRE STRIKE ULTRA 6856 คะแนน ถือว่าแรงสมกับ RTX 3070 เลยนั้นเอง คะแนนสูงกว่ารุ่นก่อนเยอะครับถ้าเน้นในเรื่องของการใช้งานเล่นเกม หรือว่าหน่วยประมวลผลต่างๆนั้นถือว่ารองรับได้สบายขึ้นเยอะ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้