ประธานาธิบดีฝรั่งเศสประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศเป็นครั้งที่ 3 เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 และให้ปิดโรงเรียนด้วย 3 สัปดาห์
 
สำนักข่าว รอยเตอร์ รายงานว่า ในวันพุธที่ 31 มี.ค. 2564 ประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส ประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศเป็นครั้งที่ 3 และให้ปิดโรงเรียนเป็นเวลา 3 สัปดาห์ เพื่อรับมือกับการระบาดระลอกที่ 3 ของไวรัสโควิด-19 ซึ่งกำลังทำให้โรงพยาบาลหลายแห่งต้องแบกรับภาระอย่างหนัก

การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในฝรั่งเศสเลวร้ายลงตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยตอนนี้จำนวนผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 95,495 ศพแล้ว ขณะที่สถานการณ์ห้องไอซียูในจังหวัดที่มีการระบาดอย่างหนักก็กำลังอยู่ในจุดแตกหัก รวมกับการกระจายวัคซีนที่ล่าช้ากว่ากำหนด ส่งผลให้นายมาครงต้องละทิ้งเป้าหมายที่จะเปิดประเทศเพื่อปกป้องเศรษฐกิจ
นายมาครงกล่าวระหว่างการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ว่า สถานการณ์ในประเทศตอนนี้นั้นอยู่ในสภาพ เปราะบาง และเดือนเมษายนคือช่วงเวลาที่สำคัญมาก “เราจะสูญเสียการควบคุมหากเราไม่เคลื่อนไหวตอนนี้”
 
คำประกาศล่าสุดของนายมาครงหมายความว่า มาตรการจำกัดการเดินทาง ห้ามประชาชนเดินทางห่างจากบ้านของตัวเองเกิน 10 กม.โดยไม่มีเหตุอันควร กับคำสั่งปิดร้านค้าที่ไม่สำคัญ ซึ่งบังคับใช้ในกรุงปารีสและบางจังหวัดในภาคเหนือและภาคใต้ไปก่อนหน้านี้ จะถูกใช้ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน เริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่ 3 เม.ย.เป็นต้นไป
ขณะที่โรงเรียนทั่วประเทศจะต้องหยุดการเรียนการสอนเป็นเวลา 3 สัปดาห์ เริ่มตั้งแต่สัปดาห์หน้า โดยนักเรียนจะเปลี่ยนมาใช้การศึกษาทางไกลแทนเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ก่อนที่โรงเรียนทุกแห่งจะเข้าสู่ช่วงวันหยุด 2 สัปดาห์ จากนั้น นักเรียนชั้นเนอสเซอรีและประถมจะได้กลับเข้าเรียนในโรงเรียน ส่วนนักเรียนชั้นมัธยมยังต้องศึกษาทางไกลต่ออีก 1 สัปดาห์
ทั้งนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันในฝรั่งเศสเพิ่มขึ้นจากเมื่อเดือนเดือนกุมภาพันธ์กว่าเท่าตัว อยู่ที่เกือบ 40,000 ราย ขณะที่จำนวนผู้ป่วยที่ต้องรักษาตัวในห้องไอซียูก็ทะลุ 5,000 รายแล้ว สูงกว่าช่วงพีคของการระบาดที่ทำให้ฝรั่งเศสต้องล็อกดาวน์ทั่วประเทศนานถึง 6 สัปดาห์เมื่อปลายปีก่อนเสียอีก
https://www.thairath.co.th/news/foreign/2061227