เครดิต ภาพจากกูเกิ้ล
............ คืนนี้เป็นคืนข้างแรม ท้องฟ้าขมุกขมัว ไม่นานน้ำจากฟ้าก็ตกลงมาพรำ ๆ เขาว่ากันว่าฝนแรก กบเขียดจะเริงฝน
คืนนี้คนคงออกมาหาจับกบกันเยอะ ไอ้สมมองฟ้าแลบฟ้าร้อง มันเกิดอยู่อีกฟากเขา
อุ่นใจได้ว่าไม่เป็นอุปสรรคทางนี้ ทีแรกตั้งใจชวนไอ้มากไปด้วยกัน
พอไปถึงเรือนไอ้มาก เห็นมันกำลังสุมไฟในคอกให้ควาย นุ่งแต่ผ้าขาวม้า ไม่ได้มีทีท่าจะเตรียมตัวออกทุ่ง
พอได้ยินคำชักชวนจากไอ้สม มันปฏิเสธทันทีเพราะพึ่งมีคนตายในหมู่บ้าน
ลือกันมาว่าเมื่อคืน นกเก๊าผีกะ มันบินวนหาบ้านคนลงเกาะ ส่งเสียงร้องตลอดคืน พอเช้าก็มีคนตาย
ลือกันปากต่อปาก คือบ้านหลังนั้นที่มีคนตายนั่นเอง คนเฒ่าคนแก่ได้สอนสั่งเอาไว้
นกเก๊า หรือนกเค้าแมว เป็นพาหนะของผีกะ พอค่ำ ก็ให้ปิดประตูหน้าต่าง และยกกระไดขึ้นไปเก็บไว้
เวลาผีกะมาถึงเรือนจะขึ้นไม่ได้ และให้พักเรื่องหากินไว้ก่อน อย่าออกนอกชายคาเป็นดีที่สุด
ไอ้สมนึกขำให้กับเพื่อนที่กลัวไม่เข้าเรื่อง เรื่องคนตาย จะด้วยโรคภัยอะไรก็ได้ เอะอะก็โทษแต่ผีสาง
ในเมื่อชวนแล้วไม่ไป ไปคนเดียวก็ได้ คนอย่างไอ้สมบางครั้งก็บ้าบิ่นไม่น้อย
เคยแม้กระทั่ง ออกเที่ยวจีบสาวต่างหมู่บ้าน
ไปคนเดียว ไม่เคยกลัวนักเลงเจ้าถิ่นดักตี เพราะถือว่ามีของดีติดตัว
ชาวบ้านปิดประตูหน้าต่าง เก็บกระได พรางไฟจนเหมือนไม่มีคนอยู่ในเรือน
ไอ้สมให้รู้สึกเหมือนเดินผ่านหมู่บ้านร้าง มันเงียบเชียบไม่มีแม้เสียงหมาเห่า
ไอ้แดงไอ้ด่าง พากันขดตัวซุกหางอยู่ใต้ถุน ข่าวลือเรื่องนกเก๊าผีกะมีอิทธิพล
คุกคามต่อชีวิตชาวบ้านนา ทั้งที่ปกติฝนแรก จะเห็นคนจะออกหากบเขียดกันคึกคัก
แสงไฟฉายกลางทุ่งนา ไม่ว่าไปทางไหนก็เจอ แต่มันผิดกับคืนนี้
ไอ้สมกลับคิดในแง่ดี ในเมื่อไม่มีคนกล้าออกไป มันจะได้ไม่ต้องแย่งกับใคร
ที่สำคัญมี ร่างงั่งตาแดง ของขลังติดตัว มีสรรพคุณหลายด้าน
รวมทั้งป้องกันคุณไสยมนต์ดำกับภูตผีปีศาจ แล้วจะต้องกลัวอะไรอีก
พอถึงบ้าน ฉวยได้ข้องมาสะพายกับคาดไฟฉายที่หน้าผาก เหน็บมีดขัดหลัง
กะว่าจะลงเรือนไปเงียบๆ แม่ห้ามไว้เสียก่อน แม่ก็เหมือนชาวบ้านที่กลัวเกินเหตุ
คนตายเป็นคนหากบที่พอกลับมาถึงบ้าน นอนหลับแล้วเพ้อ พูดจาเหมือนคนบ้า จากนั้นก็ตาย
ชาวบ้านสงสัยว่าเพราะไปจับกบในวัดร้างของอีกหมู่บ้าน ภูตผีปีศาจมันแรง ตามมาเอาวิญญาณไป
ไอ้สมฟังแม่พูดไป เห็นจะไม่เชื่อ อีกอย่างไม่เคยไปหากบไกลถึงเขตวัดร้าง
“โธ่...แม่ ผมไม่ไปถึงโน้นหรอก มันไกลไป”
“แต่แม่ได้ยินมาว่า ผีกะมันมาเอาคนถึงหมู่บ้านเรา มากับนกเค้าแมว มันถึงส่งเสียงร้องทั้งคืน”
“นกก็หากิน ตามประสาของมัน เหมือนกับเรานี่แหละแม่”
ไอ้สมหันไปเห็น หนานหล้ากับอาวสุข เดินผ่านหน้าบ้าน คนแก่กับคนหนุ่ม มีท่าทางรีบเร่ง เดินออกทุ่งไป
คงไม่ใช่มันคนเดียวที่ออกหากบในคืนนี้แน่ แล้วชี้ให้แม่ดู บอกนั่นไงคนอื่นเขาก็ไปกัน ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก
แม่ยังมี สีหน้ากังวล บอกเรื่องไอ้น้อย ลูกชายคนเล็กของอาวสุขได้หายตัวไป
ญาติกำลังออกตามหาตัวกันอยู่ สองคนนั้นอาจกำลังตามหาเด็กก็เป็นไปได้
ไอ้สมคิดว่าเด็กมันซน ป่านนี้อาจไปนอนค้างที่บ้านเพื่อนก็เป็นได้ ไม่มีอะไรน่าห่วงหรอก
เดินหากบมานับชั่วโมง ไอ้สมเดินมาไกล กลับไม่ได้ใส่ข้องแม้แต่ตัวเดียว
นึกแปลกใจฝนแรกทั้งที กบไม่ออกมากันเลย คืนนี้มันมีอะไรวิปริตเกิดขึ้น
สองหูได้ยินแต่เสียงฝนพรำ กับเสียงลมพัดหวีดหวิว แม้จะเคยชิน แต่กลับรู้สึกเงียบเหงา
วังเวงจับใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ในตอนนั้นแสงไฟฉายของพวกหากบ อยู่ข้างหน้าไม่ไกลนัก
เหมือนกำลังยืนคุยกันอยู่ น่าจะเป็นหนานหล้ากับอาวสุข
ไอ้สมกะว่าจะเดินไปทักว่าได้กันบ้างไหม สองคนนั้นกลับเดินทิ้งไปไวมาก เลยเลิกล้มความคิดติดตามไป
ไอ้สมยืนสงบใจอยู่ครู่หนึ่ง เป้าหมายต่อไปเห็นจะบ่ายหน้าไปทุ่งนาบ้านใต้ ที่ยังไม่เคยไปถึง
เห็นเขาว่าก่อนถึงวัดร้างมีกบเยอะ เดินไกลหน่อย แต่ได้เต็มข้องกลับมาทุกคน พอตกลงใจได้ดังนั้น
จึงเร่งฝีเท้าไม่ชักช้า ลืมคำที่เคยพูดกับแม่ไว้
เสียงฝนเสียงลมยังอื้ออึง ฝนลงหนาเม็ดทุกที พอมันหันกลับก็เห็นแสงไฟของพวกที่ตามหลังมา
คงเป็นพวกหนานหล้าเป็นแน่ สองคนนั้นคงคิดอ่านเหมือนกัน จะต้องไปหากบที่ท้องนาทางบ้านใต้
และมันก็ไม่ผิดหวัง คืนนี้มีกบให้มันตีใส่ข้องได้มากมาย ล้วนแต่ตัวใหญ่ๆ
หมายใจพรุ่งนี้จะต้มยำมะขามอ่อน อีกส่วนให้แม่เอาไปขายที่ตลาด โดยไม่รู้ตัวว่าสองขานั้นได้ก้าวเข้าไป
ใกล้อาณาเขตของวัดร้างไปทุกที พอจับกบยัดใส่ข้อง เงยหน้าขึ้นมา
มองเห็นยอดเจดีย์เป็นเงาตะคุ่ม ด้วยถูกทิ้งร้างมานาน ต้นไม้จึงขึ้นอยู่เป็นดง
ไอ้สมนึกแปลกใจอยู่ว่า เห็นเปลวไฟลุกวอมแวมหลังแนวป่า มองให้ดีจะเห็นเป็นกลดพระ
คิดว่าพระธุดงค์มาพักในเขตวัดร้างเป็นแน่ เห็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้รู้สึกอุ่นใจหน่อย
ตอนนี้ในข้องมันหนังอึ้ง ขอจับอีกสองสามตัวก็จะบ่ายหน้ากลับแล้ว
“ขออีกตัวสองตัวเถอะ จะได้แบ่งขายให้คนอื่น” ขณะที่ไอ้สมกำลังพูดกับตัวเอง
เสียงกบก็ร้องขึ้น มาจากหลังจอมปลวก ใต้ต้นมะเดื่อใหญ่ ตัวมันคงโตไม่เบาทีเดียว
ได้ยินจากเสียงร้อง พอเดินย่องไปใกล้ มองเห็นถนัดถึงกับสะดุ้งเพราะกบที่เห็นนั้น
ช่างใหญ่โตกว่าที่จับมาได้ ไม่พูดอะไรให้มากเรื่อง ไอ้สมหวดไม้ตีหัวกบเต็มแรง
ไม้กระทบหัวกบ มันดิ้นทุรนทุราย นอนหงายขาชี้ฟ้า ช่างเหมือนอาการของคนที่ได้รับความเจ็บปวด
“โอ๊ย!” ให้ตายสิ ไอ้สมสบถสาบานกับตัวเอง เสียงร้องของกบตัวนั้น มันช่างเหมือนเสียงเด็ก
ที่กำลังได้รับความเจ็บปวด มันครางฮือ ๆ ทันใดนั้นก็มีควันพวยพุ่งออกมา จากกบเจ้ากรรมตัวนั้น
พอควันจางลงจึงเห็นเป็นร่างเล็กๆ ของเด็กชายนั่งกอดเข่า ด้วยเนื้อตัวสั่นเทา อยู่ใต้ต้นมะเดื่อ
“ไอ้น้อย!” เด็กมันมองไอ้สมตาแป๋ว แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ทำไมลูกของอาวสุขมาอยู่ที่นี่ได้
“ไม่ต้องกลัวนะ อ้ายมาช่วยแล้ว มากับอ้าย จะพากลับบ้าน”
พอเข้าไปใกล้ เด็กกลับวิ่งหนี ไปได้ไวเหมือนลิง สุดปัญญาจะวิ่งตามได้ทัน
“เฮ้ย! อย่าวิ่ง ทางนั้นมันเป็นวัดร้าง อย่าเข้าไป”
ไอ้เด็กน้อยเข้าไปวัดร้างจนได้ ถึงใจหนึ่ง คนอย่างไอ้สม จะไม่ค่อยกลัวเกรงผีสาง แต่ไม่อยากลองดี
ในเมื่อถึงคราวจำเป็นก็ต้องเข้าไป ถ้าช่วยได้ก็ต้องช่วย คิดได้ดังนั้นจึงข้ามกำแพงวัดอันผุพัง
ข้างหน้ามีต้นมะม่วงอายุนับร้อยปี บนกิ่งมีร่างเล็กๆ กำลังห้อยโหนอย่างคึกคะนอง
พอเห็นไอ้สมข้ามกำแพง เข้ามา ร่างที่คิดว่าเป็นไอ้น้อยโดดลงมาดังตุบ!
ทั้งที่สูงขนาดนั้น กลับไม่เป็นอะไรเลย ลงมาแลบลิ้นปลิ้นตา
“ตายแล้ว! ผีหลอก... ช ช่วย...ด...ด้วย”
ไอ้สมพยายามจะก้าวขา จนแล้วจนรอด ขามันก้าวไม่ออก
“ฮิ ๆ ...เหอๆ...จะไปไหนหรือพี่สม ไม่เอาข้าไปด้วยเหรอ! เนื้อข้าแน่น อร่อยนะ เหอๆ”
ความกลัวทำให้หน้ามืด หมดสติไปในทันที ไม่รับรู้อะไรอีกเลย
เป็นการหลับลึก โดยที่จิตล่องลอยไปพบกับเด็ก ผู้ชายคนหนึ่ง ไว้ผมจุก นุ่งแต่กางเกง
วัยเดียวกับไอ้น้อยมาชวนไปเที่ยว น่าแปลกที่เบ้าตาของเด็กดูลึก มองไม่เห็นแววตา
ตอนนี้รอบตัวมันโปร่งโล่ง มีไต้ติดไฟปักไว้เป็นทาง ราวกับมีงานบุญเกิดขึ้น
เครดิตภาพ จากกูเกิล
ผี...อยากได้เป็นพวก
คืนนี้คนคงออกมาหาจับกบกันเยอะ ไอ้สมมองฟ้าแลบฟ้าร้อง มันเกิดอยู่อีกฟากเขา
อุ่นใจได้ว่าไม่เป็นอุปสรรคทางนี้ ทีแรกตั้งใจชวนไอ้มากไปด้วยกัน
พอไปถึงเรือนไอ้มาก เห็นมันกำลังสุมไฟในคอกให้ควาย นุ่งแต่ผ้าขาวม้า ไม่ได้มีทีท่าจะเตรียมตัวออกทุ่ง
พอได้ยินคำชักชวนจากไอ้สม มันปฏิเสธทันทีเพราะพึ่งมีคนตายในหมู่บ้าน
ลือกันมาว่าเมื่อคืน นกเก๊าผีกะ มันบินวนหาบ้านคนลงเกาะ ส่งเสียงร้องตลอดคืน พอเช้าก็มีคนตาย
ลือกันปากต่อปาก คือบ้านหลังนั้นที่มีคนตายนั่นเอง คนเฒ่าคนแก่ได้สอนสั่งเอาไว้
นกเก๊า หรือนกเค้าแมว เป็นพาหนะของผีกะ พอค่ำ ก็ให้ปิดประตูหน้าต่าง และยกกระไดขึ้นไปเก็บไว้
เวลาผีกะมาถึงเรือนจะขึ้นไม่ได้ และให้พักเรื่องหากินไว้ก่อน อย่าออกนอกชายคาเป็นดีที่สุด
ไอ้สมนึกขำให้กับเพื่อนที่กลัวไม่เข้าเรื่อง เรื่องคนตาย จะด้วยโรคภัยอะไรก็ได้ เอะอะก็โทษแต่ผีสาง
ในเมื่อชวนแล้วไม่ไป ไปคนเดียวก็ได้ คนอย่างไอ้สมบางครั้งก็บ้าบิ่นไม่น้อย
เคยแม้กระทั่ง ออกเที่ยวจีบสาวต่างหมู่บ้าน
ไปคนเดียว ไม่เคยกลัวนักเลงเจ้าถิ่นดักตี เพราะถือว่ามีของดีติดตัว
ชาวบ้านปิดประตูหน้าต่าง เก็บกระได พรางไฟจนเหมือนไม่มีคนอยู่ในเรือน
ไอ้สมให้รู้สึกเหมือนเดินผ่านหมู่บ้านร้าง มันเงียบเชียบไม่มีแม้เสียงหมาเห่า
ไอ้แดงไอ้ด่าง พากันขดตัวซุกหางอยู่ใต้ถุน ข่าวลือเรื่องนกเก๊าผีกะมีอิทธิพล
คุกคามต่อชีวิตชาวบ้านนา ทั้งที่ปกติฝนแรก จะเห็นคนจะออกหากบเขียดกันคึกคัก
แสงไฟฉายกลางทุ่งนา ไม่ว่าไปทางไหนก็เจอ แต่มันผิดกับคืนนี้
ไอ้สมกลับคิดในแง่ดี ในเมื่อไม่มีคนกล้าออกไป มันจะได้ไม่ต้องแย่งกับใคร
ที่สำคัญมี ร่างงั่งตาแดง ของขลังติดตัว มีสรรพคุณหลายด้าน
รวมทั้งป้องกันคุณไสยมนต์ดำกับภูตผีปีศาจ แล้วจะต้องกลัวอะไรอีก
พอถึงบ้าน ฉวยได้ข้องมาสะพายกับคาดไฟฉายที่หน้าผาก เหน็บมีดขัดหลัง
กะว่าจะลงเรือนไปเงียบๆ แม่ห้ามไว้เสียก่อน แม่ก็เหมือนชาวบ้านที่กลัวเกินเหตุ
คนตายเป็นคนหากบที่พอกลับมาถึงบ้าน นอนหลับแล้วเพ้อ พูดจาเหมือนคนบ้า จากนั้นก็ตาย
ชาวบ้านสงสัยว่าเพราะไปจับกบในวัดร้างของอีกหมู่บ้าน ภูตผีปีศาจมันแรง ตามมาเอาวิญญาณไป
ไอ้สมฟังแม่พูดไป เห็นจะไม่เชื่อ อีกอย่างไม่เคยไปหากบไกลถึงเขตวัดร้าง
“โธ่...แม่ ผมไม่ไปถึงโน้นหรอก มันไกลไป”
“แต่แม่ได้ยินมาว่า ผีกะมันมาเอาคนถึงหมู่บ้านเรา มากับนกเค้าแมว มันถึงส่งเสียงร้องทั้งคืน”
“นกก็หากิน ตามประสาของมัน เหมือนกับเรานี่แหละแม่”
ไอ้สมหันไปเห็น หนานหล้ากับอาวสุข เดินผ่านหน้าบ้าน คนแก่กับคนหนุ่ม มีท่าทางรีบเร่ง เดินออกทุ่งไป
คงไม่ใช่มันคนเดียวที่ออกหากบในคืนนี้แน่ แล้วชี้ให้แม่ดู บอกนั่นไงคนอื่นเขาก็ไปกัน ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก
แม่ยังมี สีหน้ากังวล บอกเรื่องไอ้น้อย ลูกชายคนเล็กของอาวสุขได้หายตัวไป
ญาติกำลังออกตามหาตัวกันอยู่ สองคนนั้นอาจกำลังตามหาเด็กก็เป็นไปได้
ไอ้สมคิดว่าเด็กมันซน ป่านนี้อาจไปนอนค้างที่บ้านเพื่อนก็เป็นได้ ไม่มีอะไรน่าห่วงหรอก
เดินหากบมานับชั่วโมง ไอ้สมเดินมาไกล กลับไม่ได้ใส่ข้องแม้แต่ตัวเดียว
นึกแปลกใจฝนแรกทั้งที กบไม่ออกมากันเลย คืนนี้มันมีอะไรวิปริตเกิดขึ้น
สองหูได้ยินแต่เสียงฝนพรำ กับเสียงลมพัดหวีดหวิว แม้จะเคยชิน แต่กลับรู้สึกเงียบเหงา
วังเวงจับใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ในตอนนั้นแสงไฟฉายของพวกหากบ อยู่ข้างหน้าไม่ไกลนัก
เหมือนกำลังยืนคุยกันอยู่ น่าจะเป็นหนานหล้ากับอาวสุข
ไอ้สมกะว่าจะเดินไปทักว่าได้กันบ้างไหม สองคนนั้นกลับเดินทิ้งไปไวมาก เลยเลิกล้มความคิดติดตามไป
ไอ้สมยืนสงบใจอยู่ครู่หนึ่ง เป้าหมายต่อไปเห็นจะบ่ายหน้าไปทุ่งนาบ้านใต้ ที่ยังไม่เคยไปถึง
เห็นเขาว่าก่อนถึงวัดร้างมีกบเยอะ เดินไกลหน่อย แต่ได้เต็มข้องกลับมาทุกคน พอตกลงใจได้ดังนั้น
จึงเร่งฝีเท้าไม่ชักช้า ลืมคำที่เคยพูดกับแม่ไว้
เสียงฝนเสียงลมยังอื้ออึง ฝนลงหนาเม็ดทุกที พอมันหันกลับก็เห็นแสงไฟของพวกที่ตามหลังมา
คงเป็นพวกหนานหล้าเป็นแน่ สองคนนั้นคงคิดอ่านเหมือนกัน จะต้องไปหากบที่ท้องนาทางบ้านใต้
และมันก็ไม่ผิดหวัง คืนนี้มีกบให้มันตีใส่ข้องได้มากมาย ล้วนแต่ตัวใหญ่ๆ
หมายใจพรุ่งนี้จะต้มยำมะขามอ่อน อีกส่วนให้แม่เอาไปขายที่ตลาด โดยไม่รู้ตัวว่าสองขานั้นได้ก้าวเข้าไป
ใกล้อาณาเขตของวัดร้างไปทุกที พอจับกบยัดใส่ข้อง เงยหน้าขึ้นมา
มองเห็นยอดเจดีย์เป็นเงาตะคุ่ม ด้วยถูกทิ้งร้างมานาน ต้นไม้จึงขึ้นอยู่เป็นดง
ไอ้สมนึกแปลกใจอยู่ว่า เห็นเปลวไฟลุกวอมแวมหลังแนวป่า มองให้ดีจะเห็นเป็นกลดพระ
คิดว่าพระธุดงค์มาพักในเขตวัดร้างเป็นแน่ เห็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้รู้สึกอุ่นใจหน่อย
ตอนนี้ในข้องมันหนังอึ้ง ขอจับอีกสองสามตัวก็จะบ่ายหน้ากลับแล้ว
“ขออีกตัวสองตัวเถอะ จะได้แบ่งขายให้คนอื่น” ขณะที่ไอ้สมกำลังพูดกับตัวเอง
เสียงกบก็ร้องขึ้น มาจากหลังจอมปลวก ใต้ต้นมะเดื่อใหญ่ ตัวมันคงโตไม่เบาทีเดียว
ได้ยินจากเสียงร้อง พอเดินย่องไปใกล้ มองเห็นถนัดถึงกับสะดุ้งเพราะกบที่เห็นนั้น
ช่างใหญ่โตกว่าที่จับมาได้ ไม่พูดอะไรให้มากเรื่อง ไอ้สมหวดไม้ตีหัวกบเต็มแรง
ไม้กระทบหัวกบ มันดิ้นทุรนทุราย นอนหงายขาชี้ฟ้า ช่างเหมือนอาการของคนที่ได้รับความเจ็บปวด
“โอ๊ย!” ให้ตายสิ ไอ้สมสบถสาบานกับตัวเอง เสียงร้องของกบตัวนั้น มันช่างเหมือนเสียงเด็ก
ที่กำลังได้รับความเจ็บปวด มันครางฮือ ๆ ทันใดนั้นก็มีควันพวยพุ่งออกมา จากกบเจ้ากรรมตัวนั้น
พอควันจางลงจึงเห็นเป็นร่างเล็กๆ ของเด็กชายนั่งกอดเข่า ด้วยเนื้อตัวสั่นเทา อยู่ใต้ต้นมะเดื่อ
“ไอ้น้อย!” เด็กมันมองไอ้สมตาแป๋ว แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ทำไมลูกของอาวสุขมาอยู่ที่นี่ได้
“ไม่ต้องกลัวนะ อ้ายมาช่วยแล้ว มากับอ้าย จะพากลับบ้าน”
พอเข้าไปใกล้ เด็กกลับวิ่งหนี ไปได้ไวเหมือนลิง สุดปัญญาจะวิ่งตามได้ทัน
“เฮ้ย! อย่าวิ่ง ทางนั้นมันเป็นวัดร้าง อย่าเข้าไป”
ไอ้เด็กน้อยเข้าไปวัดร้างจนได้ ถึงใจหนึ่ง คนอย่างไอ้สม จะไม่ค่อยกลัวเกรงผีสาง แต่ไม่อยากลองดี
ในเมื่อถึงคราวจำเป็นก็ต้องเข้าไป ถ้าช่วยได้ก็ต้องช่วย คิดได้ดังนั้นจึงข้ามกำแพงวัดอันผุพัง
ข้างหน้ามีต้นมะม่วงอายุนับร้อยปี บนกิ่งมีร่างเล็กๆ กำลังห้อยโหนอย่างคึกคะนอง
พอเห็นไอ้สมข้ามกำแพง เข้ามา ร่างที่คิดว่าเป็นไอ้น้อยโดดลงมาดังตุบ!
ทั้งที่สูงขนาดนั้น กลับไม่เป็นอะไรเลย ลงมาแลบลิ้นปลิ้นตา
“ตายแล้ว! ผีหลอก... ช ช่วย...ด...ด้วย”
ไอ้สมพยายามจะก้าวขา จนแล้วจนรอด ขามันก้าวไม่ออก
“ฮิ ๆ ...เหอๆ...จะไปไหนหรือพี่สม ไม่เอาข้าไปด้วยเหรอ! เนื้อข้าแน่น อร่อยนะ เหอๆ”
ความกลัวทำให้หน้ามืด หมดสติไปในทันที ไม่รับรู้อะไรอีกเลย
เป็นการหลับลึก โดยที่จิตล่องลอยไปพบกับเด็ก ผู้ชายคนหนึ่ง ไว้ผมจุก นุ่งแต่กางเกง
วัยเดียวกับไอ้น้อยมาชวนไปเที่ยว น่าแปลกที่เบ้าตาของเด็กดูลึก มองไม่เห็นแววตา
ตอนนี้รอบตัวมันโปร่งโล่ง มีไต้ติดไฟปักไว้เป็นทาง ราวกับมีงานบุญเกิดขึ้น