K1 วีซ่าคู่หมั้นอเมริกา ช่วงโควิด

สวัสดีค่ะ เพื่อน ๆ ทุกคน 
เพี้ยนเย้
เพิ่งไปสัมภาษณ์วีซ่าคู่หมั้นมาหมาด ๆ เมื่อวันจันทร์ที่ 22 มีนาคม 64 ที่ผ่านมา
ซึ่งอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ การสัมภาษณ์ และการเตรียมตัวต่าง ๆ ในช่วงจังหวะที่มีโควิดเข้ามาพอดี เพราะรอปีกว่า ๆ กว่าจะได้สัมภาษณ์ค่ะ

เริ่มต้น ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่า แฟนมาประเทศไทย 2 รอบในปีเดียวกัน มีนาคม 2019 และปลายปี ธันวาคม 2019 มาพร้อมกับแม่ 
เพื่อมาสู่ขอ หรือ อาจให้แม่มาดูว่า คนนี้โอเครมั้ยไรงี้ มั้ง555 และหลังจากนั้นเค้าก็กลับไปทำเรื่องยื่นขอวีซ่า ปลาย ๆ ธันวาเลย พอขอปุ๊บ โควิดมาปั๊บเลยค่ะ
กว่าจะได้สัมภาษณ์ ก็นับไป 1 ปี 2 เดือน

การยื่นเรื่อง ทางฝั่งอเมริกา ขออนุญาตข้ามนะคะ เนื่องจากแฟนใช้ทนายให้ช่วยจัดการ (ซึ่งจริง ๆ ไม่จำเป็นเลยยยยยยย)
ขอย้ำ***ยื่นเองดีสุด เพราะถ้าแฟนได้ภาษาอังกฤษอยู่แล้ว ทุกอย่างก็ทำตามขั้นตอนปกติ ตามที่หลาย ๆ ท่านเคยอธิบายไว้เลยค่ะ 
ทีนี้ ขอข้ามมาขั้นตอน เตรียมตัวจากฝั่งเรา ที่จะต้องไปสัมภาษณ์นะคะ 
สิ่งที่เราจะต้องเตรียมก่อนไปสัมภาษณ์ มีดังนี้ค่ะ
1.Passport นำไปให้หมดทั้งตัวเก่าและตัวใหม่ 
2.รูปถ่ายขนาด 2 นิ้ว จำนวน 2 ใบ พร้อมเซ็นต์ชื่อไว้เลยด้านหลังรูป
3.ใบเสร็จรับเงินตัวจริง ที่ชำระค่านัดสัมภาษณ์วีซ่า จากธนาคารกรุงศรี ($265 หรือ 8,000++บาท) 
4.ใบเกิดตัวจริง และนำไปแปลเป็นภาษาอังกฤษอีกใบ (สามารถแปลเองได้ หรือจ้างใครแปลก็ได้ แต่ไม่จำเป็นต้องมีตราประทับจากหน่วยงานใด ๆ )
5.ใบรับรองสถานภาพความโสด (ขอได้ที่อำเภอตามที่อยู่บัตรปชช) อย่าลืมนำพยานไปยืนยัน 2 ท่านกับเจ้าหน้าที่ 
    จากนั้น นำไปแปลเป็นภาษาอังกฤษ (การแปล แปลเองได้ หรือให้คนที่เก่งภาษาอังกฤษแปล) ซึ่งไม่ได้ไปจ้าง หรือมีการปั๊มตราจากหน่วยงานใด ๆ ทั้งสิ้น
    (ส่วนตัวนะคะ คือ ให้คนรู้จักแปล และเซ็นต์ให้)
6.ใบรับรองความประพฤติ จาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (อยู่ตรงข้ามเยื้อง ๆ พารากอน) หรือตรงข้ามวัดประทุม (ประตูทางเข้าอยู่ตรงข้ามสยาม)
    ตอนไป นำเอกสารที่แจ้ง Case Number จากสถานทูตไปแนบด้วยค่ะ 
    ค่าใช้จ่ายประมาณ 100 บาท รอรับเอกสารทางไปรษณีย์ประมาณ 14 วัน หรือไปรับที่สนง.ตำรวจแห่งชาติก็ได้
7.ทะเบียนบ้านตัวจริง และถ่ายเอกสารเผื่อ 2 ชุด
8.บัตรประชาชน (เอาไปเผื่อ ๆ ไว้ค่ะ)
9.ผลตรวจสุขภาพจากรพ. ห้ามเปิดผนึก ก่อนไปสัมภาษณ์ ต้องไปตรวจสุขภาพให้เรียบร้อย (เราไปบำรุงราษฎร์) ให้นำ Case Number ไปยื่นประกอบการตรวจสุขภาพด้วย ใช้เวลา 2 วันก็จะได้เอกสารจากโรงพยาบาล แต่ต้องไปรับเอง รพ.ไม่ส่งไปรษณีย์ให้ เมื่อได้เอกสารมาห้ามเปิดผนึกเด็ดขาด ให้นำไปยื่นสถานทูตได้เลย
8. FORM DS-160 (Online Nomigration Visa applicant) 
9.CONFIRMATION PAGE PRINTOUT OF GLOBAL SUPPORT STRATEGY (GSS)
REGISTRATION (ใบยืนยันการลงทะเบียนที่อยู่ GSS)
10.หลักฐานทางการเงิน การจ่ายภาษีของแฟน (I-134 และ Tax transcript) ต้องนำไปด้วย ให้แฟนส่งทางอีเมลและปริ๊นออกมาได้เลยค่ะ
11.หลักฐานความสัมพันธ์กับแฟน เช่น ถ้าเคยมาไทย มีรูปคู่กันมั้ย หลักฐานการพูดคุยทางไลน์ เฟซบุ๊ค หรืออะไรก็ได้ ที่แสดงได้ว่า คือ คนรักกัน เพราะถ้าไม่มีหลักฐานตัวนี้ อาจทำให้การสัมภาษณ์มีสิทธิ์ที่จะถูกปฏิเสธได้ง่าย โดยเฉพาะช่วงโควิดแบบนี้
12.กรณีถ้าใครเคยเปลี่ยนชื่อ นามสกุล หรือเคยจดทะเบียนสมรส หย่าร้าง ให้นำไปให้หมดค่ะ 
13.สำหรับการแต่งตัวนั้น เชื่อว่า ถ้าเราอยากผ่านการสัมภาษณ์ ก็ต้องแต่งตัวให้ถูกกาลเทศะ มันคงไม่ยาก ถ้าจะเรียบร้อยสักวัน ดีกว่ารอมาเป็นปี และมาเสียเพราะใส่รองเท้าแตะ หรือกางเกงยีนส์ขาด ๆ (วันนั้นที่ไป ส่วนใหญ่ก็แต่งตัวกันเรียบร้อยค่ะ แต่ว่าเห็นมีบางคน อันตรายอยู่ มีใส่แตะไปเลย)
ปล. อย่าลืมถ่ายเอกสารเผื่ออีก 1 ชุดทุกสิ่งอย่างค่ะ 

นานางงในงงsmilesmilesmile
คำถามที่เจอมากับตัว ซึ่งอาจมีคนโดนแบบนี้ หรืออาจน้อยคน เพราะว่า ส่วนตัวแล้ว เคยไปอยู่อเมริกามา 2 รอบทั้งเป็น J1 วีซ่า (ไปโครงการออแพร์เลี้ยงเด็กที่แคนซัส) จากนั้นก็กลับมาไทย ขอวีซ่า F1 นักเรียน ก็ไปอยู่นิวยอร์ก เกือบ ๆ 4 ปีค่ะ ดังนั้น คำถามที่เสียวในใจก็เกิดขึ้นจนได้ เจ็บ
ก่อนสัมภาษณ์ ให้ยกมือสาบาน ซึ่งรอบนี้เจอสาวชาวอเมริกัน ยิ้มแย้ม ดูแล้วไม่กดดันดี แต่ก็เจอคำถามที่เหมือนโดนตีหัวหยอกเย้า
1.เจอกับแฟนได้ยังไง 
2.เคยเจอพ่อแม่แฟนหรือไม่
3.เคยอยู่อเมริกามาก่อนนี่นา อยู่นานสุดกี่ปี
4.ตอนที่เป็น F1 วีซ่า อยู่นานสุดเท่าไร 
  (แฮร่ ๆ ถามย้ำจริงเชียว 555)
5.ดูเหมือนก่อนหน้านี้ มีพยายามที่จะกลับไปอเมริกานะ
  (ใช่ค่ะ ขอวีซ่าท่องเที่ยว แต่ไม่ผ่าน) ซึ่งอันนี้ 10 ปีที่แล้วนู้นนนนนนนนนที่ไปขอมา เพราะตอนนั้นเพิ่งกลับมาจากอเมริกาใหม่ ๆ แต่พอมาอยู่ไทย ก็ดั้นไปขอวีซ่าท่องเที่ยวซะงั้น 
5.ตอน F1 วีซ่า อยู่นานเกินไปนะ ดูเหมือนจะทำงานด้วยนะ 
  (ส่งรอยยิ้มไปให้เฉย ๆ ดีกว่า เค้าไม่ได้ถามใช่มะ เหมือนเค้าจะแค่พูดมาเฉย ๆ) ถ้าตอบท่าจะยาววววววว 
หลังจากนั้นสักพัก ผู้สัมภาษณ์ก็บอกว่า Your visa was aprroved!!! เรานี่หน้าตาเบิกบานเลย รีบบอกว่า "ขอบคุณค่ะ"

หวังว่า ประสบการณ์การสัมภาษณ์วีซ่าคู่หมั้นนี้ จะพอเติมเต็มบางส่วนให้เพื่อน ๆ ได้บ้างนะคะ 
อันที่จริง ก็งงตัวเองนะ ว่า จะขนเสื้อผ้าไป ๆ กลับ ๆ ทำไม ตลกดวงชะตาตัวเองจริง ๆ แถมตอนนี้อเมริกา ถามว่าน่าอยู่มากมั้ย เราว่า น่ากลัวมากกว่า ด้วยสถานการณ์เรื่องเหยียดผิว เชื้อชาติของหลาย ๆ พื้นที่ แต่เมื่อดวงมันมาแบบนี้ ..........จัดไปค่ะ เพี้ยนดีออก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่