คู่กรณี​ไม่ยอมซ่อม​ จะเปลี่​ยนรถใหม่อย่างเดียว

ขับรถยนต์​ เบรคกระทันหันรถปัดไปเฉี่ยวชนมอเตอร์​ไซต์จอดข้างทาง​ ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บค่ะ​

เราเป็นฝ่ายผิด​ ไปชนรถมอเตอร์ไซค์​ค่ะ​
ทางเรามีประกันชั้น1​ ซ่อมทั้งรถเราและคู่กรณี​
ตอนนี้​มีปัญหา​ที่รถคู่กรณี​ค่ะ​ เป็นรถscoopy รุ่นเก่า

ประกันประเมิน​แล้วว่าให้ซ่อม​ เนื่องจากซ่อมได้​ แต่คู่กรณี​ไม่ยอม​ แจ้งว่าหากซ่อมสภาพคงไม่เหมือนเดิมจะเปลี่ยนเป็นรถคันใหม่อย่างเดียวค่ะ

ประกันก็แจ้งว่าถ้าประเมิน​ราคา​ ราคาจะได้ตามสภาพรถค่ะ​ หากคู่กรณี​จะต้องเปลี่ยนคันใหม่​ ราคาอาจจะไม่ได้​ แต่คู่กรณี​ก็ไม่ยอมค่ะ

ทั้งนี้ทางเราจะต้องทำยังไงบ้างคะ​ เนื่องจากคู่กรณี​โทรมาต่อว่า​ หากไม่ได้รถใหม่​ จะไม่ยอมจะแจ้งความให้ถึงที่สุด​

เพราะตอนนี้ไม่รู้จะต้องทำยังไงเลยค่ะ​ ทางเรารับผิดชอบตั้งแต่รถชน​ คือเอารถ​มอเตอร์​ไซค์​ให้คู่กรณี​ยืมใช้ก่อน​ค่ะ​ 

ขอคำปรึกษา​จากพี่ๆPantipด้วยค่ะ🙏🙏
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
คุณมีประกันอยู่แล้ว ให้เขาไปคุยกับประกัน
ถ้าเขาจะฟ้อง ก็ให้เขาไปฟ้อง ไม่ต้องสนใจ
ความคิดเห็นที่ 5
บอกจนเบื่อ มีประกันก็เรียกประกันมารับผิดชอบไป เค้าอยากได้อะไร/ยังไง ก็คุยกับประกัน
อย่าไปออกหน้าเอง ผู้เสียหายส่วนใหญ่อยากได้มากกว่ามูลค่าความเสียหาย
เอามอไซด์เรากลับมา แล้วก็บอกเค้าว่า อยากได้อะไรก็คุยกับประกัน แล้วบล๊อกเบอร์เค้าไป ...จบเพี้ยนทุบคอม
ความคิดเห็นที่ 4
เรียกไปก็ได้ราคารถปีเก่า หักค่าเสื่อมแล้ว ... คงไม่ได้รถใหม่หรอก .... ก็ฟ้องมา ประกันก็รับไป ... สู้ ทนาย บ.ประกันไม่ได้หรอก .. คุณก็ไม่ต้องทำอะไร  เพราะมีประกันรับผิดชอบแทนแล้ว .... พวกหัวหมอ  อยากค้าความก็เอา  ไม่น่าให้ยืมรถใช้เลย เอารถคืนมาซะ ....
ความคิดเห็นที่ 39
ฟังความเห็นที่ส่วนใหญ่ตอบมาแล้ว รู้สึกบรรยายความรู้สึกไม่ถูกเลยทีเดียว แต่มีความรู้สึกว่าคำตอบของคนส่วนใหญ่จะเปลี่ยนไปอีกแนว ถ้าตัวเค้าเองเป็นฝ่ายถูกชน (ฝ่ายถูก)

การเรียกค่าซ่อมแซมรถ
การเรียกค่าซ่อมแซมรถ นั้นต้องเรียกควรแก่พฤติกรรมและความร้ายแรงแห่งละเมิด เพื่อเยียวยาให้เข้าสู่ฐานะเดิมก่อนทำละเมิด
จะเรียกค่าสินไหมทดแทนแบบค้ากำไรไม่ได้ เช่น รถบุบ ค่าซ่อมแค่ 1 หมื่นบาท แต่เรียก 1 แสนบาท หรือเรียกรถใหม่เลยไม่ได้
เพราะการเรียกค่าเสียหายนั้น จะเรียกได้เท่ากับความร้ายแรงที่เกิดขึ้นเท่านั้น จะมาค้ากำไรจากอุบัติเหตุไม่ได้

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420
ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่น โดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สิน หรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิด จำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น

กรณีเราเป็นฝ่ายถูก เรียกค่าเสียหายอะไรได้บ้าง
1. ค่ารักษาพยาบาล กรณีที่บาดเจ็บ
2. ค่าขาดรายได้ จากการทำงาน กรณีที่บาดเจ็บ
3. ค่าเสียหายจากทรัพย์สิน
4. ค่าขาดประโยชน์จากการใช้ทรัพย์
5. ค่าเสียหายอย่างอื่น เช่น ค่าเสื่อมสภาพ, ค่าเสียเวลาในการเดินทาง, ค่าเดินทาง, ค่าสูญเสียอวัยวะ, ฯลฯ

พึงรู้ไว้ว่า บางข้อประกัน จะไม่บอกว่ามีสิทธิ์ และโยกโย้อย่างมาก ๆ ที่จะจ่าย

ค่าใช้จ่ายทั้งหมดนี้เรียกได้ที่ใคร ?
ค่าใช้จ่ายทั้งบหมดนี้ หากมีประกัน สามารถเรียกได้ที่บริษัทประกัน แต่หากประกันจ่ายค่าทดแทนไปแล้วแต่ยังไม่พอกับความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงสามารถเรียกจากคู่กรณีได้ทั้งหมด เพราะคู่กรณีเป็นตัวการในการกระทำละเมิดครับ

ที่เห็นว่าส่วนมากเค้าไม่ไปฟ้องคู่กรณีต่อ เพราะมันเสียเวลา ยุ่งยาก และหลักฐานบางอย่างพิสูจน์ให้ศาลเห็นเป็นตัวเลขค่าเสียหายที่ชัดเจนได้ยาก คือ ทุกคนรู้ว่ามันมีค่าเสียหายตัวนี้เกิดขึ้นจริง แต่มันยังไม่มีใบเสร็จ หรือหลักฐานเพียงพอ ตัวอย่างเช่น ค่าเสื่อมราคา

การแสวงหาหลักฐานรวบรวมข้อมูล เพื่อฟ้องเรียกค่าเสียหายต่อศาล
1. ทำหนังสือ เรียกค่าขาดประโยชน์จากการใช้ทรัพย์ และค่าเสื่อมราคาจากบริษัทประกัน เพื่อเป็นหลักฐาน และให้

ข้าพเจ้า xxxxxx เจ้าของรถ xxxx (ยี่ห้อ รุ่น รุ่นย่อย ปี) ทะเบียน xxxx กทม ถูกรถยนต์ที่ขับโดยคุณ xxxxxx ยี่ห้อ xxxxx (ยี่ห้อ รุ่น รุ่นย่อย ปี) ทะเบียน xxxx กทม ชนท้าย ณ บริเวณ xxxx เมื่อวันที่ xxxxx ทำให้รถของข้าพเจ้ามีความเสียหายคือ

รายละเอียดความเสียหายต่าง ๆ
1. xxxxx
2. xxxxx
3. xxxxx
4. xxxxx

ข้าพเจ้าจึงได้นำรถเข้าซ่อมที่ศูนย์ xxx สาขา xxx ในวันที่ xxxx ซ่อมแล้วเสร็จ วันที่ xxxxx เป็นเวลา xx วัน ข้าพเจ้ามีอาชีพ xxxxxx ทั่วกรุงเทพปริมณฑล และจำเป็นต้องใช้รถทุกวันราว xxx กม./วัน เมื่อรถซ่อมอยุ่ในอู่ ทำให้ต้องใช้บรการแท๊กซี่ไปทำงานแทน ซึ่งทำให้ไม่สะดวกในการเดินทางเและมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นป็นอย่างมาก

(กรณีคุณ ๆ ให้เค้ายืมรถใช้ การเรียกค่าขาดผลประโยชน์จากการใช้รถ ก็เรียกไม่ได้)

จึงขอเรียกสินไหมดังนี้
1. ค่าขาดผลประโยชน์จากการใช้รถ xxxx บาทต่อวัน เป็นระยะเวลา XX วัน รวม xxxxx บาท
2. ค่าเสื่อมสภาพรถจากอุบัติเหตุ xxxxx บาท
รวมทั้งสิ้น xxxxx บาท

ข้าพเจ้าจึงใคร่ขอทางบริษัท xxxxxx ประกันภัย จำกัด พิจารณาค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถยนต์ของข้าพเจ้าจากหนังสือฉบับนี้โดยด่วนด้วย

ขอแสดงความนับถือ

2. รอหนังสือตอบกลับจากบริษัทประกัน ซึ่งมักจะไม่จ่ายค่าเสื่อมราคา ส่วนค่าขาดประโยชน์ มักจะจ่ายวันล่ะ 300 - 500 นับเฉพาะวันที่ซ่อม ไม่นับวันจอดรอ

เมื่อประกันโยกโย้ไม่ยอมจ่าย ทำยังไงให้เกิดหลักฐานว่าเกิดความเสียหาย "ค่าเสื่อมราคา" ขึ้นจริง ๆ ก่อนอื่นขอบอกก่อนว่า ค่าเสื่อมราคา จากการถูกชนมันเกิดขึ้นเนื่องจาก
- อะไหล่ที่นำมาซ่อม ไม่ใช่อะไหล่แท้ แต่เป็นของเทียม
- อะไหล่ที่นำมาซ่อม เป็นอะไหล่แท้ แต่เป็นมือสอง สภาพอาจเก่ากว่าของเดิม ๆ ที่มาจากศูนย์
- สภาพงานซ่อมหลังจากกลับมาจากอู่ ไม่ใช่ทุกอู่ที่ฝีมือเทพ ซ่อมเสร็จแล้วเหมือนใหม่ หลายอู่ซ่อมเสร็จ ยังเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าผ่านการซ่อมมา โดยเฉพาะเต็นท์รถ นี่ตาเป็นสัปปะรดเลย

เหล่านี้ทำให้เกิดค่าเสื่อม ซึ่งทำให้รถที่เกิดอุบัติเหตุราคาตกลง แม้จะซ่อมแซมมาแล้วก็ตาม เมื่อเทียบกับรถที่ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุ รุ่นเดียวกัน และเลขไมค์เท่ากัน

คำตอบในการทำให้เกิดหลักฐานค่าเสื่อมคือ "ขายรถซิจ๊ะ" ราคาตลาดของรถรุ่นนั้น ๆ ณ วันที่ขาย หักกับราคาที่ขายได้ ถ้าจะให้ดีก็ให้หลาย ๆ เต็นท์ ช่วยตีราคาขายให้ด้วย จะได้เป็นหลักฐานว่าผู้ขายไม่ได้ เจตนาขายให้ได้ราคาต่ำ ๆ

ตัวอย่างในการเรียกค่าเสื่อมราคาจากบริษัทประกัน
https://ppantip.com/topic/40011228

ทีนี้ถึงแม้ว่าจะมีหลักฐานเป็นใบเสร็จแสดงความเสียหายจากค่าเสื่อมราคาแล้วก็ตาม แต่บริษัทประกันก็อาจจ่ายไม่เต็มจำนวนอยู่ดี

ต่อไปนี้มาถึงคำถามว่า ค่าใช้จ่ายส่วนที่เหลือต้องไปฟ้องร้องเอากับใคร ?

คำตอบ ค่าใช้จ่ายทั้งบหมดนี้ หากมีประกัน สามารถเรียกได้ที่บริษัทประกัน แต่หากประกันจ่ายค่าทดแทนไปแล้วแต่ยังไม่พอกับความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงสามารถเรียกจากคู่กรณีได้ทั้งหมด เพราะคู่กรณีเป็นตัวการในการกระทำละเมิดครับ

ไม่ต้องเชื่อผมครับ ลองตรวจสอบดูโดยการ
1. สอบถามทนายความดู
2. โทรสอบถามบริษัทประกันดู
3. โทรสอบถาม คปภ. ดู

ประเด็นที่สอบถามให้ถามว่า ถ้าประกันจ่ายค่าสินไหมทดแทนไปแล้ว แต่ไม่พอกับความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง โดยที่คู่กรณีมีหลักฐาน และไม่ยอมเค้าจะเรียกค่าเสียหายส่วนต่างจากตัวเราที่เป็นคู่กรณีได้อีกหรือไม่

ตัวอย่างคำตอบจากคุณทนาย ดูที่ข้อ 5

tinyurl.com/yd9ehkwv

ที่บอก ๆ กันว่าให้คุยกับประกัน ประกันจ่ายทั้งหมด ประกันจ่ายแล้วจบ มันเป็นแค่ความเชื่อตาม ๆ กันมานะครับ ส่วนใหญ่ที่คู่กรณีเค้าจบ เพราะ
1. ไม่รู้ว่าฟ้องต่อได้
2. ไม่มีหลักฐานค่าเสียหายเป็นใบเสร็จ แบบดิ้นไม่หลุด เช่น ค่าเสื่อม เลยแพ้ทางบริษัทประกัน
3. รำคาญ เบื่อ ไม่อยากเสียเวลาสู้คดี
4. ไม่อยากขายรถเดิม เพื่อให้ได้หลักฐานเรื่องค่าเสื่อม
5. ไม่อยากเสียเงินค่าทนายความ

ถ้าจะให้แฟร์กับทุกฝ่าย ก็ให้อีกฝ่ายเค้ารวบรวมหลักฐานเป็นใบเสร็จยืนยันค่าเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นจริง รวมถึงค่าเสื่อมราคา ฯลฯ ดูว่าบริษัทประกันจ่ายเท่าไหร่ มีค่าใช้จ่ายส่วนเกินหรือไม่ ถ้ามีเราก็จ่าย

แต่ถ้าค่าเสียหายส่วนเกิน มันมากเกินไปและไม่สมเหตุสมผล ทำให้ตกลงกันไม่ได้ ก็ให้ศาลท่านเป็นผู้ตัดสินว่า เม็ดเงินที่ควรจ่ายคือเท่าไหร่ แต่ที่แน่ ๆ คงไม่ใช่การออกรถให้ใหม่นะครับ เพราะมันเกินกว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นแน่ ๆ

ปล. ต้องใจเขาใจเรานะครับ ถ้าตัวคุณเองอยู่ดี ๆ รถถูกคู่กรณีชนได้รับความเสียหาย ซึ่งซ่อมแล้วมันก็ไม่เหมือนเดิม คือราคาตกแน่ ๆ มันก็ต้องเสียความรู้สึกใช่ไหมครับ ฝั่งที่เสียหายเค้าก็ย่อมจะเรียกค่าเสียหายอยู่แล้วเป็นเรื่องปกติ ซึ่งการเรียกค่าเสียหายนี้ก็ต้องเรียกให้เหมาะสม จะไปหากำไร ขอรถใหม่มันก็ไม่ใช่

สำหรับความเห็นของผม กรณีผมเป็นฝ่ายถูกนะ ผมต้องการให้
1. ซ่อมรถให้กลับสู่สภาพเดิม
2. รถเดิมก่อนถูกชนใช้อะไหล่แท้จากศูนย์ ดังนั้นอะไหล่ที่นำมาซ่อมควรเป็นอะไหล่แท้ ปีเดียวกัน หรือจะเป็นอะไหล่มือสองก็ได้ แต่ขอเป็นอะไหล่แท้
3. ค่าเสียประโยชน์จากการใช้ทรัพย์
4. ค่าเสื่อมราคา ถ้างานซ่อมออกมามันไม่ดี ดูด้วยตาแล้วรู้ ย่อมเกิดค่าเสื่อมสภาพขึ้น ตรงนี้ก็ต้องจ่าย

ถ้าชดเชยได้ครบ ผมถือว่าได้ซ่อมแซมค่าเสียหายให้รถกลับสู่สภาพเดิมแล้วก่อนเกิดอุบัติเหตุแล้ว

เพราะตัวเราไม่ได้ผิดอะไร จอดรถอยู่ดี ๆ แล้วถูกชน ทำไมถึงต้องเป็นฝ่ายรับค่าเสียหายที่ตนเองไม่ได้เป็นผู้ทำละเมิดด้วย จริงไหมครับ ?
ความคิดเห็นที่ 12
รถของคู่กรณีต้องซ่อมขนาดไหนครับ เขาถึงต้องการคันใหม่ อย่างเช่น ถ้าโครงรถบิด ดัดยังไงก็ขี่ไม่เหมือนเดิมครับ ก็ต้องเห็นใจเขานะ นึกถึงว่าเป็นเรา จอดรถอยู่ดีๆ มีคนมาชน แล้วรถก็ขี่ไม่ดีเหมือนเดิม ถ้าแบบนี้อาจจะดูซื้อรถมือ 2 ให้เขาใหม่จะได้จบๆไป
แต่ถ้ารถไม่ได้เป็นอะไรมาก เปลี่ยนอะไหล่ก็ขี่เหมือนเดิม แต่จะเอาคันใหม่ แบบนี้หัวหมอปล่อยให้คุยกับประกันไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่