หลังจาก Tesla ได้ประกาศว่าพวกเขาจะใช้กล้องภายในรถยนต์ (cabin-camera) เพื่อถ่ายวิดีโอผู้ใช้และส่งไปให้ศูนย์ทำการวิเคราะห์เพื่อพัฒนาระบบขับขี่ไร้คนขับให้สมบูรณมากขึ้น ก่อให้เกิดกระแสความวิตกกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้ขับขี่เป็นอย่างมาก แต่ดูเหมือนเรื่องราวจะบานปลายไปจนถึงปัญหาความมั่นคงระหว่างประเทศ เมื่อกองทัพจีนได้สั่งแบนการไม่ให้เจ้าหน้าที่ใช้รถ Tesla ในบริเวณหรือกิจกรรมทางทหารทั้งปวงเพื่อรักษาข้อมูลความมั่นคงของชาติ คุณ Elon Musk ราชันเทคโนโลยีของ Tesla ได้ออกมาบอกมาเปรียบว่าพวกเข้าเป็นเหมือนเหยื่อสงครามทางเทคโนโลยีเหมือนที่ Tiktok โดนครับ
ความวิตกกังวลเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล
Tesla มีความพยายามจะสร้างระบบไร้คนขับที่สมบูรณ์แบบ (Full Self Driving) ขึ้นมาโดนอาศัยข้อมูลจากการขับขี่จริงของผู้ใช้รถครับ ดังนั้น Tesla จึงได้เพิ่ม features ใหม่ๆ ที่จะช่วยเสริมระบบขับขี่ไร้คนขับให้ดีขึ้น และหนึ่งในนั้นคือระบบตรวจสอบผู้ขับเพื่อให้มั่นใจว่าผู้ขับ Tesla จะให้ความสนใจไปที่ถนนและการขับขี่ตลอดเวลา ซึ่งระบบดังกล่าวดันใช้กล้องภายในรถยนต์ให้ตั้งเป้าไปที่ผู้ขับ และเมื่อรถเกิดการชน หรือมีการเหยียบเบรกอย่างกะทันหัน (Automatic Emergency Braking) ตัวกล้องภายในรถยนต์จะถ่ายวิดีโอและส่งข้อมูลไปยังบริษัทเพื่อให้นักวิจัยได้ศึกษาและพัฒนาระบบขับขี่ด้วยตนเองให้ดีขึ้นครับ
อย่างไรก็ตามวิธีการดังกล่าวของ Tesla แตกต่างจากมาตรฐานของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เอาไว้ใช้เตือนคนขับให้สนใจไปที่ถนนเป็นอย่างมากครับ ในกรณีของผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น เช่น BMW, Ford, GM หรือ Subaru จะใช้ระบบที่เรียกว่า Closed-loop setup ซึ่งจะใช้อุปกรณ์พิเศษในตัวรถเ เช่น กล้อง infrared หรือเทคโนโลยีอื่นๆ ในการจับการเคลื่อนไหวของดวงตาของผู้ขับ (ว่ายังมองตรงไปข้างหน้า ไม่หลับใน) ไปจนถึงความเอียงและองศาของศีรษะ (ถ้าเอนมากๆ อาจหมายความว่าง่วงจนสัปหงก) แล้วแจ้งเตือนผู้ขับขี่ให้ระมัดระวังมากขึ้น อาจจะเป็นเสียงหรืออื่นๆ โดยไม่มีการส่งข้อมูลออกมาเหมือนที่ Tesla ทำครับ
ทางผู้เชี่ยวชาญทางด้านความปลอดภัย เช่น คุณ John Davission ที่ปรึกษาอาวุโสจาก Electronic Privacy Information Center (EPIC) กล่าวว่าหากมีการบันทึกวิดีโอของผู้ขับไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม วิดีโอดังกล่าวก็สามารถถูกดึงออกมาได้ในภายหลัง นอกจากนี้ถึงแม้ว่าข้อมูลดังกล่าวจะถูกคุ้มครองทางกฎหมายไม่ให้มีการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ก็มีช่องว่างทางกฎหมายบางอย่างที่จะทำให้ บริษัทประกัน ผู้ออกกฎระเบียบ หรือตำรวจ สามารถมาขอข้อมูลไปใช้ได้ครับ หรือในกรณีที่เลวร้ายไปกว่านั้น นักเจาะข้อมูลอาจจะมาขโมยข้อมูลออกไปใช้ได้ หรือตัว Tesla เองก็อาจจะเอาข้อมูลไปใช้นอกวัตถุประสงค์ด้านความปลอดภัยโดยไม่ได้รับอนุญาติจากเจ้าของข้อมูลก่อนครับ
หลังจากรายงานการใช้กล้องภายในตัวรถถ่ายวิดีโอและส่งออกไปที่บริษัท Tesla ทำให้เกิดความวิตกกังวลด้านข้อมูลรั่วไหลเป็นอย่างมาก ทางกองทัพจีนก็เล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าวและออกคำสั่งแบนไม่ให้มีการใช้งานรถยนต์ของ Tesla ในกองทัพจีนทันที ด้วยความวิตกกังวลทางด้านความมั่นคงที่อาจจะเกิดขึ้น เจ้าของรถยนต์ Tesla ต้องจอดรถไว้ภายนอกบริเวณอาคารและที่ดินของกองทัพพญามังกรเพื่อป้องกันไม่ให้กล้องในตัวรถหรืออุปกรณ์ Ultrasonic ที่ติดตั้งอยู่ในตัวรถเข้ามาตรวจสอบบริเวณหรืออุปกรณ์และส่งข้อมูลกลับไปที่ Tesla ส่งผลให้มีเปิดเผยข้อมูลที่ตั้งของอุปกรณ์สำคัญทางทหารโดยไม่สามารถควบคุมได้ครับ
ประเทศจีน ยุทธศาสตร์ที่สำคัญของ Tesla
ประเทศจีนถือเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญอย่างยิ่งยวดของ Tesla ในการเติบโตต่อไปในอนาคต โดย Musk มองว่าประเทศจีนเป็นตลาดใหญ่ มีความต้องการมหาศาล ซึ่งทาง Musk ได้สร้างโรงงานผลิตรถยนต์ขนาดยักษ์ของ Tesla ใกล้ๆ มหานครเซี่ยงไฮ้ ในปี 2019 ซึ่งทาง Musk เองเรียกแผนการสร้างโรงงานขนาดยักษ์ดังกล่าวว่าเป็น “ตัวอย่างของการเติบโตแห่งอนาคต” ครับ ดังนั้นท่าทีของกองทัพจีนต่อเรื่องดังกล่าวถือว่าเป็นสัญญาณที่ไม่ดีมากๆ กับ Tesla ครับ
นอกเหนือจากเรื่องการถ่ายวิดีโอแล้ว ทาง Tesla ยังโดนทางหน่วยงานที่รัฐของประเทศจีนสอบสวนเรื่องคุณภาพของรถ Tesla ที่ผลิตจากโรงงานเซี่ยงไฮ้ ในด้านความปลอดภัยสืบเนื่องมากจากความผิดปกติของแบตเตอรรี่และความเสี่ยงที่แบตเตอรี่จะเกิดไฟไหม้ได้ครับ ยิ่งไปกว่านั้นทาง Tesla เคยถูกคับให้ออกมาขอโทษสังคมจีนเนื่องจากเจ้าหน้าที่บางคนของ Tesla ออกมากล่าวโทษระบบไฟฟ้าของจีนว่าส่งไฟฟ้ามากเกินไป ทำให้รถยนต์ของ Tesla เสียหาย
การตอบโต้ของ Elon Musk
ทาง Elon Musk บอกผ่านทาง video call ในงาน China Development Forum ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า Tesla ไม่เคยใช้กล้องภายในรถเพื่อการสอดแนมในประเทศจีนเลยครับ ทาง Musk ยืนยันว่าทาง Tesla ต้องปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด หาก Tesla ชี้ถยนต์เพื่อสอดแนมข้อมูลในจีนหรือที่ใดก็ตาม Tesla คงจะถูกสั่งปิดบริษัทอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ Musk เทียบตัวอย่างการที่ Tesla โดนแบนจากกองทัพจีนเนื่องมาจากเหตุผลทางด้านความมั่นคงนั้นไม่ต่างกันเลยกับสิ่งที่ TikTok platform สื่อสังคม online บริษัท ByteDance โดนในปีที่แล้ว ซึ่งทางรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดี Trump ต้องการสั่งปิด application ดังกล่าวเนื่องด้วยสาเหตุความมั่นคงของชาติครับ ท้ายที่สุด TikTok ก็สามารถรอดพ้นจากการถูกปิดมาได้ครับ
อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังมองว่าตลาดรถยนต์ระดับโลกอย่างประเทศจีนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้หุ้น Tesla ยังมีมูลค่าสูงอยู่ในขณะนี้ และทุกการกระทำของ Tesla หรือ Musk จะส่งผลอย่างหนักหน่วงต่อราคาของ Tesla แน่นอน เพื่อแก้ไขวิกฤติการณ์ดังกล่าวทาง Tesla หรือ Musk ก็คงต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง เพื่อหา “พื้นที่ปลอดภัย” ของตนเอง ให้รอดพ้นจากสงครามการแบนเทคโนโลยีระหว่างพญามังกรจีนและพญาอินทรี ไม่เช่นนั้นก็จะโดนลากเข้าไปพัวพันหรือโดนสอบสวนอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งคงจะไม่เป็นผลดีกับใครเลยๆ ครับ
แนะนำ ติดชมได่เลยนะครับ และขอฝากติดตาม กด like กด share ข้อมูลดีๆ ได้ทาง
https://www.facebook.com/Unboxthinking
หรือ
https://www.blockdit.com/pages/5f4b6519e807060cb777cdbf ด้วยนะครับ
Reference:
https://www.smh.com.au/technology/tesla-cars-banned-by-china-military-on-concerns-over-cameras-20210322-p57crm.html
Reference:
https://www.consumerreports.org/privacy/teslas-in-car-cameras-raise-privacy-concerns/
Reference:
https://edition.cnn.com/2021/03/22/tech/elon-musk-tesla-china-military-ban-intl-hnk/index.html
Tesla ก็เหมือน TikTok!!! จากการละเมิดความเป็นส่วนตัวบานปลายเป็นปัญหาความมั่นคงระดับชาติ
หลังจาก Tesla ได้ประกาศว่าพวกเขาจะใช้กล้องภายในรถยนต์ (cabin-camera) เพื่อถ่ายวิดีโอผู้ใช้และส่งไปให้ศูนย์ทำการวิเคราะห์เพื่อพัฒนาระบบขับขี่ไร้คนขับให้สมบูรณมากขึ้น ก่อให้เกิดกระแสความวิตกกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้ขับขี่เป็นอย่างมาก แต่ดูเหมือนเรื่องราวจะบานปลายไปจนถึงปัญหาความมั่นคงระหว่างประเทศ เมื่อกองทัพจีนได้สั่งแบนการไม่ให้เจ้าหน้าที่ใช้รถ Tesla ในบริเวณหรือกิจกรรมทางทหารทั้งปวงเพื่อรักษาข้อมูลความมั่นคงของชาติ คุณ Elon Musk ราชันเทคโนโลยีของ Tesla ได้ออกมาบอกมาเปรียบว่าพวกเข้าเป็นเหมือนเหยื่อสงครามทางเทคโนโลยีเหมือนที่ Tiktok โดนครับ
ความวิตกกังวลเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล
Tesla มีความพยายามจะสร้างระบบไร้คนขับที่สมบูรณ์แบบ (Full Self Driving) ขึ้นมาโดนอาศัยข้อมูลจากการขับขี่จริงของผู้ใช้รถครับ ดังนั้น Tesla จึงได้เพิ่ม features ใหม่ๆ ที่จะช่วยเสริมระบบขับขี่ไร้คนขับให้ดีขึ้น และหนึ่งในนั้นคือระบบตรวจสอบผู้ขับเพื่อให้มั่นใจว่าผู้ขับ Tesla จะให้ความสนใจไปที่ถนนและการขับขี่ตลอดเวลา ซึ่งระบบดังกล่าวดันใช้กล้องภายในรถยนต์ให้ตั้งเป้าไปที่ผู้ขับ และเมื่อรถเกิดการชน หรือมีการเหยียบเบรกอย่างกะทันหัน (Automatic Emergency Braking) ตัวกล้องภายในรถยนต์จะถ่ายวิดีโอและส่งข้อมูลไปยังบริษัทเพื่อให้นักวิจัยได้ศึกษาและพัฒนาระบบขับขี่ด้วยตนเองให้ดีขึ้นครับ
อย่างไรก็ตามวิธีการดังกล่าวของ Tesla แตกต่างจากมาตรฐานของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เอาไว้ใช้เตือนคนขับให้สนใจไปที่ถนนเป็นอย่างมากครับ ในกรณีของผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น เช่น BMW, Ford, GM หรือ Subaru จะใช้ระบบที่เรียกว่า Closed-loop setup ซึ่งจะใช้อุปกรณ์พิเศษในตัวรถเ เช่น กล้อง infrared หรือเทคโนโลยีอื่นๆ ในการจับการเคลื่อนไหวของดวงตาของผู้ขับ (ว่ายังมองตรงไปข้างหน้า ไม่หลับใน) ไปจนถึงความเอียงและองศาของศีรษะ (ถ้าเอนมากๆ อาจหมายความว่าง่วงจนสัปหงก) แล้วแจ้งเตือนผู้ขับขี่ให้ระมัดระวังมากขึ้น อาจจะเป็นเสียงหรืออื่นๆ โดยไม่มีการส่งข้อมูลออกมาเหมือนที่ Tesla ทำครับ
ทางผู้เชี่ยวชาญทางด้านความปลอดภัย เช่น คุณ John Davission ที่ปรึกษาอาวุโสจาก Electronic Privacy Information Center (EPIC) กล่าวว่าหากมีการบันทึกวิดีโอของผู้ขับไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม วิดีโอดังกล่าวก็สามารถถูกดึงออกมาได้ในภายหลัง นอกจากนี้ถึงแม้ว่าข้อมูลดังกล่าวจะถูกคุ้มครองทางกฎหมายไม่ให้มีการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ก็มีช่องว่างทางกฎหมายบางอย่างที่จะทำให้ บริษัทประกัน ผู้ออกกฎระเบียบ หรือตำรวจ สามารถมาขอข้อมูลไปใช้ได้ครับ หรือในกรณีที่เลวร้ายไปกว่านั้น นักเจาะข้อมูลอาจจะมาขโมยข้อมูลออกไปใช้ได้ หรือตัว Tesla เองก็อาจจะเอาข้อมูลไปใช้นอกวัตถุประสงค์ด้านความปลอดภัยโดยไม่ได้รับอนุญาติจากเจ้าของข้อมูลก่อนครับ
หลังจากรายงานการใช้กล้องภายในตัวรถถ่ายวิดีโอและส่งออกไปที่บริษัท Tesla ทำให้เกิดความวิตกกังวลด้านข้อมูลรั่วไหลเป็นอย่างมาก ทางกองทัพจีนก็เล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าวและออกคำสั่งแบนไม่ให้มีการใช้งานรถยนต์ของ Tesla ในกองทัพจีนทันที ด้วยความวิตกกังวลทางด้านความมั่นคงที่อาจจะเกิดขึ้น เจ้าของรถยนต์ Tesla ต้องจอดรถไว้ภายนอกบริเวณอาคารและที่ดินของกองทัพพญามังกรเพื่อป้องกันไม่ให้กล้องในตัวรถหรืออุปกรณ์ Ultrasonic ที่ติดตั้งอยู่ในตัวรถเข้ามาตรวจสอบบริเวณหรืออุปกรณ์และส่งข้อมูลกลับไปที่ Tesla ส่งผลให้มีเปิดเผยข้อมูลที่ตั้งของอุปกรณ์สำคัญทางทหารโดยไม่สามารถควบคุมได้ครับ
ประเทศจีน ยุทธศาสตร์ที่สำคัญของ Tesla
ประเทศจีนถือเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญอย่างยิ่งยวดของ Tesla ในการเติบโตต่อไปในอนาคต โดย Musk มองว่าประเทศจีนเป็นตลาดใหญ่ มีความต้องการมหาศาล ซึ่งทาง Musk ได้สร้างโรงงานผลิตรถยนต์ขนาดยักษ์ของ Tesla ใกล้ๆ มหานครเซี่ยงไฮ้ ในปี 2019 ซึ่งทาง Musk เองเรียกแผนการสร้างโรงงานขนาดยักษ์ดังกล่าวว่าเป็น “ตัวอย่างของการเติบโตแห่งอนาคต” ครับ ดังนั้นท่าทีของกองทัพจีนต่อเรื่องดังกล่าวถือว่าเป็นสัญญาณที่ไม่ดีมากๆ กับ Tesla ครับ
นอกเหนือจากเรื่องการถ่ายวิดีโอแล้ว ทาง Tesla ยังโดนทางหน่วยงานที่รัฐของประเทศจีนสอบสวนเรื่องคุณภาพของรถ Tesla ที่ผลิตจากโรงงานเซี่ยงไฮ้ ในด้านความปลอดภัยสืบเนื่องมากจากความผิดปกติของแบตเตอรรี่และความเสี่ยงที่แบตเตอรี่จะเกิดไฟไหม้ได้ครับ ยิ่งไปกว่านั้นทาง Tesla เคยถูกคับให้ออกมาขอโทษสังคมจีนเนื่องจากเจ้าหน้าที่บางคนของ Tesla ออกมากล่าวโทษระบบไฟฟ้าของจีนว่าส่งไฟฟ้ามากเกินไป ทำให้รถยนต์ของ Tesla เสียหาย
การตอบโต้ของ Elon Musk
ทาง Elon Musk บอกผ่านทาง video call ในงาน China Development Forum ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า Tesla ไม่เคยใช้กล้องภายในรถเพื่อการสอดแนมในประเทศจีนเลยครับ ทาง Musk ยืนยันว่าทาง Tesla ต้องปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด หาก Tesla ชี้ถยนต์เพื่อสอดแนมข้อมูลในจีนหรือที่ใดก็ตาม Tesla คงจะถูกสั่งปิดบริษัทอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ Musk เทียบตัวอย่างการที่ Tesla โดนแบนจากกองทัพจีนเนื่องมาจากเหตุผลทางด้านความมั่นคงนั้นไม่ต่างกันเลยกับสิ่งที่ TikTok platform สื่อสังคม online บริษัท ByteDance โดนในปีที่แล้ว ซึ่งทางรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดี Trump ต้องการสั่งปิด application ดังกล่าวเนื่องด้วยสาเหตุความมั่นคงของชาติครับ ท้ายที่สุด TikTok ก็สามารถรอดพ้นจากการถูกปิดมาได้ครับ
อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังมองว่าตลาดรถยนต์ระดับโลกอย่างประเทศจีนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้หุ้น Tesla ยังมีมูลค่าสูงอยู่ในขณะนี้ และทุกการกระทำของ Tesla หรือ Musk จะส่งผลอย่างหนักหน่วงต่อราคาของ Tesla แน่นอน เพื่อแก้ไขวิกฤติการณ์ดังกล่าวทาง Tesla หรือ Musk ก็คงต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง เพื่อหา “พื้นที่ปลอดภัย” ของตนเอง ให้รอดพ้นจากสงครามการแบนเทคโนโลยีระหว่างพญามังกรจีนและพญาอินทรี ไม่เช่นนั้นก็จะโดนลากเข้าไปพัวพันหรือโดนสอบสวนอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งคงจะไม่เป็นผลดีกับใครเลยๆ ครับ
แนะนำ ติดชมได่เลยนะครับ และขอฝากติดตาม กด like กด share ข้อมูลดีๆ ได้ทาง https://www.facebook.com/Unboxthinking
หรือ https://www.blockdit.com/pages/5f4b6519e807060cb777cdbf ด้วยนะครับ
Reference: https://www.smh.com.au/technology/tesla-cars-banned-by-china-military-on-concerns-over-cameras-20210322-p57crm.html
Reference: https://www.consumerreports.org/privacy/teslas-in-car-cameras-raise-privacy-concerns/
Reference: https://edition.cnn.com/2021/03/22/tech/elon-musk-tesla-china-military-ban-intl-hnk/index.html