เจ้าของธุรกิจ SME ต้องมีเงินเดือนของตัวเอง หรือไม่
คุณเคยถามตัวเองไหมว่า ปกติแล้วเจ้าของธุรกิจ SME นั้นเงินเดือนเท่าไหร่?!
สามารถทำแล้วรวยได้ทันทีเลยไหม หรือสามารถให้เงินเดือนเท่าไหร่ก็ได้
เพราะ คิดว่าธุรกิจนี้เป็นของเรา แล้วอย่างนี้จะบริหารเงินอย่างไรไม่เข้าใจเลย…
ใคร ๆ ก็อยากเป็นเจ้าของธุรกิจไม่ว่าจะเป็นขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ ขอเพียงได้เป็นนายตัวเอง เเต่คุณเคยสงสัยไหมว่าคุณควรให้เงินเดือนตัวเองเท่าไหร่กันดี?! ซึ่งที่จริงแล้วการแบ่งเงินเดือนของเจ้าของกิจการที่สำคัญและควรคำนึงมาเป็นอับดับแรก นั่นก็คือ การทำบัญชีงบกำไรขาดทุนหรือค่าใช้จ่ายภายในกิจการ และทำบัญชีรายรับรายจ่ายสำหรับตัวเอง แต่อย่าลืมว่าการทำบัญชีหรือการตั้งงบกำไรขาดทุนของกิจการไม่ใช่ว่าจะทำแค่เดือนต่อเดือน แต่เป็นการทำงบล่วงหน้า เพื่อจะสามารถมองภาพในอนาคตของธุรกิจและวางแผนจัดการต่อได้ ทว่าเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราควรเริ่มแบ่งเงินเดือนให้ตัวเองได้ตอนไหน หรือว่าสามารถมีเงินเดือนได้เลยตั้งแต่เริ่มธุรกิจ วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจให้กับนักธุรกิจ SME กันครับ…
ต้องบอกก่อนเลยว่าในช่วงเริ่มแรกไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจรูปแบบไหนก็ตาม รายได้หรือเรื่องของการเงินมักจะไม่คงที่ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา ฉะนั้น การแบ่งเงินเดือนจึงดูเป็นเรื่องที่ยากเพราะไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าจะมีค่าใช้จ่ายหรือปัญหาใดเข้ามาในระหว่างการทำธุรกิจบ้าง ยกตัวอย่าง ช่วงที่คุณเริ่มทำธุรกิจคุณมีรายได้เข้ามาทั้งหมด 50,000 บาท และคุณตั้งเป้าหมายว่าอยากมีเงินเดือน 50,000 บาท เมื่อคุณนำเงินที่ได้จากกการทำธุรกิจในช่วงแรกไปเป็นเงินเดือนของคุณทั้งหมด แสดงว่าเงินที่จะต่อยอดหรือลงทุนในเดือนถัดไปจะเท่ากับ 0 บาท เช่น คุณทำธุรกิจขายของชำร่วยและมีลูกค้าติดต่อเข้ามา เพื่ออยากให้คุณทำของชำร่วยเป็นจำนวนหลายร้อยชิ้น แต่ทว่าคุณได้นำเงินที่เข้ามาทั้งหมดในเดือนแรกไปใช้เป็นเงินเดือนของคุณทั้งหมด แล้วทีนี้จะนำเงินจากที่ไหนมาลงทุนก็คงหนีไม่พ้นไปกู้และสร้างหนี้สินให้กับธุรกิจของคุณซึ่งผมเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ ฉะนั้น สิ่งที่ดีที่สุดในการเริ่มทำธุรกิจในช่วงแรก คุณยังไม่ต้องมีเงินเดือน แต่ให้คุณ “ใช้เงินได้เท่าที่จำเป็นในการใช้ชีวิตประจำวันไปก่อน” ซึ่งในแต่ละเดือนรายได้อาจจะยังไม่เท่ากันขึ้นอยู่ที่ว่าธุรกิจของคุณมีรายรับรายจ่ายในแต่ละเดือนมากน้อยแค่ไหนนั่นเอง
หรืออีกกรณีหนึ่ง ธุรกิจของคุณเริ่มอยู่ตัว (รายได้คงที่ติดต่อกันเป็นระยะ 1 ปีขึ้นไป) หรือเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อคุณมีเงินอยู่ในมือมากขึ้นหรือเยอะกว่าตอนเริ่มต้นธุรกิจ แล้วคุณคิดว่าไม่จำเป็นต้องมีเงินเดือนเหมือนตอนเริ่มทำธุรกิจ มันจะกลับกลายเป็นว่าคุณจะใช้เงินตามใจตัวเองเพราะคิดว่ามีเงินเยอะแล้วก็อยากจะให้รางวัลตัวเองบ่อย ๆ จนทบไปทบมารายได้ที่คุณคิดว่าคงที่แล้วก็สามารถหมดได้เช่นกัน แล้วทีนี้ถ้าหากอยากจะขยายกิจการและไม่มีเงินมากพอสุดท้ายคุณก็ต้องไปกู้ธนาคารอยู่ดี พอคุณไปกู้ธนาคารเพื่อจะนำมาลงทุนขยายกิจการต่อ แล้วเกิดจังหวะมีปัญหาขึ้นมาอย่างเช่น พิษโควิด 19 ทำให้เกิดการขาดแคลนรายได้ของคนส่วนใหญ่ พอระบบการใช้จ่ายของคนลดลงทุกธุรกิจก็อาจจะเกิดปัญหาขาดทุนได้ ฉะนั้น ยิ่งธุรกิจไหนที่มีการกู้ยืมมาต่อยอดหรือลงทุนเพิ่ม โอกาสที่จะโดนธนาคารยึดจึงมีความเสี่ยงสูงมาก
ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดกับการจัดการรายได้ของเจ้าของธุรกิจ SME คือ ในช่วงเริ่มแรกคุณอย่าเพิ่งมีเงินเดือนแต่ให้ใช้เงินได้เท่าที่จำเป็นในการใช้ชีวิตประจำวันไปก่อน แต่เมื่อมีรายได้คงที่และต้องเป็นรายได้ที่ต่อเนื่อง คุณจึงสามารถกำหนดเงินเดือนของคุณได้เพราะค่าใช้จ่ายภายในร้านหรือกิจการของคุณเริ่มคงที่มากขึ้น แล้วนำกำไรที่เหลือเก็บไว้สำหรับลงทุน เช่นว่า คุณมีรายได้ต่อเดือนอยู่ที่ 300,000 บาท คุณเห็นว่าคุณต้องอดทนอะไรมามากจึงอยากให้รางวัลตัวเองเป็นเงินเดือน 150,000 บาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ผมเชื่อว่าคุณคงไม่ได้นำไปใช้อะไรที่มันเกินตัว ฉะนั้น คุณก็จะมีเงินเก็บจากส่วนนี้ และแบ่งเงินอีก 150,000 บาทเก็บไว้ เพื่อนำไปลงทุนและต่อยอดขยายกิจการในอนาคตโดยที่ไม่ต้องไปกู้ธนาคารอีกด้วย
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ถึงแม้ว่าตอนนี้คุณจะยังเพิ่งเริ่มหรือกำลังลงมือทำธุรกิจอะไรสักอย่าง แน่นอนว่าไม่ช้าก็เร็วคุณก็ต้องทำสิ่งเหล่านี้อยู่ดี นอกจากว่าคุณจะเลือกบริหารจัดการอย่างไรให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคุณ เมื่อคุณอ่านบทความมาถึงจุดนี้แล้ว คุณคิดว่าคุณอยากจะมีเงินเดือนให้กับตัวเองเท่าไหร่ดี สามารถคอมเมนต์มาได้ตามด้านล่างนี้นะครับ
============================================================
สำหรับใครที่อยากได้รับอรรถรสเพิ่มมากขึ้น สามารถคลิกวีดีโอได้ตามด้านล่างนี้นะครับ
เจ้าของธุรกิจ SME ต้องมีเงินเดือนของตัวเอง หรือไม่
ต้องบอกก่อนเลยว่าในช่วงเริ่มแรกไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจรูปแบบไหนก็ตาม รายได้หรือเรื่องของการเงินมักจะไม่คงที่ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา ฉะนั้น การแบ่งเงินเดือนจึงดูเป็นเรื่องที่ยากเพราะไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าจะมีค่าใช้จ่ายหรือปัญหาใดเข้ามาในระหว่างการทำธุรกิจบ้าง ยกตัวอย่าง ช่วงที่คุณเริ่มทำธุรกิจคุณมีรายได้เข้ามาทั้งหมด 50,000 บาท และคุณตั้งเป้าหมายว่าอยากมีเงินเดือน 50,000 บาท เมื่อคุณนำเงินที่ได้จากกการทำธุรกิจในช่วงแรกไปเป็นเงินเดือนของคุณทั้งหมด แสดงว่าเงินที่จะต่อยอดหรือลงทุนในเดือนถัดไปจะเท่ากับ 0 บาท เช่น คุณทำธุรกิจขายของชำร่วยและมีลูกค้าติดต่อเข้ามา เพื่ออยากให้คุณทำของชำร่วยเป็นจำนวนหลายร้อยชิ้น แต่ทว่าคุณได้นำเงินที่เข้ามาทั้งหมดในเดือนแรกไปใช้เป็นเงินเดือนของคุณทั้งหมด แล้วทีนี้จะนำเงินจากที่ไหนมาลงทุนก็คงหนีไม่พ้นไปกู้และสร้างหนี้สินให้กับธุรกิจของคุณซึ่งผมเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ ฉะนั้น สิ่งที่ดีที่สุดในการเริ่มทำธุรกิจในช่วงแรก คุณยังไม่ต้องมีเงินเดือน แต่ให้คุณ “ใช้เงินได้เท่าที่จำเป็นในการใช้ชีวิตประจำวันไปก่อน” ซึ่งในแต่ละเดือนรายได้อาจจะยังไม่เท่ากันขึ้นอยู่ที่ว่าธุรกิจของคุณมีรายรับรายจ่ายในแต่ละเดือนมากน้อยแค่ไหนนั่นเอง
หรืออีกกรณีหนึ่ง ธุรกิจของคุณเริ่มอยู่ตัว (รายได้คงที่ติดต่อกันเป็นระยะ 1 ปีขึ้นไป) หรือเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อคุณมีเงินอยู่ในมือมากขึ้นหรือเยอะกว่าตอนเริ่มต้นธุรกิจ แล้วคุณคิดว่าไม่จำเป็นต้องมีเงินเดือนเหมือนตอนเริ่มทำธุรกิจ มันจะกลับกลายเป็นว่าคุณจะใช้เงินตามใจตัวเองเพราะคิดว่ามีเงินเยอะแล้วก็อยากจะให้รางวัลตัวเองบ่อย ๆ จนทบไปทบมารายได้ที่คุณคิดว่าคงที่แล้วก็สามารถหมดได้เช่นกัน แล้วทีนี้ถ้าหากอยากจะขยายกิจการและไม่มีเงินมากพอสุดท้ายคุณก็ต้องไปกู้ธนาคารอยู่ดี พอคุณไปกู้ธนาคารเพื่อจะนำมาลงทุนขยายกิจการต่อ แล้วเกิดจังหวะมีปัญหาขึ้นมาอย่างเช่น พิษโควิด 19 ทำให้เกิดการขาดแคลนรายได้ของคนส่วนใหญ่ พอระบบการใช้จ่ายของคนลดลงทุกธุรกิจก็อาจจะเกิดปัญหาขาดทุนได้ ฉะนั้น ยิ่งธุรกิจไหนที่มีการกู้ยืมมาต่อยอดหรือลงทุนเพิ่ม โอกาสที่จะโดนธนาคารยึดจึงมีความเสี่ยงสูงมาก