คุณคิดอย่างไรกับเคสคู่สมรสนี้?
เจอเรื่งอราวนึงมาครับ คู่สมรสหนึ่ง จับได้ว่า สามี มีชู้มาสิบปีแล้ว รู้มาตลอด ฝ่ายสามี พาหญิงชู้ไปไหนมาไหนในละแวกนั้นแต่ไม่เข้ามาในบ้าน ทว่า พาหญิงชู้เข้าบ้านพ่อแม่ตัวเอง(คนละจังหวัด) แล้วไปอยู่กินกันที่นั่นฉันสะใภ้ ทั้งที่พ่อแม่สามี ก็รู้ว่าลูกชายจดทะเบียนกับหญิงสะใภ้จริงๆไว้แล้ว แต่ไม่อยากขัดความสุขของลูก
ผ่านมา 10 ปีจากวันนั้น ตอนนี้ ฝ่ายหญิง ต้องการฟ้องหย่า เพราะหวังมาตลอดสิบปีว่า ฝ่ายชายจะตาสว่างและกลับมา เพื่อเป็นครอบครัว และสงสารลูก แต่ สายใยขาดเมื่อ ฝ่ายชายมาคุยว่า ต้องการให้หญิงชู้เข้ามาอยู่ในบ้านด้วย แบบสามคน ต่างคนต่างอยู่ ให้เธอเป็นใหญ่ ให้หญิงชู้เป็นเล็ก ให้เธอมีบทบาทเป็นหลวง จนลูก(ลูกสาว) มาบอกับแม่ว่า ให้แม่เลิกกับพ่อจะดีที่สุด ไม่อยากเห็นแม่ต้องเจ็บแบบนี้อีกแล้ว
ฝ่ายชายขู่ว่า ฟ้องหย่า ฟ้องชู้ไป ก็ไม่ได้ เพราะ เธอรู้มานานแล้ว ไม่ฟ้อง ก็เหมือนกับ มาฟ้องเอาทีหลัง การมีชู้นี้รับรู้เห็นมาโดยตลอด เขามีหลักฐานการคุยว่าฝ่ายหญิง ก็รับรู้ รู้เห็นมาตลอดสิบปี แต่ไม่ติดขัดอะไร เคยคุยและมีหลักฐานว่า ฝ่ายหญิงเอ่ยว่า ขอให้อย่ามาให้เห็นก็พอ
และยังมีรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องทรัพย์สินอีก
ณ ตอนนี้ ทั้งสอง ประกอบธุรกิจอาคารพาณิชย์ ให้เช่า และ ทำร้านอาหาร ร้านขายของ บนที่ดินของแม่ฝ่ายชาย(ชื่อของแม่ฝ่ายชาย) มีหนี้ธนาคารจากการทำธุรกิจนี้ เป็นชื่อของแม่ฝ่ายชายยื่นกู้ หนี้กำลังจะหมดใน 1-2 ปีข้างหน้า
ฝ่ายสามีขู่ว่า ้ถ้าฟ้องชู้ ต้องเอาหนี้ไปด้วยเพราะเป็นสินสมรส ที่ทำมาหากินได้ทุกวันนี้ ก็เพราะทางบ้านของเขา และ จะไม่ให้มีสิทธิ์ใดๆกับรายได้ของร้าน รวมถึงค่าตึกนี้อีกเลย
"หากเธออยากฟ้องชู้ ฟ้องหย่า เธอต้องฟ้องตั้งแต่รู้ แต่ เธอปล่อยมาสิบปี ศาลไม่ฟังหรอก เพราะเหมือนเธอต้องการแบ่งสมบัติ"
ฝ่ายชาย ไม่มีงานทำ ไม่ได้บริหารจัดการร้านและตึก แต่รับเงินรายได้จากตึกหลังหักค่าใช้จ่ายแล้วเกือบทั้งหมดทุกๆเดือน จ่ายส่วนแบ่งให้กับภรรยา ในฐานะ ผู้จัดการ เดือนละหมื่นนิดๆเท่านั้น
ฝ่ายหญิงไม่ต้องการทรัพย์สินใดๆ ไม่ต้องการผลประโยชน์จากตรงนี้ แต่ต้องการให้สิ่งที่สร้างมาตกเป้นของลูก (11 ขวบ) ที่ต้องการฟ้องหย่า เพราะ ต้องการออกจากจุดนี้เริ่มชีวิตใหม่ ไปอยู่กับลูก เริ่มต้นสร้างตัวเอง และ จะเริ่มธุรกิจใหม่เอง เธอมั่นใจว่าอยู่ได้ เพราะ มีงานประจำอีกที่หนึ่ง ซึ่งมีรายได้หกหลัก ไม่มีเงินเก็บเลย เพราะเอาเงินไปโปีหนี้ธนาคารที่ลงทุนให้หมดเร็วที่สุด
เพิ่มดีเทลคือ
ฝ่ายชาย ลงทุนเปิดเซเว่นให้หญิงชู้จัดการ บนตึกแถวอีกที่ของครอบครัว แต่ ฝ่ายหญิง ไม่สามารถจัดการได้ สุดท้าย เซ้งกิจการไปในเวลาอันรวดเร็ว
หญิงชู้ เป็นพีอาร์ สถานบันเทิง ที่ฝ่ายชายไปเก็บมาจากการเที่ยวกลางคืน
ซึ่งเขาต้องการให้ ภรรยา อยู่แบบนี้ต่อไป ทำกิจการงานให้ที่ตรงนี้ และ ยอมรับว่า ที่มีวันนี้ได้เพราะครอบครัวของเขา การหย่าออกไปคือการเนรคุณ และทิ้งภาระทั้งหนี้ และ งานที่ต้องทำเอาไว้ เนื่องจาก ทางครอบครัวของเขาไม่ได้ต้องการลงทุนกับที่ตรงนี้ ต้องการขายเปล่า แต่เธอเป็นฝ่ายไปเสนอเพื่อขอมาทำ ทั้งยังให้แม่สามี ยื่นกู้ให้ด้วย โดยอ้างว่า เพื่ออนาคตของหลาน
รู้เห็นว่าคู่สมรสมีชู้ มานานแล้ว ผ่านมาสิบปี เพิ่งฟ้องชู้เพื่อหย่าร้าง จะส่งผลกับคดีมั้ย?
เจอเรื่งอราวนึงมาครับ คู่สมรสหนึ่ง จับได้ว่า สามี มีชู้มาสิบปีแล้ว รู้มาตลอด ฝ่ายสามี พาหญิงชู้ไปไหนมาไหนในละแวกนั้นแต่ไม่เข้ามาในบ้าน ทว่า พาหญิงชู้เข้าบ้านพ่อแม่ตัวเอง(คนละจังหวัด) แล้วไปอยู่กินกันที่นั่นฉันสะใภ้ ทั้งที่พ่อแม่สามี ก็รู้ว่าลูกชายจดทะเบียนกับหญิงสะใภ้จริงๆไว้แล้ว แต่ไม่อยากขัดความสุขของลูก
ผ่านมา 10 ปีจากวันนั้น ตอนนี้ ฝ่ายหญิง ต้องการฟ้องหย่า เพราะหวังมาตลอดสิบปีว่า ฝ่ายชายจะตาสว่างและกลับมา เพื่อเป็นครอบครัว และสงสารลูก แต่ สายใยขาดเมื่อ ฝ่ายชายมาคุยว่า ต้องการให้หญิงชู้เข้ามาอยู่ในบ้านด้วย แบบสามคน ต่างคนต่างอยู่ ให้เธอเป็นใหญ่ ให้หญิงชู้เป็นเล็ก ให้เธอมีบทบาทเป็นหลวง จนลูก(ลูกสาว) มาบอกับแม่ว่า ให้แม่เลิกกับพ่อจะดีที่สุด ไม่อยากเห็นแม่ต้องเจ็บแบบนี้อีกแล้ว
ฝ่ายชายขู่ว่า ฟ้องหย่า ฟ้องชู้ไป ก็ไม่ได้ เพราะ เธอรู้มานานแล้ว ไม่ฟ้อง ก็เหมือนกับ มาฟ้องเอาทีหลัง การมีชู้นี้รับรู้เห็นมาโดยตลอด เขามีหลักฐานการคุยว่าฝ่ายหญิง ก็รับรู้ รู้เห็นมาตลอดสิบปี แต่ไม่ติดขัดอะไร เคยคุยและมีหลักฐานว่า ฝ่ายหญิงเอ่ยว่า ขอให้อย่ามาให้เห็นก็พอ
และยังมีรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องทรัพย์สินอีก
ณ ตอนนี้ ทั้งสอง ประกอบธุรกิจอาคารพาณิชย์ ให้เช่า และ ทำร้านอาหาร ร้านขายของ บนที่ดินของแม่ฝ่ายชาย(ชื่อของแม่ฝ่ายชาย) มีหนี้ธนาคารจากการทำธุรกิจนี้ เป็นชื่อของแม่ฝ่ายชายยื่นกู้ หนี้กำลังจะหมดใน 1-2 ปีข้างหน้า
ฝ่ายสามีขู่ว่า ้ถ้าฟ้องชู้ ต้องเอาหนี้ไปด้วยเพราะเป็นสินสมรส ที่ทำมาหากินได้ทุกวันนี้ ก็เพราะทางบ้านของเขา และ จะไม่ให้มีสิทธิ์ใดๆกับรายได้ของร้าน รวมถึงค่าตึกนี้อีกเลย
"หากเธออยากฟ้องชู้ ฟ้องหย่า เธอต้องฟ้องตั้งแต่รู้ แต่ เธอปล่อยมาสิบปี ศาลไม่ฟังหรอก เพราะเหมือนเธอต้องการแบ่งสมบัติ"
ฝ่ายชาย ไม่มีงานทำ ไม่ได้บริหารจัดการร้านและตึก แต่รับเงินรายได้จากตึกหลังหักค่าใช้จ่ายแล้วเกือบทั้งหมดทุกๆเดือน จ่ายส่วนแบ่งให้กับภรรยา ในฐานะ ผู้จัดการ เดือนละหมื่นนิดๆเท่านั้น
ฝ่ายหญิงไม่ต้องการทรัพย์สินใดๆ ไม่ต้องการผลประโยชน์จากตรงนี้ แต่ต้องการให้สิ่งที่สร้างมาตกเป้นของลูก (11 ขวบ) ที่ต้องการฟ้องหย่า เพราะ ต้องการออกจากจุดนี้เริ่มชีวิตใหม่ ไปอยู่กับลูก เริ่มต้นสร้างตัวเอง และ จะเริ่มธุรกิจใหม่เอง เธอมั่นใจว่าอยู่ได้ เพราะ มีงานประจำอีกที่หนึ่ง ซึ่งมีรายได้หกหลัก ไม่มีเงินเก็บเลย เพราะเอาเงินไปโปีหนี้ธนาคารที่ลงทุนให้หมดเร็วที่สุด
เพิ่มดีเทลคือ
ฝ่ายชาย ลงทุนเปิดเซเว่นให้หญิงชู้จัดการ บนตึกแถวอีกที่ของครอบครัว แต่ ฝ่ายหญิง ไม่สามารถจัดการได้ สุดท้าย เซ้งกิจการไปในเวลาอันรวดเร็ว
หญิงชู้ เป็นพีอาร์ สถานบันเทิง ที่ฝ่ายชายไปเก็บมาจากการเที่ยวกลางคืน
ซึ่งเขาต้องการให้ ภรรยา อยู่แบบนี้ต่อไป ทำกิจการงานให้ที่ตรงนี้ และ ยอมรับว่า ที่มีวันนี้ได้เพราะครอบครัวของเขา การหย่าออกไปคือการเนรคุณ และทิ้งภาระทั้งหนี้ และ งานที่ต้องทำเอาไว้ เนื่องจาก ทางครอบครัวของเขาไม่ได้ต้องการลงทุนกับที่ตรงนี้ ต้องการขายเปล่า แต่เธอเป็นฝ่ายไปเสนอเพื่อขอมาทำ ทั้งยังให้แม่สามี ยื่นกู้ให้ด้วย โดยอ้างว่า เพื่ออนาคตของหลาน