ทำไมคนไทยไม่ค่อยนิยมออมเงินเพื่อเกษียณเร็ว?

มีใครวางแผนเกษียณเร็วอย่างมีความสุข โดยใช้เวลาประมาณ 10-20 ปี บ้างครับ? 

ผมวางแผนไว้ครับ ว่าจะเกษียณอย่างสง่างามก่อนอายุ  40 
ไม่แน่ใจว่า คนไทยที่วางแผนเกษียณเร็วมีเยอะมั้ย เพราะผมหาข้อมูลเกี่ยวกับคนกลุ่มนี้(ในไทย)ไม่ได้เลย 
แต่ในต่างประเทศมีคนเยอะมาก ที่วางแผนเกษียณเร็ว จนเป็นกระแสตั้งแต่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว
มีข้อมูลให้ดูทั้งในเน็ท และ YouTube มากมาย เกี่ยวกับเส้นทางสู่อิสรภาพทางการเงินในเวลา 10-20 ปี 
โดยเฉพาะเกี่ยวกับ FIRE movement ที่แนะนำให้ออมเงินประมาณ 50-70% ของรายได้ 
เก็บตังค์จนกระทั่งมีเงิน 25 เท่า ของค่าใช้จ่ายทั้งปี (เช่น ถ้าปีนึงใช้ตังค์ 600,000 บาท ตอนเกษียณควรมีเงินเก็บอย่างน้อย 15 ล้านบาท) 
ถ้าทำตามสูตรนี้ จะสามารถถอน 4% ของเงินเก็บออกมาใช้ได้ทุกปี ไปตลอดชีวิต 
เพราะระหว่างนั้น เงินเก็บจะถูกนำไปลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนไม่น้อยกว่าเงินเฟ้อ 

การออมเงิน 50% ขึ้นไป คงใช้ไม่ได้กับทุกคน แต่ก็อยู่ในขอบเขตของความเป็นไปได้ 
เพราะนอกจากเรียนรู้ทักษะเพิ่มเติม และเปลี่ยนงานใหม่เพื่อเงินเดือนที่ดีขึ้นแล้ว 
พวกเรายังสามารถใช้เวลาว่างหารายได้เสริมสนุก ๆ ได้อีก 
เงินที่เก็บได้ในแต่ละปี ก็นำไปลงทุน เพื่อเอาเงินไปต่อเงิน จนเบ่งบานออกดอกออกผล 

นอกจากนี้ ศูนย์ฝึกอาชีพกทม. มีหลักสูตรเรียนฟรี สอนทำอาหาร ตัดผม เย็บเสื้อ ซ่อมไฟฟ้า ซ่อมคอมพิวเตอร์ ฯลฯ 
ลองคิดดูนะครับ ถ้าตัดผมเป็น ปีนึงประหยัดได้เป็นพัน ถ้าเย็บผ้าได้ ถุงเท้าขาดก็ปะเอาเอง อะไรแบบนี้ 
ยิ่งถ้าทำอาหารเป็น แล้ววางแผนดี ๆ สามารถประหยัดได้อีกมากมายมหาศาล 
สมัยนี้ ดูหนัง ฟังเพลง และสิ่งบันเทิงต่างๆ สามารถเข้าถึงได้โดยไม่ต้องใช้เงิน 
แม้แต่ท่องเที่ยว ก็ทำได้ในราคาถูกแสนถูก เพราะโรงแรมอัดโปรหั่นค่าห้อง ดึงคนไทยเข้าพักช่วงโควิด 
ถ้าใครจริงจังมากพอ น่าจะเก็บเงินได้ไม่ยาก 

แน่นอนว่าการเกษียณเร็ว ไม่ได้หมายถึงการอยู่เฉย ๆ โดยไม่ทำอะไร 
ผมว่ามันช่วยให้เรามีตัวเลือกมากขึ้น และมีข้อจำกัดในการใช้ชีวิตน้อยลง 
ดูยังงัยข้อดีก็มากกว่าข้อเสีย
ไม่มีคนปรกติที่ไหนอยากทำงานเช้าถึงเย็น ไปจนแก่เฒ่าหรอกครับ เชื่อผมดิ 

แต่ไม่รู้เพราะอะไร ดูเหมือนคนไทยที่วางแผนเก็บเงินเพื่อเกษียณเร็วอย่างจริงจังตั้งแต่อายุ 20 กว่า ๆ จะมีน้อยมาก
คนเกษียณเร็วหลายคน คงเป็นแบบ ไม่ได้ตั้งใจจะเกษียณเร็วโดยมีแผนอย่างชัดเจน 
แต่จับพลัดจับผลู บังเอิญมีเงินเก็บในระดับที่พอจะพิจารณาการเกษียณเร็วได้ เลยเกษียณมันซะเลย อะไรแบบนั้นมากกว่า

ถ้ามีคนสนใจเรื่องเกษียณเร็ว ผมว่าพวกเราน่าจะรวมกลุ่มกัน เพื่อแชร์ไอเดียแลกเปลี่ยนประสบการณ์นะครับ 
ในโลกของดอกเบี้ยทบต้น ใครเริ่มก่อนย่อมได้เปรียบ 
เพื่อนๆ มีความเห็นว่าอย่างไรกันบ้าง? วางแผนเกษียณกันแล้วหรือยังครับ?
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 21
เกษียณเร็วได้ก็ดีค่ะ แค่อย่าลืมว่า ชีวิตก่อนเกษียณ ก็เป็นชีวิตของเราเหมือนกันค่ะ

แถมยังมีเป้าหมายอื่นๆ นอกเหนือจากเกษียณเร็ว เช่น แต่งงาน มีลูก ซื้อบ้าน ซื้อรถ ไปเที่ยว ดูแลพ่อแม่ ฯลฯ ซึ่งแต่ละคนก็มีความต้องการไม่เหมือนกันค่ะ

สำหรับเรา เราเก็บเงิน 50-70% ของรายได้มาเกือบตลอดตั้งแต่เรียนจบค่ะ แต่ไม่ใช่สำหรับเกษียณอย่างเดียวค่ะ  เราวางแผนเผื่อเป้าหมายชีวิตอื่นๆด้วย

อาจจะทำให้เกษียณช้าไปซัก 10 ปี แต่ระหว่างทางมีความทรงจำดีๆ ได้ไปในที่ๆอยากไป ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ ได้มีอะไรที่อยากมี และสุดท้ายมีเงินพอกินไปตลอดชีวิตด้วยค่ะ
ความคิดเห็นที่ 8
เข้ามายกมือค่ะ เราคนนึงที่สนใจเรื่องเกษียณเร็ว ไม่ใช่เพื่อเลิกทำงาน แต่เพื่อเป็นอิสระจากงานที่ไม่ชอบ และไปทำสิ่งที่ชอบๆ แทน โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงินที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เราเริ่มวางแผนตั้งแต่อายุ 25 ตอนนี้ 37 ใกล้จะวางมือจากงานที่ไม่ชอบแล้วค่ะ กำหนดวันเรียบร้อยแล้ว

และเราไม่ได้วางแผนเกษียณด้วยเงินจำนวนมากอะไรนะคะ เราอ่านหนังสือ Your money or your life มันถูกจริตเรามาก เราไม่ค่อยอยากได้อะไร ไม่ชอบไปไหน อาหารบ้านเราก็ไม่แพง เราเลือกชีวิตมากกว่าเงินนั่นเอง

ตอนวางแผนตอนแรก เราก็ใช้ตัวเลข 4% แบบที่คุณบอกเลย เป้าหมายเราเดือนละ 20,000 ปีละ 240,000 ขนาดพอร์ตที่ต้องการคือ 6 ล้าน  เราใช้การลงทุนในกองทุนรวมเป็นเครื่องมือ ในการออมและลงทุน แต่ก็ลองผิดลองถูกในหุ้นมาเรื่อยๆ ด้วย พอมาปีที่แล้วเจอโควิด หุ้นตกหนัก กองทุนรวมที่ลงทุนมาก็แดงหนักมาก ประมาณ พ.ค. - มิ.ย. พอร์ตกองทุนกลับมากำไร เราขายทั้งหมด เปลี่ยนมาลงทุนหุ้นปันผล ที่พื้นฐานดี ปันผลสม่ำเสมอ เพราะอยากรู้ว่าจะพาเราไปถึงเป้าหมายได้ไหม ตอนนี้พอร์ตบวกประมาณ 15% แต่ตรงนั้นไม่สำคัญ เพราะเราไม่คิดจะขายหุ้นเลย ถ้าหุ้นไม่ถูกปั่นราคาจนขึ้นมากไป กับกิจการมีแนวโน้มแย่ลง

สิ่งสำคัญคือ ปันผลที่เราได้รับในปีนี้ รอบแรก จำนวนเงินที่ได้ก็เกินเป้า 4% (240,000) ที่เราเคยคิดว่าจะดึงออกจากกองทุนรวมไปแล้ว ถ้ารวมปันผลระหว่างกาล ตอน ก.ย. อีก คงทะลุไปไกล การเปลี่ยนมาลงทุนในหุ้นปันผล ทำให้เราถึงฝั่งเร็วกว่าที่คิดไว้ แต่แน่นอนว่ามีความเสี่ยงที่มากกว่าการลงทุนในกองทุนรวม ซึ่งเราพร้อมจะยอมรับมัน และเดินหน้าสู้ แก้ไข ข้อผิดพลาด

ปล. เราไม่ได้โชคดีเข้าปุ๊บกำไรปั๊บนะ ตอน ต.ค. ปีที่แล้ว พอร์ตหุ้นเราก็ติดลบหนักมาก 7 แสน แต่เราก็ไม่ขาย คิดว่าเป็นจังหวะให้เราได้ของถูก แต่มันเร็วมากเลย แป๊บเดียวก็ขึ้นมาเท่าทุนละ เราคิดว่าทุกการตัดสินใจ เราพร้อมรับผิดชอบผลที่ตามมา ไม่โทษอย่างอื่น  แล้วเราจะแก้ไขมันได้

ปล.2 หากลุ่มพูดคุยไม่ได้เลยเช่นกันค่ะ เราอ่านหนังสือที่บอกไป และอ่านบล๊อก https://www.mrmoneymustache.com/2013/02/22/getting-rich-from-zero-to-hero-in-one-blog-post/ ค่ะ

****************************

ขอเพิ่มเติมเนื้อหาจากที่คุณ 8-6 ถามเข้ามาให้แนะนำวิธีการหน่อย เรา inbox ไปแล้ว แต่ขอตอบไว้ตรงนี้อีกที่นึงนะคะ เผื่อเป็นประโยชน์กับคนที่สนใจ

เนื่องจากแต่ละคน ชีวิตแตกต่างกัน เป้าหมายก็ต่างกัน วิธีการก็ต้องแตกต่างกันตามไปด้วย เราจึงไม่มีวิธีการสำเร็จรูปใดๆ เลยขอแชร์แหล่งความรู้ ที่เราใช้ก็แล้วกันนะคะ เพื่อศึกษาหาแนวทางที่เหมาะสมกับตัวเองได้ค่ะ

1. หนังสือ Your money or your life ถ้ามีโอกาสก็อยากให้อ่านเล่มเต็ม แต่ถ้าอยากลองอ่านแบบรีวิวก็ที่นี่ค่ะ https://menn.blog/your-money-your-life/

2. บทความชีวิตและแนวคิดจริงที่เค้าใช้ เกี่ยวกับการเกษียณเร็วของต่างประเทศ https://www.mrmoneymustache.com/ เราไม่ได้เก่ง eng แต่เราใช้ google translate ช่วยก็พอทำความเข้าใจได้ค่ะ

3. http://www.a-academy.net/ แหล่งรวมความรู้ทางการเงินของไทย โดยคุณเอ มีทั้งบทความ คลิปวีดิโอ

4. https://bear-investor.com/home/ แหล่งบทความความรู้ทางการเงินของไทยอีกแห่ง ที่ดีเช่นกัน

5. youtube ที่เกี่ยวกับการลงทุนหุ้นหลายๆ ช่อง สัมภาษณ์คนที่ประสบความสำเร็จในการลงทุน ก็น่าสนใจศึกษาไม่แพ้กัน

6. Facebook ส่วนตัวของนักลงทุนหญิงคนหนึ่ง ที่เป็นต้นแบบแนวคิดดีๆ ให้เราและอีกหลายๆ คน พี่เค้าเลือกเกษียณเร็วเช่นกัน ลองไปติดตามพี่เค้าดูค่ะ ที่ facebook ชื่อ Theenuch Waraphan

7. ทุกที่ที่มีความรู้ให้ อย่าหยุดเรียนรู้ เพราะเมื่อเรารู้เพิ่ม แนวคิดเราก็จะคมขึ้นเรื่อยๆ ตัดสินใจได้ดีขึ้น และฝึกรับผิดชอบการตัดสินใจของตัวเอง ถ้าผิดจะได้แก้ไขและแข็งแกร่งขึ้น

ขอให้ตั้งใจศึกษา วางแผน และลงมือ ไม่ย่อท้อ ยังไงผลลัพธ์ก็ต้องดีกว่าการไม่ทำอะไรเลยแน่นอนค่ะ
ความคิดเห็นที่ 15
เก็บอยู่นะคะ คนรอบตัวที่เก็บเงินเกษียณก็มีเยอะเหมือนกันค่ะ แต่ส่วนใหญ่จะเก็บเงียบๆกัน

เราก็เก็บไม่บอกใครค่ะ ใช้ชีวิตสมถะ และไม่ไปสอนใครด้วยนอกจากสนิทจริงๆ เพราะมันจะเหมือนประกาศว่าเรามีเงินเย็น มีเงินไปลงทุนในโน่นนี่  แล้วจะมีคนรู้จักหรือญาติมาพยายามขอยืมค่ะ

รอบตัวหลายคนอายุไม่มาก มีเงินเก็บพอจะเกษียณได้ ก็ไม่เกษียณ ไม่มีใครรู้ว่ามีเงินเยอะ ยังทำงานประจำเรื่อยๆ  

เราว่า คนมีไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยแสดงตัวด้วยค่ะ ทำให้ดูเหมือนคนไทยไม่ค่อยเก็บเงิน
ความคิดเห็นที่ 16
ผมว่าหลายคนตกลงในกับดักอันนึงที่คิดว่าเป็นความมั่นคง ก็คือการซื้อบ้าน/คอนโด เร็วเกินไปโดยที่ตัวเองยังไม่พร้อม

สำหรับผม ผมมองว่าถ้าบ้านนั้นไม่คิดจะปล่อยเช่า/ขายต่อเพื่อเก็งกำไร การซื้อมาเพื่ออยู่นั้นมันไม่ได้สร้างมูลค่า เช่นถ้าเราผ่อนบ้านครบแล้วบังเอิญตกงาน เรากินบ้านไม่ได้ เราก็ต้องวิ่งหางานอยู่ดี แต่กลับกัน ถ้าเราไม่มีบ้าน อยู่ห้องเช่าราคาไม่แพง(น้อยกว่าค่าส่งบ้าน) แล้วมีเงินเก็บระดับนึง แม้ไม่เท่าค่าบ้านหากจะส่ง แต่ผมเชื่อว่ามูลค่าเงินเก็บที่ได้มันน่าจะประมาณ 3/4 ของราคาบ้านเลย เงินส่วนนี้นำเอาไปสร้าง ลงทุน ทำอะไรก็ได้ 4%แบบคุณว่าก็ได้

คือถ้าเราเสียเงินไปกับการผ่อนอะไรที่เกินตัว มีเงินเหลือเก็บน้อย มันเสียโอกาสการลงทุน อย่างช่วงมีนาปีที่แล้ว ใครช้อนทันตอน 967 แถวๆนั้น ตอนนี้นี่คงมีอิสระภาพทางการเงินไปหลายคนแล้ว กลับกัน คนที่เอาเงินไปผ่อนบ้าน ส่งรถหมด จะเสียโอกาสส่วนนี้ไป....

ผมเชื่อคำนึงในหนังสือพ่อรวยสอนลูกมาก ........"บ้านคือหนี้สิน"  สำหรับผมถ้าอยู่ห้องเช่าเดือนละ 4 พัน กับ ผ่อนบ้านเดือนละ 12000 ผมยอมอยู่ห้องเช่าแล้วเอาเงิน 8000 ไปลงทุนยังดีซะกว่า อย่างน้อยถ้าเทียบกัน เมื่อ 20 ปีผ่านไป ถ้าผมเก็บ 8000 ผมจะมีเงิน 2 ล้าน แต่ถ้าผมเอาไปส่งบ้าน ผมก็จะมีบ้านเปล่าๆ 1 หลัง

ถามว่าแล้วหลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้นถ้าตอนนั้นผมอายุ 45?  ผมมีอะไรบ้าง
แบบแรกผมจะมีเงินสองล้านไปสร้างมูลค่าปีละ 4% หารเป็นต่อเดือนก็ 6000 เพียงพอที่จะจ่ายห้องเช่า เท่ากับผมมีอิสระทางการเงินในด้านที่อยู่อาศัยแล้ว เพราะเพียงพอจ่ายค่าห้องไปตลอดแม้ไม่มีรายได้แล้ว นอกจากนี้ผมยังเหลือเงิน 2000+8000 ต่อเดือนนำไปลงทุนต่อยอดให้สองล้านให้มันโตได้ยิ่งกว่านี้อีก
แบบที่สอง ผมจะมีบ้านเปล่าๆ 1 หลัง คงต้องมีค่าเฟอร์อีกสองแสน มีค่าซ่อมบำรุงบ้านอีกทุกปี วันดีคืนร้ายหากตกงานก็คงต้องลำบาก ไม่มีเงินเก็บเงินก้อนที่จะสร้างมูลค่าได้เลย....แล้วตอนนั้นก็จะเริ่มคิดเก็บเงินเกษียณ มีเวลาเหลือ 15 ปีในการเก็บเงินที่ต้องทำให้พอใช้ไปอีก 25 ปี...(แค่คิด เงินเก็บต่อเดือนก็ตึงกว่าปกติแล้ว) ถ้าเอาเงื่อนไขเดียวกับแบบแรก คราวนี้ผมก็ต้องเอา 12000 ไปลงทุนแผนเกษียณทั้งหมดต่ออยู่ดี

แบบแรกมีเงิน 2ล้าน + 10000 บาท/เดือนที่จะทำให้เงินสองล้านนั้นโตขึ้นอีก+ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าห้อง ถ้าตกงานก็ยังมี2ล้านไว้พอเลี้ยงตัวเอง
แบบที่สองมีบ้าน + 12000/เดือน แต่ยังต้องห่วงเงินเกษียณเพราะไม่มีเงินก้อนเก็บไว้เลย(ก็กลายเป็นบ้านไง)... ถ้าตกงานก็....
ความคิดเห็นที่ 78
การออมเงินเพื่อเกษียณเป็นเรื่องที่ดีค่ะ แต่ถ้าต้องออมเงิน 50 -70%  เพื่อเกษียณ เราว่ามันตึงเกินไป จขกท ลืมคิดปัจจัยนึงคือ การลงทุนกับการตัวเอง ก็เป็น 1 ในการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด ถ้าตั้งแต่เริ่มต้นทำงาน เงินเดือนน้อย เราFocus แต่เก็บเงินอย่างเดียวโดยไม่พัฒนาตัวเองเลย อาจได้ผลตอบแทนน้อยกว่าคนที่ลงทุนพัฒนาตัวเอง เช่นเรียนต่อโท เรียนทักษะเพิ่ม สอบ Cert หรือแม้กระทั่งการดูแลตัวเองปรับปรุงภาพลักษณ์ พวกนี้มันจะสะท้อนกลับมาในรูปแบบของ รายได้ที่เพิ่มขึ้น
ขอยกตัวอย่างตัวเราเอง เงินเดือนเริ่มต้น 15,000 ถ้าเราคิดตัวเลขแบบว่า เก็บ 50% เราจะต้องเก็บเดือนละ 7,500 บาท ซึ่งเงินจำนวนที่เหลือ จะไม่พอกับการซื้อรถ (เราต้องใช้รถทำงาน) และก็คงจะต้องเช่าห้องถูกๆอยู่ นั่งรถเมล์ไปหาลค เสียเวลาวันละ หลาย ชม บน ถนน
และถ้าเราทำแบบนั้น 10 ปี ผ่านมาเราจะมีเงินเก็บ 900,000 บาท ภายใต้เงื่อนไขว่า ชีวิตคือทุกยากลำบากมาก อยู่ห้องเช่าถูกๆ ไม่มีรถนั่ง ทำงานไปวันวัน เจ็บป่วยก็รักษา 30 บาท ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินคือต่ำมาก ที่นี่ประเทศไทย ใครจะการันตีว่า เดินออกปากซอยมืดค่ำ จะไม่โดนจี้ชิงทรัพย์ ฆ่าปาดคอ อยู่ห้องเช่าถูกๆ วันดีคืนดี ข้างห้องปืนเข้ามา ฆ่าข่มขืน

แต่เราเลือกทางลงทุนกับตัวเอง ทั้งเรียนภาษา เรียนทักษะในการทำงาน เรียนเรื่องการนำเสนองาน Soft Skill Presentation ต่างๆ รวมถึง เลือกดาวน์รถ และผ่อนคอนโด รวมถึงการแต่งตัวเสื้อผ้า เครือ่งประดับเราก็มีซื้อเพื่อภาพลักษณ์ด้วย

10 ปี ผ่านไป ตอนนี้เงินเดือนเรา แสนกว่า ไม่รวมเบี้ยเลี้ยงโบนัส ต่างๆ บางเดือน ได้รวมเกิน 2 แสน แน่นอนว่ารถคันแรกที่ซื้อมาใช้ทำงานจนเกินคุ้มไปแล้ว รถพาเราไปหาเงิน ไปหาลค ซึ่งสะดวกและปลอดภัยกว่า ตอนนี้น้องคันเดิมขายต่อไปแล้ว ขับมา 7 ปี หักราคาซื้อ - ราคาขาย ขาดทุนไปแค่ 2 แสน ตอนนี้ซือ้รถคันใหญ่ขึ้นเพื่อความสบาย คอนโดที่ผ่อนไว้ตอนนี้ก็ปล่อยเช่า เพราะตัวเองขยับขยายมาซื้อบ้านหลังใหม่
เราเลือกซือ้ประกันเพราะเราเจ็บป่วยบ่อย มีช่วงนึง 4-5 ปีก่อนเราป่วยหนัก รักษาไป เกือบล้าน ตรงนี้ถ้าเราไม่มีประกัน เงินเก็บที่อดมื้อกินมื้อมา ก็คงละลายไปในพริบตา

ที่กล่าวมาทั้งหมดเราจะบอกว่า การออมเงินเกษียณ เป็นเรื่องจำเป็น เราก็ออมเงินสำหรับเกษียณไว้ ตอนนี้ก็มี 7 หลักแล้ว และจะออมไปเรื่อยๆ แถมมีคอนโดปล่อยเช่าเล่นๆ อีก 1 ห้อง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การเก็บออมเงินเพียงอย่างเดียว เพื่อหวังเกษียณเร็วอาจจะไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุด การพัฒนาตัวเองและเพิ่มรายได้ อาจจะทำให้บั้นปลายได้เงินมากกว่า แถมชีวิตสุขสบาย สะดวกปลอดภัยกว่าเยอะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่