[CR] รีวิว Zack Snyder’s Justice League 4 ชั่วโมงที่จัดเต็ม ลงตัว ไม่ควรพลาด !



DC เป็นค่ายหนังที่ต้องบอกว่ามีอุปสรรคและยังต่อกันไม่ค่อยติดกันซักเท่าไรในช่วงแรกๆ แต่ในยุคหลังๆเรียกได้ว่ามีการเดินหน้าทำหนังและวางแผนกันเป็นชิ้นเป็นอันกันมาเรื่อยๆครับ แต่ก่อนจะมาถึงตรงนี้ในช่วงปี 2017 ทางค่ายได้มีการฉาย Justice league หนังรวมฮีโร่ของค่าย ซึ่งเป็นทีมแบบเดียวกับ Avengers ของ Marvel นั้นเอง จริงๆ ของที่ DC มีทั้งตัวละคร events ต่างๆนั้นค่ายนี้มีของดีเยอะมากๆ แต่เมื่อมามองหนัง มันกลับเป็นจุดที่ยังไม่ลงตัว ไม่ประสบความสำเร็จ ไม่เป็นกระแสซักที ซึ่งจุดเปลี่ยนหลักๆเลยในตัวหนัง Justice league และ กระแสการวางแผน เพราะว่าหลังจากที่ justice league ออกมาฉาย ที่กำกับโดย Joss whedon ที่เคยกำกับ Avengers ที่มารับช่วงต่อจาก  Zack Snyder นั้นทำหนังออกมา ฉายโรง เนื่องจาก Zack เองโดนกดดันจากทางสตู รวมถึง มีปัญหาเรื่องที่บ้าน ที่ลูกสาวนั้นได้เสียชีวิตไปและหลายๆอย่างทำให้ Zack ถอนตัวออกไปแล้ว ทางค่ายได้นำ Joss มารับช่วงต่อ ซึ่งจุดนี้ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนของตัวหนัง และ แผนของหนังที่ Zack วางไว้ทั้งหมด เพราะว่าตัวหนัง Justice league นั้นเดิมทีวางแผน ปูไป 3 ภาค แต่พอ Joss มากำกับออกมา ผลออกมาคือเละเทะที่สุด ในบรรดาหนัง DC ทั้งคะแนน กระแสบ่น และ จุดเปลี่ยนในเนื้อเรื่องทั้งหลาย จนทางค่ายก็รื้อแผนอะไรใหม่หมด ทั้งหนังเดี่ยวแต่ละตัวละครก็หายไป แผนภาค 2-3 เงียบหายไป และ แนวทางของค่ายก็หายไปทั้งหมด เรียกได้ว่าหนักพอสมควร แต่อย่างน้อยหนังเดี่ยวบางตัวละคร ได้เดินหน้าต่อและทำรายได้ดีทั้ง Aquaman  และ หนัง Shazam ก็ทำได้ดี แต่การสานต่อตัวละคร Cyborg และ The flash batman กลับเงียบและได้เปลี่ยนนักแสดงอะไรต่างๆเรื่อยๆมาครับ



ก็ต้องบอกว่าเข้าใจทาง Joss ที่รับช่วงต่อ หนังที่ตัวเองไม่ได้ถ่ายและไม่ได้เป็นคนเริ่มอาจจะลำบากและยาก และกดให้อยู่ภายใน 2 ชั่วโมงด้วยแล้ว ผลเลยออกมาเละแบบที่เห็น และ Zack snyder Justice league ก็เริ่มมีความหวังกลับมา หลังจากกระแสมีมานานมากๆหลากหลายปี ว่าอยากเห็นฉบับของ Zack จนในที่สุด ทางค่ายที่เปลี่ยน ผู้บริหารใหม่ ที่มีแนวคิดที่ดีกว่าคนก่อน รวมถึงการควบรวมซื้อของ AT&T ทำให้ค่ายตัดสินใจให้งบ 70ล้านกับ Zack เพื่อสานต่อหนังที่ตัวเองคิดและอยากทำ และ อุทิศเพื่อลูกสาวของตัวเอง รวมถึงให้เวลา 1 ปีกว่าในการสร้างชิ้นงานนี้ พร้อมกับ ถ่ายเสริม เพิ่มอีกเล็กน้อยจนออกมาเป็นหนัง Zack Snyder Justice League แบบ 4 ชั่วโมง แบ่งออกเป็น 6 PART สำหรับแบ่งดู หรือจะดูรวดเดียวจบก็ได้ และ ตอนปิดท้าย ส่งไปยังภาคต่อที่ยังไม่มีแผนสร้าง



ตัวหนังยังคงเค้าโครงเดิม แต่ระหว่างทาง การเล่าเรื่องตัวหนังนั้นสามารถตอบคำถามที่เรา งง เรา ไม่เข้าใจหนังเวอร์ชันก่อนหน้าได้ทั้งหมด รวมถึงเข้าใจตัวละครได้ดีมากขึ้น มีเหตุผลมากขึ้น จุดเปลี่ยนหลายๆอย่างในเรื่องก็สมเหตุผล รวมถึง ตัวร้ายมีมิติมากขึ้นเยอะ ดีขึ้นเยอะในหลายส่วน แต่ก็ต้องบอกว่าเค้าโครงก็เหมือนเดิม แต่มันคือความสมบูรณ์แบบครับ เนื้อเรื่องนั้นเล่าแบบละเอียด ให้เวลาแต่ละตัวละครให้เราได้รู้จัก เข้าใจตั้งแต่เริ่มแรก จนถึงตอนจบ เนื้อเรื่องเลยทำออกมาได้เนียน ไหลลื่น และมีความธรรมชาติมากขึ้น ช่วงแรกจะเน้นปูตัวละคร ไปช่วงหลังถึงจัดเต็ม เนื้อเรื่อง เนื้อหา การเล่าเรื่องเลยไม่ใช่ปัญหาอีกแล้วใน เรื่องนี้ ทำให้เราเข้าใจและมีส่วนร่วมมากขึ้นเยอะจุดนี้ถือว่า Zack เองทำได้ดี ด้วยเวลาเล่าเรื่อง 4 ชั่วโมงเลยทำให้มันเคลียร์ทุกข้อสงสัยไปได้ทั้งหมดเลยจริงๆครับ และยังคงแทรก Easter Egg และ ตัวละครที่แฟนๆ DC หลายๆคนน่าจะชอบกันใส่เข้ามาให้เล็กน้อยในตัวหนังเรื่องนี้  และตัวหนังมีความจริงจัง โหดเลือดสาดเวลาโดนโยน โดนฆ่า และหลายๆฉากบอกเลยว่า ดุดันกำลังดีและสมจริง



นักแสดงนั้นแน่นอนว่าเป็นชุดเดิม การแสดงอะไรต่างๆนั้นดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น ไม่มีมุขตลกแบบฝืดๆของ Joss ใส่เข้ามา แต่มันมีความสดใส และมุขแบบตัวเองที่ไม่ต้องยัดเข้ามามาก ผ่านทางการแสดงและแววตาของแต่ละตัวละครได้ดี ทั้งตัว Henry เอง หรือแม้แต่ ben affleck , Erza , Jason , Gal gadot , และ Ray Fisher เองก็ตามเพราะว่า ตัวหนังมันส่งให้นักแสดงเล่นได้ดีมากขึ้น เข้าขากัน แต่ละตัวละครมี คาแรคเตอร์แตกต่างกันเข้ากันได้ดี ไม่แปลกใจว่านักแสดงหลายๆคนถึงบ่นกันในเวอร์ชันก่อนหน้า โดยเฉพาะ Ray cyborg ของเรานั้นเองครับ ตัวหนังมันคนละเรื่องเลยจริงๆ และนักแสดงรอบนี้คือ เล่นได้ดี เข้าขากัน เป็นธรรมชาติมากครับไม่ได้ตั้งใจให้มันสดใสเกินไป รวมถึง Joker Jared Leto ของเราบอกเลยว่า แสดงแค่ไม่กี่ช่วงของเรื่องนี้ ดีกว่า Suicide Squad จริงๆครับ ฝีมือสุดๆ และ Zack เองดึงในเรื่องนี้ออกมาได้ดี ทำให้ชุดนักแสดงเรื่องนี้เราประทับใจมากขึ้นในหนังเรื่องนี้ การรวมพลังต่อสู้ แบ่งกันสู้ โยนให้แต่ละคนสู้แบ่ง Airtime ของแต่ละตัวละครได้ลงตัวมากๆไม่มีใครเด่นเกินหรือด้อยเกิน



งานภาพ การทำสี อัตราส่วนภาพ และ มุมกล้อง ZACK คือที่สุดของการทำงานภาพแล้ว ทั้งเรื่องของโทนสี ความสวยงาม ความอาร์ตของภาพนั้น ดีขึ้นจากเวอร์ชั่นก่อนแบบจัดเต็ม ภาพโทนหม่นๆแต่ก็สวย CG เนียนตาในตัวละครบ้าง แต่ฉากหลายๆอันอาจจะดูลอยๆครับตามงบของมัน แต่ตัวละคร ตัวร้าย CG เนียนกริ้บมากจริงๆครับ บอกเลยว่างานภาพไม่ผิดหวัง และเทพมากขึ้น แถมใช้งานอัตราส่วนแบบ 4:3 เป็นแนวตั้งแบบจอทีวีสมัยก่อน หรือ คล้าย IMAX 70MM ทำให้มันมีขอบข้างๆเป็นปกตินะครับแต่ถ้าดูในโรงคือเต็มตามากๆแน่นอน และเรื่องของ เสียงเพลงประกอบ แน่นอนว่าดูจริงจัง ดูตื่นเต้นกว่าของ joss เยอะมาก ไม่การ์ตูนแล้ว แต่ก็มีบางช่วงที่แอบขัดๆอยู่บ้างครับ จุดนี้ Junkie XL คนทำเพลงนั้น รู้สึกว่าไม่ได้ดีเหมือนเรื่องก่อนหน้าซักเท่าไร แอบคิดถึง Hans Zimmer เล็กๆครับ



ขอแอบเทียบ สัดส่วนของหนัง และโทนสี และตัวละครตัวร้ายทั้งหมดจะเห็นว่าของ Zack เองนั้นเป็นอัตราส่วนแบบสูง คล้ายกับสี่เหลี่ยมจัตุรัสครับ และโทนภาพมีความหม่นๆ รวมถึงมีเลือด มีฉากนองเลือด แต่ของ Joss เองนั้นตัดหายไปหมดครับไม่มีเลือดแม้แต่หยดเดียว รวมถึงโทนภาพไม่ได้สีสดใสเกินไป และที่สำคัญเลยคือตัวร้ายในภาพแรกนั้น STEPPENWOLF เองคนละเรื่องกับในหนังของ Joss เลยครับ ของ Joss เป็นเหมือนลุงใส่หมวก สีสันสว่าง พูดมาก CG ไม่เนียนเท่าไร แต่พอมาเป็นของ Zack นั้น งานภาพสวย เกราะเท่กว่าเดิม โทนสีแววตาจริงจัง และ ไม่พูดมากแต่มีความโหดเยอะมากๆกว่าเดิม และงานออกแบบนั้นแตกต่างกันแบบคนละขั้ว และมีหลายๆฉากที่ปรับเปลี่ยนไปเยอะ ทั้งมุขตลก การล้มทับกันของ The Flash และอีกหลายๆส่วนได้หายไปหมดในเวอร์ชั่นของ Zack ครับ



ทำให้เรื่องนี้เป็นหนัง ฮีโร่ ที่มีความ อลังการ มีความยิ่งใหญ่ ไม่แพ้อีกค่ายเลยจริงๆ ทั้งการต่อสู้ ฉากต่างๆนั้นบอกเลยว่า Justice League ของ Zack ได้ยกระดับไปอีกขั้นของหนัง ฮีโร่ DC และ คนละขั้วกับเวอร์ชัน 2017 ของ Joss ชัดเจนครับ บอกเลยว่าลืม 2017 ไปให้หมด และให้นับแต่เรื่องนี้เป็นภาคต่อของ BVS จะลงตัวที่สุดครับ Zack ได้เติมเต็มความฝันของ แฟนๆ และทำหนังรวมฮีโร่ออกมาได้ดีมากดีที่สุดของค่ายแล้ว และยิ่งใหญ่มากเรื่องนีง แต่ก็น่าเสียดายว่า ภาคต่อจะมีขึ้นได้หรือไม่ และ จะเดินหน้ายังไงต่อกับจักรวาลนี้ก็ต้องรอดูครับ แต่สำหรับ 4 ชั่วโมง และแฟนๆ หนังฮีโร่ ต้องไม่พลาดจริงๆครับ ดูได้ใน HBO GO เสียแค่ 149 บาทก็ดูได้แล้วครับ ถูกกว่าค่าตั๋วหนังโรงอีกนะ แต่น่าเสียดายว่าแอปนั้นระบบเสียงยังไม่ได้เทพมากเท่าที่ควรครับเป็นแค่ 2.0 เท่านั้นเอง

By Nineztr
ชื่อสินค้า:   Justice League Snyder’s Cut HBO, Justice League Snyder cut
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่