ขอออกตัวก่อนนะครับว่าเราเป็นแฟน Comic ทั้ง 2 ค่ายเลย (แต่ใจจิงๆเราชอบ Comic ค่าย DC มากกว่านะ เราชอบ หัว Joker Asylum และ พวก Lantern ทั้งหลาย โดยเฉพาะ Red lantern เนื้อเรื่องมันบ้าดี ) และเราก็ดูหนังทั้งจักรวาล MCU และ DCEU และเราก็อยากให้ทั้ง 2 ค่ายทำ หนังดีๆออกมาแข่งกัน ได้อย่างสนุกสนาน มีเกทับอีกค่ายกันบ้างมีเหน็บและแซวกันบ้าง แต่ก็ขำๆ (อารมณ์ประมาณเด็กผีกับหงส์แดงแหละมั้ง)
และเนื่องมาจากที่เราเห็นๆกันอยู่ว่า JL เป็นยังไง อันนี้ไม่ขอพูดละกัน แต่ได้ไปอ่านบทความนี้มาเลย เอามาให้เพื่อนๆในนี้อ่านดูกัน
ไม่อยากให้ดราม่า ด่ากันทั้ง 2 ค่ายนะ อ่านดูกันก่อนนะครับ Credit จาก เพจ DC Universe Club
https://www.facebook.com/DcUniverseClub/photos/a.365757260164449.81960.365663896840452/1743392192400942/?type=3&theater
กลายเป็นดราม่าเคล้าน้ำตาสำหรับแฟน DC ที่เชียร์หนังเรื่องนี้จริงๆ ที่นอกจากรายได้ยังไม่เข้าเป้า ที่อาจส่งผลถึงอนาคตต่อไปของหนัง DC ยังมีข้อถกเถียงที่ไม่รู้จักจบถึงปัญหาหลังฉากของหนัง #JusticeLeague
.
เรารู้กันว่าดราม่านี้มีมาตั้งแต่ Batman v Superman และมันก็เกิดขึ้นอีกครั้งใน Justice League ทาง The Wrap จึงรวบรวมสิ่งที่เกิดขึ้นจากแหล่งข่าวของพวกเขาที่เชื่อถือได้ถึงบทสรุปการยุ่งเหยิง จนกลายเป็นสิ่งที่พวกเราต้องยอมรับ
.
เรื่องเริ่มต้นขึ้นมาจาก Effect ของ BvS แน่นอนว่าผลตอบรับมันไม่ได้เป็นเหมือนกับที่ Warner หวังไว้ทั้งรายรับที่ควรจะได้มากกว่านี้ ทั้งๆที่ 2 ตัวละครฮีโร่ที่ยิ่งใหญ่ 2 ตัวมาเจอกันครั้งแรก และเสียงตอบรับจากนักวิจารณ์ที่ไม่ดีนัก
.
ในช่วงเดือนเมษายนปี 2016 หลังจาก BvS ออกฉายและ Justice League กำลังเริ่มถ่ายทำ ผู้บริหาร Warner บางส่วนต้องการไล่ Zack Snyder ออกจากโครงการนี้ พวกเขาเสนอเรื่องไปยังประธานในตอนนั้น Greg Silverman ให้ถอด Zack ออก รายงานระบุว่า Greg Silverman ค่อนข้างต่อว่า Zack อย่างรุนแรง แต่หนังก็ใกล้จะถ่ายทำไปทุกที คนที่ให้ Zack ยังอยู่คือใครรู้มั้ยครับ คือ Kevin Tsujihara ที่โดนด่าอยู่นั่นเองและเพื่อให้ Warner ได้ดูแลหนังอย่างใกล้ชิดพวกเขาจึงส่ง Jon Berg ที่ตอนนี้โปรดิ๊วหนังกับ Geoff Johns ไปดูแลงายถ่ายที่กอง (ซึ่งในตอน MoS และ BvS พวกเขาปล่อยให้ Zack ได้ทำอย่างอิสระ)
.
จนช่วงต้นปี 2017 ทาง Warner ก็ได้ชวน Joss Whedon มาทำ Justice League เพื่อปรับโทนหนังให้สดใดและสนุกขึ้น และดันประจวบเหมาะพอดีที่ลูกสาว Zack เสียชีวิต และตอนนั้น Zack คิดว่าการทำงานน่าจะทำให้เขาลืมความเจ็บปวดไปได้ แต่มันไม่ได้เป็นแบบนั้นครับเพราะเขาต้องทำงานภายใต้ความกดดันของ Warner ที่ต้องการเปลี่ยนหนังให้
สว่างขึ้น สุดท้ายก็ต้องถอนตัว ซึ่งทำให้ทีมงานหนังของ Warner มีแรงกดดันเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งแหล่งข่าวถึงกับพูดว่า "หนังเรื่องนี้อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีทางจะดีขึ้นเลย"
.
จากนั้นพวกเขาก็เริ่มถ่ายซ่อม โดยส่วนใหญ่เป็นฉาก Superman และดันเจอปัญหาอีกเพราะ Henry Cavill เซ็นสัญญาเล่นหนัง Mission Impossible 6 กับ Paramount และห้ามโกนหนวดของเขาออก Warner จึงตัดสินใจใช้ CG ในการลบหนวด (ซึ่งทีมงาน VFX รู้ว่าต้องลบหนวดถึงกับพูดว่า "อะไรว่ะเนี่ย!") การฉายหนังใกล้เข้ามาทุกทีการแก้ปัญหาเดียวที่จะช่วยได้คือเลื่อนหนังออกไปฉายปีหน้า แต่..... AT&T และ Warner กำลังจะรวมบริษัทจากการซื้อขายมูลค่า 85 พันล้านเหรียญ ซึ่งเป็นการควบรวมกิจการสื่อสารและสื่อบันเทิงครั้งใหญ่ของอเมริกา ทาง Warner ต้องการให้การรวมเสร็จภายในสิ้นปีนี้ครับ แหล่งข่าวที่นึงบอกว่า Kevin Tsujihara และ Toby Emmerich ประธานฝ่ายหนัง ต้องการผลักดันให้หนังเรื่องนี้ฉายทันปีนี้เพื่อจะได้รับ โบนัส ก่อนจะเกิดการรวมบริษัทขึ้น หากหนังเลื่อนไปปีหน้าพวกเขาจะไม่ได้รับโบนัสดังกล่าว และทั้งคู่อาจจะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งแล้ว
.
ต้องบอกว่าสิ่งสำคัญที่ทำให้เรื่องนี้มีปัญหาก็คือผลกระทบจาก BvS ที่ทำให้ทาง Warner น่าจะหมดศรัทธากับ Zack Snyder เพราะเขาได้รับโอกาสมา 2 ครั้งแล้วครับ ตอน BvS ค่ายก็ยอมเลื่อนหนังออกให้ 1 ปีเพื่อให้ Zack ได้ไปวางแผนโครงสร้างหนัง DC แต่ผลออกมามันไม่ได้ตามที่พวกเขาต้องการ ซึ่งความผิดส่วนหนึ่งก็ของ Zack ด้วย และมันก็มีเรื่องผลประโยชน์มาเกี่ยวข้องด้วยที่ค่าย "พยายาม" ทำให้หนังออกมาถูกใจคนส่วนใหญ่ แต่ความพยายามของค่ายก็รู้สึกได้ถึงแต่ความลนลานและขาดแผนการระยะยาวครับ ไม่ว่าทางค่ายจะปล่อย Zack Cut หรือ Director Cut ของ Justice League ออกมารึไม่ ความจริงที่เราต้องยอมรับคือ ยุคของ Zack Snyder น่าจะจบลงตรงนี้ และแฟนก็มองถึงอนาคตที่เราหวังว่าทุกอย่างมันจะดีขึ้นครับ
อ่านจบแล้วผมพูดได้คำเดียวจากใจพมแด่ ผู้บริหาร WB เลยนะ ไอ้ เหี้ยม no ม
หวังอยากขายของเกินไปหรือเปล่า และเรื่องโบนัสนี่บอกตามตรงเลยนะ รับไม่ได้จิงๆ เฮ้ออออ ไม่อยาก Compare กับ Disney หรือ ว่า Marvel แต่อย่างใดนะ
แต่อยากให้คุณลองคิดดูดีๆ นะ Marvel นี่
โคตรล้มลุกคลุกคลานมากๆเลยนะ กว่าจะมาถึงจุดที่ Disney มาซื้อไปและทำแผนโปรโมตโดยไม่เข้าไปยุ่ยย่ามมากมาย ปล่อยให้เค้าทำไป และสุดท้ายมันก็ผลิตดอกออกผลมา ให้อย่างที่มันมาถึงจุดของ infinity war เนี่ยแหละ
DC มีวัตถุและของดีมากๆอยู่ในมืออยู่แล้วแต่ก็นะ WB แท้ๆ เลย จักรวาล Monster Universe จักรวาล Harry จักรวาล Lord คุณทำออกมาโคตรดี
ทำไมคุณต้องมายุ่มยามหน้าเงินกับ จักรวาล DC ด้วยไม่เข้าใจเลยจิง
นึกถึงประโยคใน ironman 1 ตอนด่า นักวิทยาศาสตร์ ที่เร่งสร้างเตาปฏิกรณ์ ว่า โทนี่สร้างเกราะและเตาปฏิกรณ์ในถ้ำและไม่มีของอะไรเลย
แล้วเจอนักวิยาศาสตร์สวนว่า "ขอโทษนะครับ ผมไม่ใช่ โทนี่ สตาร์ค"
ถ้าใครตามเรื่องเบื้องหลัง ของ marvel ที่ไปกู้เงิน ทุ่มหมดหน้าตัก สร้าง ironman โดยเอาเดิมพันบริษัทไว้เลย ว่าหนังต้องปัง
แล้วให้ ป๋า แฟร์โร กำกับโดยการไปดึงเอานักแสดงอยู่ในช่วงขาลงที่มีข่าวพัวพันยาเสพย์ติด(ในตอนนั้น) อย่าง RDJ มาเล่น
และอย่างที่เราเห็นน่ะแหละ เค้าใช้เวลา เค้าเดิมพันด้วยอะไรหลายๆอย่าง แต่นี่คุณแทบไม่ต้องทำอะไรเลยแต่คุณกลับมาทำตัวแบบนี้ เฮ้อออ
เพื่อนๆอ่านข่าวนี้แล้วคิดยังไงกันมั่งครับ มาคุยกัน
จากใจคนชอบทั้ง DC และ Marvel เท่าๆกัน และอยากดูหนังดีๆ
<สรุปเรื่องราวดราม่าของ จักรวาล DC >
และเนื่องมาจากที่เราเห็นๆกันอยู่ว่า JL เป็นยังไง อันนี้ไม่ขอพูดละกัน แต่ได้ไปอ่านบทความนี้มาเลย เอามาให้เพื่อนๆในนี้อ่านดูกัน
ไม่อยากให้ดราม่า ด่ากันทั้ง 2 ค่ายนะ อ่านดูกันก่อนนะครับ Credit จาก เพจ DC Universe Club
https://www.facebook.com/DcUniverseClub/photos/a.365757260164449.81960.365663896840452/1743392192400942/?type=3&theater
กลายเป็นดราม่าเคล้าน้ำตาสำหรับแฟน DC ที่เชียร์หนังเรื่องนี้จริงๆ ที่นอกจากรายได้ยังไม่เข้าเป้า ที่อาจส่งผลถึงอนาคตต่อไปของหนัง DC ยังมีข้อถกเถียงที่ไม่รู้จักจบถึงปัญหาหลังฉากของหนัง #JusticeLeague
.
เรารู้กันว่าดราม่านี้มีมาตั้งแต่ Batman v Superman และมันก็เกิดขึ้นอีกครั้งใน Justice League ทาง The Wrap จึงรวบรวมสิ่งที่เกิดขึ้นจากแหล่งข่าวของพวกเขาที่เชื่อถือได้ถึงบทสรุปการยุ่งเหยิง จนกลายเป็นสิ่งที่พวกเราต้องยอมรับ
.
เรื่องเริ่มต้นขึ้นมาจาก Effect ของ BvS แน่นอนว่าผลตอบรับมันไม่ได้เป็นเหมือนกับที่ Warner หวังไว้ทั้งรายรับที่ควรจะได้มากกว่านี้ ทั้งๆที่ 2 ตัวละครฮีโร่ที่ยิ่งใหญ่ 2 ตัวมาเจอกันครั้งแรก และเสียงตอบรับจากนักวิจารณ์ที่ไม่ดีนัก
.
ในช่วงเดือนเมษายนปี 2016 หลังจาก BvS ออกฉายและ Justice League กำลังเริ่มถ่ายทำ ผู้บริหาร Warner บางส่วนต้องการไล่ Zack Snyder ออกจากโครงการนี้ พวกเขาเสนอเรื่องไปยังประธานในตอนนั้น Greg Silverman ให้ถอด Zack ออก รายงานระบุว่า Greg Silverman ค่อนข้างต่อว่า Zack อย่างรุนแรง แต่หนังก็ใกล้จะถ่ายทำไปทุกที คนที่ให้ Zack ยังอยู่คือใครรู้มั้ยครับ คือ Kevin Tsujihara ที่โดนด่าอยู่นั่นเองและเพื่อให้ Warner ได้ดูแลหนังอย่างใกล้ชิดพวกเขาจึงส่ง Jon Berg ที่ตอนนี้โปรดิ๊วหนังกับ Geoff Johns ไปดูแลงายถ่ายที่กอง (ซึ่งในตอน MoS และ BvS พวกเขาปล่อยให้ Zack ได้ทำอย่างอิสระ)
.
จนช่วงต้นปี 2017 ทาง Warner ก็ได้ชวน Joss Whedon มาทำ Justice League เพื่อปรับโทนหนังให้สดใดและสนุกขึ้น และดันประจวบเหมาะพอดีที่ลูกสาว Zack เสียชีวิต และตอนนั้น Zack คิดว่าการทำงานน่าจะทำให้เขาลืมความเจ็บปวดไปได้ แต่มันไม่ได้เป็นแบบนั้นครับเพราะเขาต้องทำงานภายใต้ความกดดันของ Warner ที่ต้องการเปลี่ยนหนังให้
สว่างขึ้น สุดท้ายก็ต้องถอนตัว ซึ่งทำให้ทีมงานหนังของ Warner มีแรงกดดันเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งแหล่งข่าวถึงกับพูดว่า "หนังเรื่องนี้อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีทางจะดีขึ้นเลย"
.
จากนั้นพวกเขาก็เริ่มถ่ายซ่อม โดยส่วนใหญ่เป็นฉาก Superman และดันเจอปัญหาอีกเพราะ Henry Cavill เซ็นสัญญาเล่นหนัง Mission Impossible 6 กับ Paramount และห้ามโกนหนวดของเขาออก Warner จึงตัดสินใจใช้ CG ในการลบหนวด (ซึ่งทีมงาน VFX รู้ว่าต้องลบหนวดถึงกับพูดว่า "อะไรว่ะเนี่ย!") การฉายหนังใกล้เข้ามาทุกทีการแก้ปัญหาเดียวที่จะช่วยได้คือเลื่อนหนังออกไปฉายปีหน้า แต่..... AT&T และ Warner กำลังจะรวมบริษัทจากการซื้อขายมูลค่า 85 พันล้านเหรียญ ซึ่งเป็นการควบรวมกิจการสื่อสารและสื่อบันเทิงครั้งใหญ่ของอเมริกา ทาง Warner ต้องการให้การรวมเสร็จภายในสิ้นปีนี้ครับ แหล่งข่าวที่นึงบอกว่า Kevin Tsujihara และ Toby Emmerich ประธานฝ่ายหนัง ต้องการผลักดันให้หนังเรื่องนี้ฉายทันปีนี้เพื่อจะได้รับ โบนัส ก่อนจะเกิดการรวมบริษัทขึ้น หากหนังเลื่อนไปปีหน้าพวกเขาจะไม่ได้รับโบนัสดังกล่าว และทั้งคู่อาจจะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งแล้ว
.
ต้องบอกว่าสิ่งสำคัญที่ทำให้เรื่องนี้มีปัญหาก็คือผลกระทบจาก BvS ที่ทำให้ทาง Warner น่าจะหมดศรัทธากับ Zack Snyder เพราะเขาได้รับโอกาสมา 2 ครั้งแล้วครับ ตอน BvS ค่ายก็ยอมเลื่อนหนังออกให้ 1 ปีเพื่อให้ Zack ได้ไปวางแผนโครงสร้างหนัง DC แต่ผลออกมามันไม่ได้ตามที่พวกเขาต้องการ ซึ่งความผิดส่วนหนึ่งก็ของ Zack ด้วย และมันก็มีเรื่องผลประโยชน์มาเกี่ยวข้องด้วยที่ค่าย "พยายาม" ทำให้หนังออกมาถูกใจคนส่วนใหญ่ แต่ความพยายามของค่ายก็รู้สึกได้ถึงแต่ความลนลานและขาดแผนการระยะยาวครับ ไม่ว่าทางค่ายจะปล่อย Zack Cut หรือ Director Cut ของ Justice League ออกมารึไม่ ความจริงที่เราต้องยอมรับคือ ยุคของ Zack Snyder น่าจะจบลงตรงนี้ และแฟนก็มองถึงอนาคตที่เราหวังว่าทุกอย่างมันจะดีขึ้นครับ
อ่านจบแล้วผมพูดได้คำเดียวจากใจพมแด่ ผู้บริหาร WB เลยนะ ไอ้ เหี้ยม no ม
หวังอยากขายของเกินไปหรือเปล่า และเรื่องโบนัสนี่บอกตามตรงเลยนะ รับไม่ได้จิงๆ เฮ้ออออ ไม่อยาก Compare กับ Disney หรือ ว่า Marvel แต่อย่างใดนะ
แต่อยากให้คุณลองคิดดูดีๆ นะ Marvel นี่โคตรล้มลุกคลุกคลานมากๆเลยนะ กว่าจะมาถึงจุดที่ Disney มาซื้อไปและทำแผนโปรโมตโดยไม่เข้าไปยุ่ยย่ามมากมาย ปล่อยให้เค้าทำไป และสุดท้ายมันก็ผลิตดอกออกผลมา ให้อย่างที่มันมาถึงจุดของ infinity war เนี่ยแหละ
DC มีวัตถุและของดีมากๆอยู่ในมืออยู่แล้วแต่ก็นะ WB แท้ๆ เลย จักรวาล Monster Universe จักรวาล Harry จักรวาล Lord คุณทำออกมาโคตรดี
ทำไมคุณต้องมายุ่มยามหน้าเงินกับ จักรวาล DC ด้วยไม่เข้าใจเลยจิง
นึกถึงประโยคใน ironman 1 ตอนด่า นักวิทยาศาสตร์ ที่เร่งสร้างเตาปฏิกรณ์ ว่า โทนี่สร้างเกราะและเตาปฏิกรณ์ในถ้ำและไม่มีของอะไรเลย
แล้วเจอนักวิยาศาสตร์สวนว่า "ขอโทษนะครับ ผมไม่ใช่ โทนี่ สตาร์ค"
ถ้าใครตามเรื่องเบื้องหลัง ของ marvel ที่ไปกู้เงิน ทุ่มหมดหน้าตัก สร้าง ironman โดยเอาเดิมพันบริษัทไว้เลย ว่าหนังต้องปัง
แล้วให้ ป๋า แฟร์โร กำกับโดยการไปดึงเอานักแสดงอยู่ในช่วงขาลงที่มีข่าวพัวพันยาเสพย์ติด(ในตอนนั้น) อย่าง RDJ มาเล่น
และอย่างที่เราเห็นน่ะแหละ เค้าใช้เวลา เค้าเดิมพันด้วยอะไรหลายๆอย่าง แต่นี่คุณแทบไม่ต้องทำอะไรเลยแต่คุณกลับมาทำตัวแบบนี้ เฮ้อออ
เพื่อนๆอ่านข่าวนี้แล้วคิดยังไงกันมั่งครับ มาคุยกัน
จากใจคนชอบทั้ง DC และ Marvel เท่าๆกัน และอยากดูหนังดีๆ