เรื่องคือ ฟังข่าว แม่19 ครรภ์เป็นพิษแล้วหมอขูดมดลูก ผ่านไป2เดือนยังตั้งครรภ์อยู่ คือเราอยากรู้ว่าถ้าเจอการทำงานแย่ๆของคนๆนึง เราต้องรู้สึกยังไง??!!
คือ เวลาได้ฟังข่าวแนวแบบนี้แล้วเราจะรู้สึกจุกอกทุกครั้งที่ฟัง เพราะมันคือความคับแค้นใจและอัดอั้นมากในระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา พอได้ยินหรือฟังอะไรแบบนี้ความโกรธคือพุ่งระดับ10เลย
เกริ่นก่อนนะคะว่าเรื่องนี้ผ่านมา5ปีแล้ว
จะว่าเราระบายความในใจก็ระบายความในใจจริงๆแหละค่ะ เพราะเรื่องแนวนี้ก็เคยเกิดขึ้นกับเรามาแล้ว
และ บางคนต้องสูญเสียเด็กตัวน้อยๆที่เค้าเฝ้ารอ
เพียงเพราะการทำงานห่วยๆ ของทีมแพทย์บางคนที่ยังไม่มีประสบการณ์มากพอ!!!!
เริ่มเรื่องเลยนะคะ
เหตุการณ์เกิดจากว่า เรามีอาการปวดท้องมาก และปวดแปลกๆที่ท้องน้อยข้างขวา + กับประจำเดือนขาด ก็เลยให้แฟนไปซื้อที่ตรวจครรภ์มา สรุปผลการตรวจขึ้น2ขีดสรุปว่าตั้งครรภ์ค่ะ คืนนั้นไม่รอช้าเรากลัวจะเป็นอะไรเพราะปวดมาก่อนหน้านั้นหลายวันแล้ว เลยให้แฟนพาไปรพ.(โรงพยาบาลรัฐนะคะ) ถึงรพ.ก็เที่ยงคืนแล้วไปถึงเข้าห้องฉุกเฉิน หมอก็ซักประวัติปกติ และเอาเราไปตรวจปัสวะ เจาะเลือด นอนรอผล1ชม. ผลบอกว่ามีการตั้งครรภ์ ให้เรารอหมอเฉพาะทางมาเพื่อวินิจฉัย ด้วยความว่าโรงพยาบาลรัฐตอนกลางคืนจะไม่มีหมอใหญ่ก็จะมีแค่นศ.แพทย์(ไม่แน่ใจเรียกถูกมั้ย)รอหมอซักพักหลังผลออก ก็มีหมอมา2คนที่เตียง ซักประวัติเรา แล้วก็ยังไม่ได้ข้อสรุป บอกให้เช้ามาใหม่เพื่อจะได้ตรวจละเอียดกว่านี้ นอนให้น้ำเกลือจนหมดแล้วตี4ก็กลับบ้าน ด้วยความอดนอนเราไม่ไหวเพราะต้องมาก่อน8โมง จะให้รอก็คือไม่ไหวแล้วเลยกลับบ้านไป เช้าวันนั้นช่วงบ่ายๆก็เลยไปหาหมอที่รพ.เอกชนแทน(ใจเราก็ยังคิดว่าไม่เป็นไรมาก) พอไปถึงคุณหมอซักประวัติ และเอาเราไปซาวด์ช่องคลอดเนื่องจากอายุครรภ์อ่อนมาก 2เดือน ซาวด์ผ่านหน้าท้องยังไม่ได้ คุณหมอเอกชนแจ้งว่า “เห็นมีก้อนคล้ายตัวอ่อน2ตัวอยู่ในท้อง 1ตัวอยู่ในถุงตั้งครรภ์ และอีก1ตัวอยู่ด้านนอก” ซึ่งหมอก็บอกแล้วว่าไม่แน่ใจนะว่าเป็นการตั้งครรภ์หลอกรึป่าว หรืออาจจะเป็นแค่ก้อนอะไรก็ได้ หมอของเอกชนเลยขอให้นอนรพ.เพื่อวินิฉัยดูอาการต่อใช้เวลาอาจจะหลายวัน และหากต้องผ่าตัดค่าใช้จ่ายสูงคนไข้โอเคมั้ย เราไม่พร้อมค่ะ เราเลยแจ้งคุณหมอว่างั้นขอไปรักษาต่อที่รพ.รัฐที่ใช้สิทธินะคะ หมอก็เขียนใบส่งตัวไปให้หมอของรพ.ที่เราจะไปใช้สิทธิต่อ แล้ววันนั้นเราก็ไปรพ.รัฐที่เดิมต่อเลย
มะกี้เกริ่นค่ะ ขอเข้าเรื่องที่เราจะขอระบายเลยนะคะ
ไปถึงก็เจอนศ.แพทย์(ขอเรียกว่ากลุ่มที่1) นางก็ซักประวัติเรา เจาะเลือดเราเสร็จ ก็ขอให้แอดมิท เราก็โอเคคิดว่าไม่มีอะไรเพราะที่เอกชนก็เกริ่นไว้ก่อนแล้วต้องแอดมิท วันแรกเอาเราขึ้นไป ก็จับเราเปลี่นชุดและเรียกเราไปซาวด์ อยู่ในห้องซาวด์เกือบชั่วโมง ใส่เครื่องมือผ่านช่องคลอดดูอยู่แบบนั้น แล้วก็คุยกันว่าเป็นอะไรกันแน่ ทั้งนศ.ผู้ชายผู้หญิง5-6คนอยู่ในห้อง ทำเหมือนเราเป็นหุ่นทดลองอะไรซักอย่าง นางก็คุยกันอย่างสบายใจ ไม่ใยดีเราเลย อายก็อาย ทรมานก็ทรมาน และจนได้ข้อวินิจฉัยมาว่า ตั้งครรภ์นอกมดลูก มีตัวอ่อน2ตัวจริงๆตามที่หมอรพ.เอกชนสงสัย ส่วนที่อยู่ในถุงตั้งครรภ์คือ”ตัวหลอก”ไม่มีชีวิตจ้าาา
แล้วก็บอกว่า”พรุ่งนี้หมอจะทำการผ่าตัดด่วน!!!นะคะ” เรียกพยาบาลมาพาเราไปเตรียมตัวผ่าตัด ใส่สายน้ำเกลือ สั่งงดน้ำ งดอาหาร ละก็เอาเราไปเตรียมตัวจนเรียบร้อย พอเช้าวันต่อมา หมอมาปุ๊บ เราก็แบบอ่าวไม่ใช่กลุ่มเดิมหนิ เค้าก็แจ้งว่าพอดีพี่ๆกลุ่มนั้นไปประจำต่อที่อื่น หมอจะมาแทนนะคะ ก็ซักประวัติเราใหม่อีก ถามคนไข้มีอาการยังไงบ้างตอนนี้บลาๆ เราก็ตอบไปเสร็จ
นศ.แพทย์กลุ่มที่2 ขอเจาะเลือดไปวินิฉัยใหม่
เพราะพึ่งมารับเคสต่อ และการผ่าตัดที่จะเกิดขึ้นก็ยุติไป นศ.แพทย์กลุ่มที่2ก็ทำการรักษาเรา ให้เราอยู่รพ.5วันเต็มๆ ในระยะเวลา5วัน เจาะเลือดเราเกือบทุกชั่วโมง เจาะจนตัวพรุนคือเจาะจนไม่มีที่ให้เจาะ เราเลยถามว่าเจาะทำไมบ่อยๆ คำตอบคือ ”เพื่อขอดูว่าค่าเลือดยังขึ้นต่อเนื่องมั้ยหากขึ้นต่อเนื่องคือเรายังตั้งครรภ์อยู่” เราก็แบบอ่าว!!! กลุ่มที่1 บอกแท้งแล้วสรุปคือยังไงเริ่มงง แล้วคือปล่อยให้นอนร้องไห้เสียใจตั้งหลายคืน
แต่ที่ทรมานที่สุดในการรักษาคือ จับเราอดข้าวอดน้ำ 3คืนติดกันจนเราทนไม่ไหวแบบน้ำเกลือก็ช่วยอะไรไม่ได้ ต้องร้องขอว่าขอเรากินข้าวเถอะ ถึงยอมให้กิน วันถัดมาก็แจ้งเราว่า “ยังมีการตั้งครรภ์อยู่ให้กลับบ้านไปก่อนหมอขอดูอาการไปเรื่อยๆเพราะคนไข้ไม่มีอาการตกเลือดและค่าเลือดยังขึ้นอยู่เรื่อยๆ”
และขอให้มาใหม่ตามนัด มีเขียนใบวินิจฉัยว่า “แท้ง + ตั้งครรภ์ “เรากับแม่อ่านแล้วก็งงว่าคืออะไรกันแน่!!!
ถึงจะงงแต่เราก็ไปตามนัดค่ะ หลังจากนั้น1อาทิตย์ ไปตามนัดปกติ ก็อ่าวอีกตามเคยเปลี่ยนกลุ่มใหม่อีกแล้ว
นศ.กลุ่มที่3 มารับช่วงต่อ ขอเจาะเลือด และขอให้แอดมิทใส่สายน้ำเกลืออีกเช่นเคย (เห้อ!!!มันวนอยู่แบบเดิม) นอนเหมือนเดิม2คืนผ่านไปข้อสรุปก็ยังไม่ชัดเจน จนนศ.กลุ่มที่3ก็คงจนมุมจริงๆ เพราะกลุ่มแรก วินิฉัยว่า ท้องนอกมดลูก ต้องผ่าตัด พอมากลุ่มที่2 ก็ขอดูอาการเพราะเลือดยังบอกว่ามีการตั้งครรภ์อยู่ แต่ที่เราฟังมาทั้งหมด กลุ่มที่2และ3 วินิฉัยไปตามกันมากที่สุด
และที่อ่านมาหลายคนก็คงคิดใช่มั้ยว่าหมอใหญ่หรืออาจารย์หมอไปไหนกันหมด ใช่ค่ะทั้งหมดนี้ไม่มีอาจารย์หมอขึ้นมาดูเลยซักคนเดียว และเราเห็นนศ.ไปปรึกษาก็เหมือนให้การบ้านกลับมาทำกันเอง
ต่อนะคะ พอ นศ.แพทย์กลุ่มที่3 จนมุม ก็คงไปปรึกษาอาจารย์ และอาจารย์ก็คงคิดว่าเคสเราใช้เวลานานเกินไปไม่มีข้อสรุปซักที ก็เลยพากันขึ้นมาทั้งแผนก ประมาณ10คน มายืนรอบเตียงเรา พยาบาล,คนไข้ รวมถึงเรา งงกันเป็นแถวๆ ในใจเราแบบจิตตก
“เห้ย!!! เคสเรามันอัตรายขนาดนั้นเลยหรอ??? “
(ด้วยความว่าเราขอย้ายห้องเดี่ยวและหมอไม่ให้ไปกลัวรักษาไม่ทันเพราะถ้าช็อกหรือเป็นอะไรหมอจะขึ้นไปไม่ทัน มันก็เลยมีเสียงกรอกหูจากพยาบาลบอกว่าท้องนอกมดลูกอันตรายบลาๆ)
แล้วนศ.แพทย์เข้ามา อาจารย์มาครบ!! ก็เข้าที่ประชุม โดยมีเรานอนอยู่ตรงกลาง และหมอล้อมรอบเตียง หัวเตียงมีนศ.แพทย์ยืนอยู่3คน คนนึงถือแฟ้มประวัติ และ คนนึงถือสมุดพร้อมจดรายงานร่างยาว3หน้ากระดาษ และหมอใหญ่ก็เริ่มการประชุม นศ.แพทย์ก็เริ่มรายงานว่า เรามีประวัติปวดท้องน้อย และน่าจะมีการตั้งครรภ์นอกมดลูก มีตัวอ่อน2ตัว คนไข้มีค่าเลือดที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ไม่มีเลือดไหลออกจากช่องคลอด บลาๆ (อันนี้เท่าที่จำได้นะคะเพราะส่วนใหญ่เป็นศัพท์แพทย์แปลไม่ออก)
และการรายงานก็โยงไปโยงมา จนอาจารย์หมอเริ่มงง และมีหมอท่านนึงตะโกนใส่ว่า “พอ!!! ให้เขียนรายงานมาก็เขียนไม่รู้เรื่อง อธิบายก็ไม่เข้าใจ” และดึงแฟ้มประวัติไปเปิดอ่าน และก็ต่อว่าเป็นพักๆ
มีคำต่อว่านึงที่มาจากปากหมอแบบจำขึ้นใจเลย
“ถ้าเค้าฟ้องร้อง พวกเธอมีปัญญาชดใช้เค้ามั้ย”
จนนศ.แพทย์ที่อ่านรายงาน ยืนร้องไห้ไปเลย หลังจากนั้นอาจารย์ท่านอื่นก็เข้ามาช่วยกันดูใบซาวด์ และ ประวัติ และยืนคุยกันซักพักนึง อาจารย์หมอผญ.ก็ให้ข้อสรุปเรากลับมาว่า “หมอคิดว่าตั้งครรภ์ต่อไปได้ตัวอ่อนมีชีวิต หมอจะปล่อยไว้แบบนี้ และตรงส่วนก้อนเนื้อที่อยู่นอกถุงตั้งครรภ์มันคงจะสลายไปได้เอง” และให้ตัวเลือกเราว่า หรือจะผ่าตัดส่องกล้องไปดูก็ได้ถ้าเราอยากรู้ว่าเป็นไร หมอก็ยินดีจะทำให้แต่เด็กมี%แท้งสูง เราโอเคมั้ย??? ด้วยความเป็นแม่ เราตอบแบบมั่นใจเลยว่าเราจะขอตั้งครรภ์ต่อ
หมอก็บอกว่าโอเค หมอจะนัดมาดูอีกทีนะ งั้นวันนี้ช่วงบ่ายหมอให้ทำเรื่องกลับบ้าน แล้วเราก็กลับบ้านมาวันนั้น ด้วยอาการปวดท้องน้อยนิดหน่อยและก็ลืมถามหมอไปเลยว่าปวดท้องมาจากอะไร เพราะเครียดมากที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร เราร้องไห้เกือบทุกคืนจนลืมเจ็บไปเลย (แต่มาอ่านเจอเค้าบอกว่าอาจจะเพราะมดลูกขยายเลยปวดท้องน้อยได้) ยอมรับตามตรงว่าเครียดมากกลัวลูกไม่แข็งแรงบ้าง อะไรบ้าง ต่างๆนานา
เพราะมีการซาวด์ตลอด ทุกวัน ก็จิตตกสุดๆ
จนวันนัด เราไปตามนัดอีกค่ะ ก้อนที่บอกเราท้องนอกมดลูกหายไป หมอบอกว่าปกติไม่เห็นมีอะไรเลย และเด็กแข็งแรงพร้อมให้ฟังเสียงหัวใจ และหมอแนะนำให้ไปฝากครรภ์ตามปกติ เพราะอายุครรภ์4เดือนแล้ว แถมวันนั้นที่ไปตรวจก็ทราบเพศเลย เพราะลูกโชว์ให้ดูเต็มๆ เป็นวันที่รู้สึกโล่งใจที่สุด
พอหลังจากนั้นเราก็ย้ายรพ.ไปฝากครรภ์ตามปกติ
และกลับมาคลอดฉุกเฉินที่รพ.เดิม
แต่อันนี้ก็ข้องใจอีก คือ รพ.เก็บสมุดฝากครรภ์ที่ฝากจากที่อื่นไปและเปลี่ยนเล่มใหม่บอกเป็นประวัติคนไข้ จะเก็บไว้ในแฟ้มแต่ทุกครั้งที่ไปหาหมอเราไม่เห็นสมุดเล่มนั้นอีกเลยไม่ทราบว่าเก็บไว้ที่ไหนกันแน่ เชื่อมั้ยเราเสียเงินซาวด์ ก็อยากเก็บใบซาวด์ไว้ให้ลูกดูตอนโตก็ไม่มีให้เก็บไว้ซักใบเพราะรพ.เก็บสมุดไปทุกอย่างอยู่ในนั้นหมด และปัจจุบันลูกเราอายุ4ขวบกว่าๆแล้ว ร่างกายปกติ แข็งแรงดี ตามวัยหมด
จริงๆเราเคยต้องการจะเอาเรื่องนะคะ แบบอยากเอาเรื่องให้ถึงที่สุดกับนักศึกษาแพทย์กลุ่มแรกที่ด่วนวินิจฉัยด่วนสรุปจนทำให้เราเกือบต้องเสียลูก แต่เอกสารรพ.เก็บไปหมด แม้แต่ชื่อหมอยังไม่รู้เลย คือเราไม่มีอะไรที่จะเอาเรื่องเค้าได้เลย และที่จะเอาเรื่องเราไม่ต้องการเงินนะคะ แค่ไม่อยากให้เค้าไปทำงานผิดพลาดแบบนี้กับใครอีก เพราะนั่นมันคือ1ชีวิตเลย
ทุกวันนี้เราฝังใจกับเรื่องมากๆ ตลอด5ปีกว่าบอกตรงๆเราไม่เคยลืมเลย ทุกครั้งที่นึกถึงเรารู้สึกโกรธและแค้นใจทุกครั้ง
เราเลยอยากจะฝากบอกนศ.แพทย์บางท่านที่ต้อง
รักษาคนไข้นะคะ ถ้าอะไรรู้สึกว่ามันไม่ชัวร์ ควรไปถามอาจารย์ที่ปรึกษาก่อนหรือเรียกอาจารย์มาดูหน่อยมั้ย ไม่ใช่ด่วนสรุปกันเอง แล้วคิดจะทำอะไรก็ทำกับคนไข้ได้เลย บางทีสิ่งที่คุณวินิจฉัยมันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เป็นก็ได้ เราเกือบต้องเสียเด็กไปคนนึงเพียงเพราะคุณวินิจฉัยผิดพลาด เพียงเพราะคุณคิดกันเองโดยไม่ถามผู้ใหญ่ เราไม่ทราบว่าคุณรู้รึป่าวหลังจากที่คุณย้ายที่ไปมันเกิดไรขึ้นบ้าง และแม้แต่คำขอโทษสักคำเรายังไม่รู้จะไปหาได้ไหนเลยด้วยซ้ำ
เอาจริงๆเราต้องขอบคุณนักศึกษาแพทย์กลุ่มที่2,3ด้วยซ้ำ ที่เค้าไม่ด่วนสรุปแบบกลุ่มที่1 ไม่งั้นป่านนี้ลูกเราคงไม่ได้เกิดมาถึงทุกวันนี้ แถมน่าสงสารกลุ่มที่3ด้วยที่เค้าต้องมาโดนด่าจนร้องไห้ แถมต้องรับหน้าแทนทั้งๆที่เค้ามารับต่อ อยากฝากไว้นะคะ
เราอาจจะยังไม่เจอเหตุการณ์เลวร้ายมากเหมือนคนอื่นแต่เหตุการณ์ก็เป็นเหตุการณ์นึงที่เลวร้ายสำหรับเรา
ขอบพระคุณที่อ่านจนจบและขอบพระคุณสำหรับพื้นที่ให้ระบายนะคะ อัดอั้นจริงๆค่ะ
ถ้าต้องเจอการทำงานแย่ๆของทีมนศ.แพทย์แบบนี้ เราต้องรู้สึกยังไงคะ??? (ขอพื้นที่ระบายนะคะ)
คือ เวลาได้ฟังข่าวแนวแบบนี้แล้วเราจะรู้สึกจุกอกทุกครั้งที่ฟัง เพราะมันคือความคับแค้นใจและอัดอั้นมากในระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา พอได้ยินหรือฟังอะไรแบบนี้ความโกรธคือพุ่งระดับ10เลย
เกริ่นก่อนนะคะว่าเรื่องนี้ผ่านมา5ปีแล้ว
จะว่าเราระบายความในใจก็ระบายความในใจจริงๆแหละค่ะ เพราะเรื่องแนวนี้ก็เคยเกิดขึ้นกับเรามาแล้ว
และ บางคนต้องสูญเสียเด็กตัวน้อยๆที่เค้าเฝ้ารอ
เพียงเพราะการทำงานห่วยๆ ของทีมแพทย์บางคนที่ยังไม่มีประสบการณ์มากพอ!!!!
เริ่มเรื่องเลยนะคะ
เหตุการณ์เกิดจากว่า เรามีอาการปวดท้องมาก และปวดแปลกๆที่ท้องน้อยข้างขวา + กับประจำเดือนขาด ก็เลยให้แฟนไปซื้อที่ตรวจครรภ์มา สรุปผลการตรวจขึ้น2ขีดสรุปว่าตั้งครรภ์ค่ะ คืนนั้นไม่รอช้าเรากลัวจะเป็นอะไรเพราะปวดมาก่อนหน้านั้นหลายวันแล้ว เลยให้แฟนพาไปรพ.(โรงพยาบาลรัฐนะคะ) ถึงรพ.ก็เที่ยงคืนแล้วไปถึงเข้าห้องฉุกเฉิน หมอก็ซักประวัติปกติ และเอาเราไปตรวจปัสวะ เจาะเลือด นอนรอผล1ชม. ผลบอกว่ามีการตั้งครรภ์ ให้เรารอหมอเฉพาะทางมาเพื่อวินิจฉัย ด้วยความว่าโรงพยาบาลรัฐตอนกลางคืนจะไม่มีหมอใหญ่ก็จะมีแค่นศ.แพทย์(ไม่แน่ใจเรียกถูกมั้ย)รอหมอซักพักหลังผลออก ก็มีหมอมา2คนที่เตียง ซักประวัติเรา แล้วก็ยังไม่ได้ข้อสรุป บอกให้เช้ามาใหม่เพื่อจะได้ตรวจละเอียดกว่านี้ นอนให้น้ำเกลือจนหมดแล้วตี4ก็กลับบ้าน ด้วยความอดนอนเราไม่ไหวเพราะต้องมาก่อน8โมง จะให้รอก็คือไม่ไหวแล้วเลยกลับบ้านไป เช้าวันนั้นช่วงบ่ายๆก็เลยไปหาหมอที่รพ.เอกชนแทน(ใจเราก็ยังคิดว่าไม่เป็นไรมาก) พอไปถึงคุณหมอซักประวัติ และเอาเราไปซาวด์ช่องคลอดเนื่องจากอายุครรภ์อ่อนมาก 2เดือน ซาวด์ผ่านหน้าท้องยังไม่ได้ คุณหมอเอกชนแจ้งว่า “เห็นมีก้อนคล้ายตัวอ่อน2ตัวอยู่ในท้อง 1ตัวอยู่ในถุงตั้งครรภ์ และอีก1ตัวอยู่ด้านนอก” ซึ่งหมอก็บอกแล้วว่าไม่แน่ใจนะว่าเป็นการตั้งครรภ์หลอกรึป่าว หรืออาจจะเป็นแค่ก้อนอะไรก็ได้ หมอของเอกชนเลยขอให้นอนรพ.เพื่อวินิฉัยดูอาการต่อใช้เวลาอาจจะหลายวัน และหากต้องผ่าตัดค่าใช้จ่ายสูงคนไข้โอเคมั้ย เราไม่พร้อมค่ะ เราเลยแจ้งคุณหมอว่างั้นขอไปรักษาต่อที่รพ.รัฐที่ใช้สิทธินะคะ หมอก็เขียนใบส่งตัวไปให้หมอของรพ.ที่เราจะไปใช้สิทธิต่อ แล้ววันนั้นเราก็ไปรพ.รัฐที่เดิมต่อเลย
มะกี้เกริ่นค่ะ ขอเข้าเรื่องที่เราจะขอระบายเลยนะคะ
ไปถึงก็เจอนศ.แพทย์(ขอเรียกว่ากลุ่มที่1) นางก็ซักประวัติเรา เจาะเลือดเราเสร็จ ก็ขอให้แอดมิท เราก็โอเคคิดว่าไม่มีอะไรเพราะที่เอกชนก็เกริ่นไว้ก่อนแล้วต้องแอดมิท วันแรกเอาเราขึ้นไป ก็จับเราเปลี่นชุดและเรียกเราไปซาวด์ อยู่ในห้องซาวด์เกือบชั่วโมง ใส่เครื่องมือผ่านช่องคลอดดูอยู่แบบนั้น แล้วก็คุยกันว่าเป็นอะไรกันแน่ ทั้งนศ.ผู้ชายผู้หญิง5-6คนอยู่ในห้อง ทำเหมือนเราเป็นหุ่นทดลองอะไรซักอย่าง นางก็คุยกันอย่างสบายใจ ไม่ใยดีเราเลย อายก็อาย ทรมานก็ทรมาน และจนได้ข้อวินิจฉัยมาว่า ตั้งครรภ์นอกมดลูก มีตัวอ่อน2ตัวจริงๆตามที่หมอรพ.เอกชนสงสัย ส่วนที่อยู่ในถุงตั้งครรภ์คือ”ตัวหลอก”ไม่มีชีวิตจ้าาา
แล้วก็บอกว่า”พรุ่งนี้หมอจะทำการผ่าตัดด่วน!!!นะคะ” เรียกพยาบาลมาพาเราไปเตรียมตัวผ่าตัด ใส่สายน้ำเกลือ สั่งงดน้ำ งดอาหาร ละก็เอาเราไปเตรียมตัวจนเรียบร้อย พอเช้าวันต่อมา หมอมาปุ๊บ เราก็แบบอ่าวไม่ใช่กลุ่มเดิมหนิ เค้าก็แจ้งว่าพอดีพี่ๆกลุ่มนั้นไปประจำต่อที่อื่น หมอจะมาแทนนะคะ ก็ซักประวัติเราใหม่อีก ถามคนไข้มีอาการยังไงบ้างตอนนี้บลาๆ เราก็ตอบไปเสร็จ
นศ.แพทย์กลุ่มที่2 ขอเจาะเลือดไปวินิฉัยใหม่
เพราะพึ่งมารับเคสต่อ และการผ่าตัดที่จะเกิดขึ้นก็ยุติไป นศ.แพทย์กลุ่มที่2ก็ทำการรักษาเรา ให้เราอยู่รพ.5วันเต็มๆ ในระยะเวลา5วัน เจาะเลือดเราเกือบทุกชั่วโมง เจาะจนตัวพรุนคือเจาะจนไม่มีที่ให้เจาะ เราเลยถามว่าเจาะทำไมบ่อยๆ คำตอบคือ ”เพื่อขอดูว่าค่าเลือดยังขึ้นต่อเนื่องมั้ยหากขึ้นต่อเนื่องคือเรายังตั้งครรภ์อยู่” เราก็แบบอ่าว!!! กลุ่มที่1 บอกแท้งแล้วสรุปคือยังไงเริ่มงง แล้วคือปล่อยให้นอนร้องไห้เสียใจตั้งหลายคืน
แต่ที่ทรมานที่สุดในการรักษาคือ จับเราอดข้าวอดน้ำ 3คืนติดกันจนเราทนไม่ไหวแบบน้ำเกลือก็ช่วยอะไรไม่ได้ ต้องร้องขอว่าขอเรากินข้าวเถอะ ถึงยอมให้กิน วันถัดมาก็แจ้งเราว่า “ยังมีการตั้งครรภ์อยู่ให้กลับบ้านไปก่อนหมอขอดูอาการไปเรื่อยๆเพราะคนไข้ไม่มีอาการตกเลือดและค่าเลือดยังขึ้นอยู่เรื่อยๆ”
และขอให้มาใหม่ตามนัด มีเขียนใบวินิจฉัยว่า “แท้ง + ตั้งครรภ์ “เรากับแม่อ่านแล้วก็งงว่าคืออะไรกันแน่!!!
ถึงจะงงแต่เราก็ไปตามนัดค่ะ หลังจากนั้น1อาทิตย์ ไปตามนัดปกติ ก็อ่าวอีกตามเคยเปลี่ยนกลุ่มใหม่อีกแล้ว
นศ.กลุ่มที่3 มารับช่วงต่อ ขอเจาะเลือด และขอให้แอดมิทใส่สายน้ำเกลืออีกเช่นเคย (เห้อ!!!มันวนอยู่แบบเดิม) นอนเหมือนเดิม2คืนผ่านไปข้อสรุปก็ยังไม่ชัดเจน จนนศ.กลุ่มที่3ก็คงจนมุมจริงๆ เพราะกลุ่มแรก วินิฉัยว่า ท้องนอกมดลูก ต้องผ่าตัด พอมากลุ่มที่2 ก็ขอดูอาการเพราะเลือดยังบอกว่ามีการตั้งครรภ์อยู่ แต่ที่เราฟังมาทั้งหมด กลุ่มที่2และ3 วินิฉัยไปตามกันมากที่สุด
และที่อ่านมาหลายคนก็คงคิดใช่มั้ยว่าหมอใหญ่หรืออาจารย์หมอไปไหนกันหมด ใช่ค่ะทั้งหมดนี้ไม่มีอาจารย์หมอขึ้นมาดูเลยซักคนเดียว และเราเห็นนศ.ไปปรึกษาก็เหมือนให้การบ้านกลับมาทำกันเอง
ต่อนะคะ พอ นศ.แพทย์กลุ่มที่3 จนมุม ก็คงไปปรึกษาอาจารย์ และอาจารย์ก็คงคิดว่าเคสเราใช้เวลานานเกินไปไม่มีข้อสรุปซักที ก็เลยพากันขึ้นมาทั้งแผนก ประมาณ10คน มายืนรอบเตียงเรา พยาบาล,คนไข้ รวมถึงเรา งงกันเป็นแถวๆ ในใจเราแบบจิตตก
“เห้ย!!! เคสเรามันอัตรายขนาดนั้นเลยหรอ??? “
(ด้วยความว่าเราขอย้ายห้องเดี่ยวและหมอไม่ให้ไปกลัวรักษาไม่ทันเพราะถ้าช็อกหรือเป็นอะไรหมอจะขึ้นไปไม่ทัน มันก็เลยมีเสียงกรอกหูจากพยาบาลบอกว่าท้องนอกมดลูกอันตรายบลาๆ)
แล้วนศ.แพทย์เข้ามา อาจารย์มาครบ!! ก็เข้าที่ประชุม โดยมีเรานอนอยู่ตรงกลาง และหมอล้อมรอบเตียง หัวเตียงมีนศ.แพทย์ยืนอยู่3คน คนนึงถือแฟ้มประวัติ และ คนนึงถือสมุดพร้อมจดรายงานร่างยาว3หน้ากระดาษ และหมอใหญ่ก็เริ่มการประชุม นศ.แพทย์ก็เริ่มรายงานว่า เรามีประวัติปวดท้องน้อย และน่าจะมีการตั้งครรภ์นอกมดลูก มีตัวอ่อน2ตัว คนไข้มีค่าเลือดที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ไม่มีเลือดไหลออกจากช่องคลอด บลาๆ (อันนี้เท่าที่จำได้นะคะเพราะส่วนใหญ่เป็นศัพท์แพทย์แปลไม่ออก)
และการรายงานก็โยงไปโยงมา จนอาจารย์หมอเริ่มงง และมีหมอท่านนึงตะโกนใส่ว่า “พอ!!! ให้เขียนรายงานมาก็เขียนไม่รู้เรื่อง อธิบายก็ไม่เข้าใจ” และดึงแฟ้มประวัติไปเปิดอ่าน และก็ต่อว่าเป็นพักๆ
มีคำต่อว่านึงที่มาจากปากหมอแบบจำขึ้นใจเลย
“ถ้าเค้าฟ้องร้อง พวกเธอมีปัญญาชดใช้เค้ามั้ย”
จนนศ.แพทย์ที่อ่านรายงาน ยืนร้องไห้ไปเลย หลังจากนั้นอาจารย์ท่านอื่นก็เข้ามาช่วยกันดูใบซาวด์ และ ประวัติ และยืนคุยกันซักพักนึง อาจารย์หมอผญ.ก็ให้ข้อสรุปเรากลับมาว่า “หมอคิดว่าตั้งครรภ์ต่อไปได้ตัวอ่อนมีชีวิต หมอจะปล่อยไว้แบบนี้ และตรงส่วนก้อนเนื้อที่อยู่นอกถุงตั้งครรภ์มันคงจะสลายไปได้เอง” และให้ตัวเลือกเราว่า หรือจะผ่าตัดส่องกล้องไปดูก็ได้ถ้าเราอยากรู้ว่าเป็นไร หมอก็ยินดีจะทำให้แต่เด็กมี%แท้งสูง เราโอเคมั้ย??? ด้วยความเป็นแม่ เราตอบแบบมั่นใจเลยว่าเราจะขอตั้งครรภ์ต่อ
หมอก็บอกว่าโอเค หมอจะนัดมาดูอีกทีนะ งั้นวันนี้ช่วงบ่ายหมอให้ทำเรื่องกลับบ้าน แล้วเราก็กลับบ้านมาวันนั้น ด้วยอาการปวดท้องน้อยนิดหน่อยและก็ลืมถามหมอไปเลยว่าปวดท้องมาจากอะไร เพราะเครียดมากที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร เราร้องไห้เกือบทุกคืนจนลืมเจ็บไปเลย (แต่มาอ่านเจอเค้าบอกว่าอาจจะเพราะมดลูกขยายเลยปวดท้องน้อยได้) ยอมรับตามตรงว่าเครียดมากกลัวลูกไม่แข็งแรงบ้าง อะไรบ้าง ต่างๆนานา
เพราะมีการซาวด์ตลอด ทุกวัน ก็จิตตกสุดๆ
จนวันนัด เราไปตามนัดอีกค่ะ ก้อนที่บอกเราท้องนอกมดลูกหายไป หมอบอกว่าปกติไม่เห็นมีอะไรเลย และเด็กแข็งแรงพร้อมให้ฟังเสียงหัวใจ และหมอแนะนำให้ไปฝากครรภ์ตามปกติ เพราะอายุครรภ์4เดือนแล้ว แถมวันนั้นที่ไปตรวจก็ทราบเพศเลย เพราะลูกโชว์ให้ดูเต็มๆ เป็นวันที่รู้สึกโล่งใจที่สุด
พอหลังจากนั้นเราก็ย้ายรพ.ไปฝากครรภ์ตามปกติ
และกลับมาคลอดฉุกเฉินที่รพ.เดิม
แต่อันนี้ก็ข้องใจอีก คือ รพ.เก็บสมุดฝากครรภ์ที่ฝากจากที่อื่นไปและเปลี่ยนเล่มใหม่บอกเป็นประวัติคนไข้ จะเก็บไว้ในแฟ้มแต่ทุกครั้งที่ไปหาหมอเราไม่เห็นสมุดเล่มนั้นอีกเลยไม่ทราบว่าเก็บไว้ที่ไหนกันแน่ เชื่อมั้ยเราเสียเงินซาวด์ ก็อยากเก็บใบซาวด์ไว้ให้ลูกดูตอนโตก็ไม่มีให้เก็บไว้ซักใบเพราะรพ.เก็บสมุดไปทุกอย่างอยู่ในนั้นหมด และปัจจุบันลูกเราอายุ4ขวบกว่าๆแล้ว ร่างกายปกติ แข็งแรงดี ตามวัยหมด
จริงๆเราเคยต้องการจะเอาเรื่องนะคะ แบบอยากเอาเรื่องให้ถึงที่สุดกับนักศึกษาแพทย์กลุ่มแรกที่ด่วนวินิจฉัยด่วนสรุปจนทำให้เราเกือบต้องเสียลูก แต่เอกสารรพ.เก็บไปหมด แม้แต่ชื่อหมอยังไม่รู้เลย คือเราไม่มีอะไรที่จะเอาเรื่องเค้าได้เลย และที่จะเอาเรื่องเราไม่ต้องการเงินนะคะ แค่ไม่อยากให้เค้าไปทำงานผิดพลาดแบบนี้กับใครอีก เพราะนั่นมันคือ1ชีวิตเลย
ทุกวันนี้เราฝังใจกับเรื่องมากๆ ตลอด5ปีกว่าบอกตรงๆเราไม่เคยลืมเลย ทุกครั้งที่นึกถึงเรารู้สึกโกรธและแค้นใจทุกครั้ง
เราเลยอยากจะฝากบอกนศ.แพทย์บางท่านที่ต้อง
รักษาคนไข้นะคะ ถ้าอะไรรู้สึกว่ามันไม่ชัวร์ ควรไปถามอาจารย์ที่ปรึกษาก่อนหรือเรียกอาจารย์มาดูหน่อยมั้ย ไม่ใช่ด่วนสรุปกันเอง แล้วคิดจะทำอะไรก็ทำกับคนไข้ได้เลย บางทีสิ่งที่คุณวินิจฉัยมันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เป็นก็ได้ เราเกือบต้องเสียเด็กไปคนนึงเพียงเพราะคุณวินิจฉัยผิดพลาด เพียงเพราะคุณคิดกันเองโดยไม่ถามผู้ใหญ่ เราไม่ทราบว่าคุณรู้รึป่าวหลังจากที่คุณย้ายที่ไปมันเกิดไรขึ้นบ้าง และแม้แต่คำขอโทษสักคำเรายังไม่รู้จะไปหาได้ไหนเลยด้วยซ้ำ
เอาจริงๆเราต้องขอบคุณนักศึกษาแพทย์กลุ่มที่2,3ด้วยซ้ำ ที่เค้าไม่ด่วนสรุปแบบกลุ่มที่1 ไม่งั้นป่านนี้ลูกเราคงไม่ได้เกิดมาถึงทุกวันนี้ แถมน่าสงสารกลุ่มที่3ด้วยที่เค้าต้องมาโดนด่าจนร้องไห้ แถมต้องรับหน้าแทนทั้งๆที่เค้ามารับต่อ อยากฝากไว้นะคะ
เราอาจจะยังไม่เจอเหตุการณ์เลวร้ายมากเหมือนคนอื่นแต่เหตุการณ์ก็เป็นเหตุการณ์นึงที่เลวร้ายสำหรับเรา
ขอบพระคุณที่อ่านจนจบและขอบพระคุณสำหรับพื้นที่ให้ระบายนะคะ อัดอั้นจริงๆค่ะ