สวัสดีครับ ผม "ตรัยโศก"
กระทู้นี้ไม่ใช่เรื่องผีแต่อย่างใด
แต่เป็นเรื่องของผมล้วนๆ ไม่มีสิ่งอื่นเจือปน
หลังจากที่ผมได้ลองแต่งนิยาย
ลงใน พันทิปและเด็กดี
(ก็เรื่องเดียวกันนั่นแหละแต่ลงสองเว็บ)
(อ๊ะ!! แต่ในเด็กดีมีเรื่องยาวแบบหลายตอนด้วยนะ)
ผมก็ได้รับทั้งคำชมและคำติอย่างล้นหลาม(เหรอ)
เพื่อนร่วมงานของผมได้ลองอ่านนิยายที่ผมแต่ง
มันมองหน้าผมแล้วถามผมหน้าตาย
" เมิงคิดไงมาแต่งนิยายวะ"
ผมก็ตอบมันแบบหน้าตายไม่แพ้กัน
"กูอกหัก"
ครับ ผมอกหัก หักดังเป๊าะ!!
ช่วงแรกแห่งความทรมาน ผมลบเฟส ลบไลน์
ลบทุกอย่างที่มีเธอคนนั้นอยู่
พอเลิกงานผมก็ผมอุดอู้อยู่แต่ในห้อง
คิดว่าการอยู่เงียบๆคงช่วยได้ แต่เปล่าเลยครับคุณ
ห้องนี้มันมีแต่กลิ่นอายของเธอคนนั้น
มุมนั้นที่เรานั่งกินข้าวด้วยกัน
หมอนใบที่เธอคนนั้นหนุนนอน
ทุกอย่างของเธอยังอยู่ที่นี่
ผมจะทำไงล่ะทีนี้ นอนก็นอนไม่หลับ
เพลงนี่ไม่ต้องคิดเลยฟังไม่ได้
ฟังเพลงอะไรก็คิดถึงแต่เธอคนนั้น
ทำไงดีวะ ผมหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้เลย
สุดท้ายเหมือนผีผลัก ผมเปิดยูทูป ฟังเรื่องผี
กะว่าเศร้านักใช่มั๊ย
เอาความหลอนเข้าข่มมันต้องช่วยได้มั่งล่ะวะ
ไปๆมาๆ เห้ยหลับได้เฉย
หลับโดยไม่ต้องพึ่งยาใดๆ
ผมก็ อ่อนี่สินะคือทางออก
ทางที่จะช่วยพาหัวใจผมออกจากความระทมครั้งนี้
ผมฟังอย่างบ้าคลั่ง ตื่นเช้ามานั่งกินกาแฟก็ฟัง
ทำงานก็ฟัง กินข้าวก็ฟัง เข้าห้องน้ำก็ฟัง
ก่อนนอนก็เปิดฟัง
ฟังจนรู้สึกว่าความเศร้าที่เราเคยมี
มันได้ถูกเก็บยัดลงกล่อง ล็อคกุญแจ
แล้วโยนลงไปในหลุมลึกที่ลึกโคตรๆ
พอฟังเรื่อยๆ อ้าว เวรละ
ค้นหายังไงก็เจอแต่เรื่องที่ฟังหมดแล้วทั้งนั้น
ทำไงล่ะทีนี้ อ่านมั๊ย
แต่จะอ่านแบบจริงจังก็ไม่ได้อีกไม่มีเวลา
งั้นเอางี้ลองแต่งนิยายดูละกัน
แต่จะแต่งนิลยายอะไรล่ะ
ไหนๆก็ชอบฟังเรื่องผี งั้นก็แต่งเรื่องผีนี่แหละ
ผมใช้มือถือแต่งนิยาย คงคอมฯไม่ต้องถาม
ทิ้งไว้ที่บ้านหมด ไม่ได้เอามาด้วย
ก็แต่งไปเรื่อยๆ จินตนาการไปเรื่อยๆ
หยิบเอาเรื่องที่คนนั้นเล่าให้ฟัง คนนี้พูดกรอกหู
เอามาใส่สีตีไข่ เรียบเรียงใหม่จนเป็นนิยายขึ้น
พอแต่งเสร็จก็โพสลงไป ใจงี้ จะมีคนมาอ่านมั๊ยว้า
ถ้าเค้าอ่านแล้วจะชอบมั๊ยว้า
เค้าจะมองว่านิยายที่เราแต่งเป็นขยะมั๊ยว้า
สารพัดที่จะนึก
แต่พอเห็นว่ามีคนเข้ามาอ่าน เข้ามาให้คำแนะนำ
ถึงแม้จะบางตาแต่ก็ทำให้มีกำลังใจในการแต่งขึ้น
ลองเข้าไปอ่านเรื่องที่คนอื่นเค้าแต่งไว้
กะว่าจะดูเพื่อเป็นแนวทาง
แต่ผมเป็นคนหัวช้า ดูยังไงก็ไม่เข้าใจ
รู้อย่างเดียว ทำไมคนอื่นเค้าแต่งมันสนุกจัง
เวลามีคนอ่านผลงานของเราเค้าจะสนุกมั๊ยหนอ
แต่ผมจะไม่ท้อครับ เพราะท้อมีไว้ให้ลิงถือ
เพื่อนผมคนเดิม เพิ่มเติมคือคำถามใหม่
"ทำไมนามปากกาต้องเป็น ตรัยโศก วะ"
ผมก็อธิบายให้มันฟังอย่างละเอียดยิบ
คำว่าโศก มาจากโศกเศร้าเสียใจไงครับสหาย
ช่วงนั้นผมเศร้าไงครับ
ตรัยก็สาม ตรงตัวเลย
คนเรามีเรื่องให้ต้องโศกเศร้าเสียใจเป็นร้อยเป็นพัน
บางคนน้ำหนักขึ้นก็เศร้า
บางคนหนังที่ตัวเองดูจบแบบดราม่าก็เศร้าตามอีก
บางคนหวยกิน บางคนตังค์หาย
โอ๊ย....เยอะแยะตาแป๊ะขายถั่ว
แต่สิ่งที่จะทำให้ผมเศร้าได้แบบถึงแก่นเลยเนี่ย
มีแค่ 3 สิ่งในตอนนี้
1. คือผมโดนคนที่บอกว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไปทิ้ง
2. ผลตรวจออกมาว่าผมเป็นโรคที่ไม่คิดว่าจะได้เป็น
อันนี้เศร้าแป๊บเดียว
แต่ก็เป็นแป๊บเดียวที่โคม่าเอาการอยู่นะ
สุดท้ายยิ้มสู้แล้วทุกอย่างจะผ่านพ้น
3. ตอนอกหักผมใช้ชีวิตแบบเสียศูนย์
ไม่ใส่ใจคนรอบข้าง คิดถึงแต่คนที่ทิ้งเราไป
มองไม่เห็นคนที่คอยเป็นกำลังใจให้เราเสมอมา
ที่สำคัญที่สุด มองไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง
ชีวิตอึมครึมมัวหมองสุดๆบอกเลย
นี่แหละสามสิ่งที่เศร้าที่สุดตอนนั้น
สุดท้ายก็เลยหยิบเอามาตั้งเป็นนามปากกาซะเลย
"ตรัยโศก" จึงได้ถือกำเนิดขึ้น
ในชีวิตปัญหามักจะพุ่งเข้ามาพร้อมกัน
ประเดประดังเข้ามาแบบไม่ให้เราได้ทันตั้งตัว
เราจึงต้องสู้กับทุกปัญหาให้สุดโต่ง
สู้ด้วยทุกสิ่งที่เรามี
และต้องสู้อย่างสุดความสามารถ
แล้วในท้ายที่สุด
เราจะผ่านพ้นมันไปได้อย่างงดงาม
แต่จงอย่าได้ชะล่าใจไปครับ
จงเตรียมพร้อมและตั้งรับ
ปัญหาใหม่ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
และในท้ายที่สุดนี้ผมอยากกล่าว คำว่า
"ขอบคุณ"
ขอบคุณอย่างสุดซึ้ง
สำหรับ ทุกท่านที่เผลอกดเข้าไปอ่านนิยายของผม
ทั้งที่อ่านจนจบหรืออ่านแค่สองบรรทัด
ผมก็ถือว่าท่านอ่านแล้ว
ทุก comment มันเป็นกำลังใจให้ผมกล้า
กล้าที่จะไปต่อ
"พยายาม พัฒนา สำเร็จ"
เป็นอะไรที่เชื่อมโยงกันอย่างน่าประหลาด
เมื่อเอาความพยายาม + การพัฒนา
ผลลัพธ์จึงจะออกมาเป็นความสำเร็จ
และเมื่อสำเร็จแล้ว แต่ยังไม่หยุดยั้ง
ยังคงพยายามที่จะพัฒนาให้ดีขึ้น
ก็จะเกิดเป็นความสำเร็จที่แท้จริงและสวยงาม
ผมขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะครับ
เชื่อเถอะครับ
ความโศกเศร้าเป็นดาบที่คมที่สุดในโลก
แต่รอยยิ้มก็เป็นโล่ที่แข็งแกร่งไม่แพ้กัน
ยิ้มเข้าไว้นะครับทุกท่าน
"ตรัยโศก"
ทำไมถึงเป็น "ตรัยโศก"