ย้อนดูปะทะเดือด อนุทิน-ธนาธร กล่าวหาแรง โกหกเรื่องวัคซีน กลางวงคลับเฮาส์
https://www.matichon.co.th/politics/news_2621441
ย้อนดู อนุทิน-ธนาธร ปะทะเดือด กลางวงคลับเฮาส์ ธนาธร สวนแรง อนุทินโกหกเรื่องวัคซีน ด้านอนุทินชี้แจงกลับ เป็นไปได้ยังไง กล่าวหารองนายกฯโกหก ก่อนดีดตัวออกจากห้องสนทนา
เมื่อวันที่ 12 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ห้องสนทนาคลับเฮาส์ ห้อง “
วัคซีนไทยควรไปต่อหรือพอแค่นี้” ซึ่งมี นาย
อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข (สธ.) เข้าร่วมตอบคำถามประชาชนในห้องดังกล่าว นายอนุทิน ได้ชี้แจงแผนการให้บริการวัคซีน ซึ่งยังเป็นไปตามเป้า ทั้งนี้ AstraZeneca (AZ) คัดเลือก SiamBioScience (SBS) เองโดยไม่เกี่ยวรัฐบาลเพราะมีโรงงานพร้อมที่สุดในประเทศ ยืนยันฉีดวัคซีนคนไทยปีนี้ 60 ล้านโดส เริ่มเดือน มิ.ย. 5 ล้านโดส ก่อนปูพรมฉีดเดือนละ 10 ล้านโดสตั้งแต่ ก.ค. ยาวไปจนถึงสิ้นปี 2564
ทั้งนี้ ช่วงหนึ่ง ได้เกิดเหตุการณ์ดีเบต ตอบโต้กันดุเดือด เมื่อ นาย
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้เข้ามาในห้องสนทนา และกล่าวว่า นาย
อนุทิน กำลังโกหกประชาชน โดยยกแผนการบริหารจัดการวัคซีน ที่หน่วยงานราชการเสนอต่อกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎร เมื่อช่วงเดือน พ.ย.2563 ระบุว่า ประเทศไทยจะฉีดวัคซีนตั้งแต่ปี 2021-2023 ปีละประมาณ 10 ล้านโดสเท่านั้น ซึ่งไม่สอดคล้องกับที่ นาย
อนุทิน ให้ข่าวเสมอว่า จะฉีดให้ได้ในหลัก 50-60 ล้านโดสในปีนี้ (2564)
“
ผมคิดว่า มันมีประเด็นโกหกแบบนี้ไม่ได้ บอกว่าแอสตร้าเซเนก้ามีความพร้อมส่งได้ทันตามกำหนด ประโยคนี้มีปัญหามากๆ เพราะเอกสารหน่วยราชการที่เอามาชี้แจงกมธ.ปลายเดือน พ.ย.ยังบอกอยู่เลยว่า แผนการฉีดวัคซีนในประเทศไทย จะฉีดปี 2021 11 ล้านโดส 2022 11 ล้านโดส 2023 10.5 ล้านโดส อีก 3 ปีจากนี้นะครับถึงจะฉีดได้เต็ม นี่เป็นแผนที่ยังอยู่กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเสนอกับหน่วยงานสภาผู้แทนราษฎร”
ทำให้ นาย
อนุทิน กล่าวแทรกขึ้นมา ชี้แจงเชิงตัดพ้อ ว่า
คุณธนาธร พูดว่าผมโกหก ถ้าพูดว่ารองนายกรัฐมนตรีมาโกหกประชาชน มันเป็นไปได้ยังไงครับ”
* ธนาธร กล่าว
ทั้ง 60 ล้านโดส จะถูกฉีดในปีนี้ แล้วจะสั่งอีกในปีหน้าก็เป็นเรื่องปีหน้า ที่นาย
ธนาธรพูดเป็นแผนแรก ตอนนี้เรารู้แล้ว เขาจะจัดส่งตามสัญญา เราก็ปรับแผน แล้วก็ฉีดให้ครบ แล้วจากนั้นก็ปรับแผนไปเรื่อยๆ เอายี่ห้ออื่นที่ดีกว่าได้ ผมรับฟัง ทุกความเห็น ไม่ใช่เราอยู่คนละฟากแล้วเราไม่ฟัง อะไรเป็นประโยชน์เรามาใช้ ผมมาชี้แจง ไม่ได้มาต่อล้อต่อเถียงกับใคร สำหรับตนตอนนี้ ตั้งแต่เดือนมิ.ย. จะต้องฉีดให้ได้ 5 ล้านโดส ก.ค. 10 ล้านโดส ระหว่างทาง จะฉีดเพิ่มอย่างไร มีเวลาพิจารณา
ก่อนที่นาย
อนุทิน จะออกไปจากห้องสนทนา ทันที ทำให้ผู้ร่วมสนทนากล่าวบ่นว่า นาย
อนุทินออกไปแล้ว กำลังจะสอบถามเรื่องเฟกนิวส์ ที่ว่าสหรัฐฯรับรองวัคซีนแอสต้าเซเนก้า
* น่าจะพิมพ์ผิด ควรเป็น "อนุทินกล่าว" ครับ
ดับเบิลยูเอชโอชี้ 'ไม่มีเหตุผล' ต้องหยุดใช้วัคซีนแอสตราเซเนกา
https://www.dailynews.co.th/foreign/830765
ดับเบิลยูเอชโอชี้ "ไม่มีเหตุผล" ต้องหยุดใช้วัคซีนแอสตราเซเนกา
องค์การอนามัยโลกยืนยัน วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของแอสตราเซเนกา/ออกซฟอร์ด สามารถใช้งานได้ และจนถึงปัจจุบันยังไม่มี "
หลักฐานอย่างเป็นทางการ" ว่าการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จะทำให้เสียชีวิต
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 13 มี.ค. ว่าพญ.
มาร์กาเร็ต แฮร์ริส โฆษกองค์การอนามัยโลก ( ดับเบิลยูเอชโอ ) กล่าวเมื่อวันศุกร์ กรณีหลายประเทศระงับการใช้งานวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของแอสตราเซเนกา/ออกซฟอร์ด ว่าในขณะที่กำลังมีการตรวจสอบอย่างละเอียด ว่าวัคซีนตัวนี้ส่งผลให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำหรือไม่ ดับเบิลยูเอชโอมองว่า "
ไม่มีความจำเป็น" ที่จะต้องระงับใช้งานวัคซีนของแอสตราเซเนกา/ออกซฟอร์ด
ทั้งนี้ วัคซีนตัวดังกล่าวผ่านการรับรองจากดับเบิลยูเอชโอ เพื่อการใช้งานเป็นกรณีฉุกเฉินเมื่อกลางเดือนที่แล้ว ซึ่งพญ.แฮร์ริสกล่าวว่า การจะอนุมัติการใช้งานวัคซีนตัวใดตัวหนึ่งต้องมีการพิจารณาอย่างละเอียดจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน โดยทุกคนลงความเห็นว่า วัคซีนของแอสตราเซเนกา/ออกซฟอร์ด "
ใช้ต่อได้" และจนถึงปัจจุบันยังไม่มี "
การยืนยันอย่างเป็นทางการ" ว่าการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ยี่ห้อใดก็ตาม ส่งผลให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ขั้นรุนแรงจนเสียชีวิต
ขณะที่สำนักงานใหญ่ของแอสตราเซเนกา ใเนมืองเคมบริดจ์ของสหราชอาณาจักร เผยแพร่แถลงการณ์ว่า ผลการวิเคราะห์ด้านความปลอดภัยของวัคซีนที่บริษัทพัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ซึ่งแจกจ่ายไปทั่วโลกมากกว่า 10 ล้านโดสแล้ว ไม่พบข้อบ่งชี้ว่าจะก่อให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน สำหรับรายงานว่ามีประชาชนจำนวนหนึ่งเกิดอาการไม่พึงประสงค์ดังกล่าว หลังได้รับวัคซีนตัวนี้ "
ถือว่ายังเป็นอัตราต่ำกว่ามาก" เมื่อเทียบกับการเกิดภาวะเดียวกันในประชาชนทั่วไป และผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน แต่ยืนยันว่า บริษัทติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
อนึ่ง วัคซีนของแอสตราเซเนกา/ออกซฟอร์ด กำลังเป็นวัคซีนที่ดับเบิลยูเอชโอใช้แจกจ่ายผ่านโครงการโคแวกซ์มากที่สุดในตอนนี้.
https://twitter.com/Quicktake/status/1370417897131106307
https://twitter.com/SCMPNews/status/1370438188292923394
หุ้นไทยติดลบสวนทางภูมิภาค โดนข่าวยกเลิกการฉีดวัคซีน AstraZeneca ของนายกฯและคณะ
https://www.khaosod.co.th/economics/stock-monitor/news_6119772
สรุปภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นไทย วันที่ 12 มี.ค. 2564 SET Index ปิดที่ 1,568.19 จุด เปลี่ยนแปลง -6.94 จุด หรือ -0.44% มูลค่าการซื้อขาย 84,023.49 ล้านบาท วันนี้ SET Index เปิดตลาดในแดนบวก ก่อนจะย่อตัวลงในแดนลบสวนทางภูมิภาค โดยได้รับแรงกดดันจากกลุ่มท่องเที่ยว สันทนาการ และค้าปลีก จากข่าวการยกเลิกการฉีดวัคซีน AstraZeneca ของนายกรัฐมนตรีและคณะ หลังหลายชาติในยุโรปสั่งระงับการฉีด เนื่องจากสงสัยว่ามีผลข้างเคียงทำให้ลิ่มเลือดแข็งตัว ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีข้อสรุปว่าเกิดจากวัคซีนหรือไม่ ทำให้เกิด Sentiment ลบเกี่ยวกับกับความกังวลในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการเปิดประเทศ และเกิดสัญญาณ sector rotation ในระยะสั้น ไปยังหุ้นกลุ่ม Defensive เช่น โรงไฟฟ้า ที่มีการปรับตัวลงมาในระยะก่อนหน้านื้
อย่างไรก็ตาม ตลาดโดยรวมในระยะนี้ยังคงได้รับปัจจัยเชิงบวกจากตลาดต่างประเทศที่ปรับตัวขึ้นจากการลงนามมาตรการ “
American Rescue Plan Act of 2021” วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ จาก ปธน.โจ ไบเดน โดยการลงนามครั้งนี้จะทำให้กฎหมายดังกล่าวถูกบังคับใช้ก่อนมาตรการช่วยเหลือผู้ว่างงานในปัจจุบันจะหมดอายุลงในวันที่ 14 มี.ค. คาดช่วยหนุนภาพรวมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ-โลก จากแนวโน้ม อุปสงค์ในสหรัฐฟื้นตัวขึ้นและส่งถ่ายไปยังเศรษฐกิจอื่นของโลกด้วย เป็นจิตวิทยาเชิงบวกหนุนทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวขึ้นได้ต่อ
พร้อมด้วยการผลการประชุม ECB เมื่อวานนี้ มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิม รวมทั้งคงวงเงินในโครงการ PEPP ที่ระดับ 1.85 ล้านล้านยูโร อีกทั้งส่งสัญญาณเตรียมเพิ่มวงเงินในการเข้าซื้อพันธบัตรในช่วงไตรมาสที่ 2 เพื่อกดอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำไว้ต่อไป คาดจะเป็นจิตวิทยาเชิงบวกกระตุ้นกระแสเงินทุนไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงได้ต่อ
โดย AIRA เริ่มมีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มอสังหาฯ ซึ่งเป็นหุ้น High Beta โดยจะสามารถปรับตัวขึ้นได้ดีตามแนวโน้มเศรษฐกิจฟื้นตัว ขณะที่เราคาดว่าภาพรวมของกลุ่มอสังหาฯ ในปี 2564 มีแนวโน้มดีขึ้นตามลำดับ หลังได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ในปีที่ผ่านมา คาดอุตสาหกรรมผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว จากการทยอยปลดล็อคกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และการกระจายวัคซีน ทำให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายมากขึ้น รวมทั้งคาดหวังการกลับมาของลูกค้าชาวต่างชาติภายหลังเปิดประเทศ
JJNY : ปะทะเดือดอนุทิน-ธนาธร│WHOชี้ไม่มีเหตุผลหยุดใช้แอสตรา│หุ้นไทยติดลบ โดนข่าวยกเลิกฉีดAstraZeneca│ปชป.ร้องล้มดีลภท.
https://www.matichon.co.th/politics/news_2621441
เมื่อวันที่ 12 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ห้องสนทนาคลับเฮาส์ ห้อง “วัคซีนไทยควรไปต่อหรือพอแค่นี้” ซึ่งมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข (สธ.) เข้าร่วมตอบคำถามประชาชนในห้องดังกล่าว นายอนุทิน ได้ชี้แจงแผนการให้บริการวัคซีน ซึ่งยังเป็นไปตามเป้า ทั้งนี้ AstraZeneca (AZ) คัดเลือก SiamBioScience (SBS) เองโดยไม่เกี่ยวรัฐบาลเพราะมีโรงงานพร้อมที่สุดในประเทศ ยืนยันฉีดวัคซีนคนไทยปีนี้ 60 ล้านโดส เริ่มเดือน มิ.ย. 5 ล้านโดส ก่อนปูพรมฉีดเดือนละ 10 ล้านโดสตั้งแต่ ก.ค. ยาวไปจนถึงสิ้นปี 2564
ทั้งนี้ ช่วงหนึ่ง ได้เกิดเหตุการณ์ดีเบต ตอบโต้กันดุเดือด เมื่อ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้เข้ามาในห้องสนทนา และกล่าวว่า นายอนุทิน กำลังโกหกประชาชน โดยยกแผนการบริหารจัดการวัคซีน ที่หน่วยงานราชการเสนอต่อกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎร เมื่อช่วงเดือน พ.ย.2563 ระบุว่า ประเทศไทยจะฉีดวัคซีนตั้งแต่ปี 2021-2023 ปีละประมาณ 10 ล้านโดสเท่านั้น ซึ่งไม่สอดคล้องกับที่ นายอนุทิน ให้ข่าวเสมอว่า จะฉีดให้ได้ในหลัก 50-60 ล้านโดสในปีนี้ (2564)
“ผมคิดว่า มันมีประเด็นโกหกแบบนี้ไม่ได้ บอกว่าแอสตร้าเซเนก้ามีความพร้อมส่งได้ทันตามกำหนด ประโยคนี้มีปัญหามากๆ เพราะเอกสารหน่วยราชการที่เอามาชี้แจงกมธ.ปลายเดือน พ.ย.ยังบอกอยู่เลยว่า แผนการฉีดวัคซีนในประเทศไทย จะฉีดปี 2021 11 ล้านโดส 2022 11 ล้านโดส 2023 10.5 ล้านโดส อีก 3 ปีจากนี้นะครับถึงจะฉีดได้เต็ม นี่เป็นแผนที่ยังอยู่กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเสนอกับหน่วยงานสภาผู้แทนราษฎร”
ทำให้ นายอนุทิน กล่าวแทรกขึ้นมา ชี้แจงเชิงตัดพ้อ ว่า คุณธนาธร พูดว่าผมโกหก ถ้าพูดว่ารองนายกรัฐมนตรีมาโกหกประชาชน มันเป็นไปได้ยังไงครับ” * ธนาธร กล่าว
ทั้ง 60 ล้านโดส จะถูกฉีดในปีนี้ แล้วจะสั่งอีกในปีหน้าก็เป็นเรื่องปีหน้า ที่นายธนาธรพูดเป็นแผนแรก ตอนนี้เรารู้แล้ว เขาจะจัดส่งตามสัญญา เราก็ปรับแผน แล้วก็ฉีดให้ครบ แล้วจากนั้นก็ปรับแผนไปเรื่อยๆ เอายี่ห้ออื่นที่ดีกว่าได้ ผมรับฟัง ทุกความเห็น ไม่ใช่เราอยู่คนละฟากแล้วเราไม่ฟัง อะไรเป็นประโยชน์เรามาใช้ ผมมาชี้แจง ไม่ได้มาต่อล้อต่อเถียงกับใคร สำหรับตนตอนนี้ ตั้งแต่เดือนมิ.ย. จะต้องฉีดให้ได้ 5 ล้านโดส ก.ค. 10 ล้านโดส ระหว่างทาง จะฉีดเพิ่มอย่างไร มีเวลาพิจารณา
ก่อนที่นายอนุทิน จะออกไปจากห้องสนทนา ทันที ทำให้ผู้ร่วมสนทนากล่าวบ่นว่า นายอนุทินออกไปแล้ว กำลังจะสอบถามเรื่องเฟกนิวส์ ที่ว่าสหรัฐฯรับรองวัคซีนแอสต้าเซเนก้า
* น่าจะพิมพ์ผิด ควรเป็น "อนุทินกล่าว" ครับ
ดับเบิลยูเอชโอชี้ 'ไม่มีเหตุผล' ต้องหยุดใช้วัคซีนแอสตราเซเนกา
https://www.dailynews.co.th/foreign/830765
ดับเบิลยูเอชโอชี้ "ไม่มีเหตุผล" ต้องหยุดใช้วัคซีนแอสตราเซเนกา
องค์การอนามัยโลกยืนยัน วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของแอสตราเซเนกา/ออกซฟอร์ด สามารถใช้งานได้ และจนถึงปัจจุบันยังไม่มี "หลักฐานอย่างเป็นทางการ" ว่าการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จะทำให้เสียชีวิต
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 13 มี.ค. ว่าพญ.มาร์กาเร็ต แฮร์ริส โฆษกองค์การอนามัยโลก ( ดับเบิลยูเอชโอ ) กล่าวเมื่อวันศุกร์ กรณีหลายประเทศระงับการใช้งานวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของแอสตราเซเนกา/ออกซฟอร์ด ว่าในขณะที่กำลังมีการตรวจสอบอย่างละเอียด ว่าวัคซีนตัวนี้ส่งผลให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำหรือไม่ ดับเบิลยูเอชโอมองว่า "ไม่มีความจำเป็น" ที่จะต้องระงับใช้งานวัคซีนของแอสตราเซเนกา/ออกซฟอร์ด
ทั้งนี้ วัคซีนตัวดังกล่าวผ่านการรับรองจากดับเบิลยูเอชโอ เพื่อการใช้งานเป็นกรณีฉุกเฉินเมื่อกลางเดือนที่แล้ว ซึ่งพญ.แฮร์ริสกล่าวว่า การจะอนุมัติการใช้งานวัคซีนตัวใดตัวหนึ่งต้องมีการพิจารณาอย่างละเอียดจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน โดยทุกคนลงความเห็นว่า วัคซีนของแอสตราเซเนกา/ออกซฟอร์ด "ใช้ต่อได้" และจนถึงปัจจุบันยังไม่มี "การยืนยันอย่างเป็นทางการ" ว่าการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ยี่ห้อใดก็ตาม ส่งผลให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ขั้นรุนแรงจนเสียชีวิต
ขณะที่สำนักงานใหญ่ของแอสตราเซเนกา ใเนมืองเคมบริดจ์ของสหราชอาณาจักร เผยแพร่แถลงการณ์ว่า ผลการวิเคราะห์ด้านความปลอดภัยของวัคซีนที่บริษัทพัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ซึ่งแจกจ่ายไปทั่วโลกมากกว่า 10 ล้านโดสแล้ว ไม่พบข้อบ่งชี้ว่าจะก่อให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน สำหรับรายงานว่ามีประชาชนจำนวนหนึ่งเกิดอาการไม่พึงประสงค์ดังกล่าว หลังได้รับวัคซีนตัวนี้ "ถือว่ายังเป็นอัตราต่ำกว่ามาก" เมื่อเทียบกับการเกิดภาวะเดียวกันในประชาชนทั่วไป และผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน แต่ยืนยันว่า บริษัทติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
อนึ่ง วัคซีนของแอสตราเซเนกา/ออกซฟอร์ด กำลังเป็นวัคซีนที่ดับเบิลยูเอชโอใช้แจกจ่ายผ่านโครงการโคแวกซ์มากที่สุดในตอนนี้.
https://twitter.com/Quicktake/status/1370417897131106307
https://twitter.com/SCMPNews/status/1370438188292923394
หุ้นไทยติดลบสวนทางภูมิภาค โดนข่าวยกเลิกการฉีดวัคซีน AstraZeneca ของนายกฯและคณะ
https://www.khaosod.co.th/economics/stock-monitor/news_6119772
สรุปภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นไทย วันที่ 12 มี.ค. 2564 SET Index ปิดที่ 1,568.19 จุด เปลี่ยนแปลง -6.94 จุด หรือ -0.44% มูลค่าการซื้อขาย 84,023.49 ล้านบาท วันนี้ SET Index เปิดตลาดในแดนบวก ก่อนจะย่อตัวลงในแดนลบสวนทางภูมิภาค โดยได้รับแรงกดดันจากกลุ่มท่องเที่ยว สันทนาการ และค้าปลีก จากข่าวการยกเลิกการฉีดวัคซีน AstraZeneca ของนายกรัฐมนตรีและคณะ หลังหลายชาติในยุโรปสั่งระงับการฉีด เนื่องจากสงสัยว่ามีผลข้างเคียงทำให้ลิ่มเลือดแข็งตัว ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีข้อสรุปว่าเกิดจากวัคซีนหรือไม่ ทำให้เกิด Sentiment ลบเกี่ยวกับกับความกังวลในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการเปิดประเทศ และเกิดสัญญาณ sector rotation ในระยะสั้น ไปยังหุ้นกลุ่ม Defensive เช่น โรงไฟฟ้า ที่มีการปรับตัวลงมาในระยะก่อนหน้านื้
อย่างไรก็ตาม ตลาดโดยรวมในระยะนี้ยังคงได้รับปัจจัยเชิงบวกจากตลาดต่างประเทศที่ปรับตัวขึ้นจากการลงนามมาตรการ “American Rescue Plan Act of 2021” วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ จาก ปธน.โจ ไบเดน โดยการลงนามครั้งนี้จะทำให้กฎหมายดังกล่าวถูกบังคับใช้ก่อนมาตรการช่วยเหลือผู้ว่างงานในปัจจุบันจะหมดอายุลงในวันที่ 14 มี.ค. คาดช่วยหนุนภาพรวมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ-โลก จากแนวโน้ม อุปสงค์ในสหรัฐฟื้นตัวขึ้นและส่งถ่ายไปยังเศรษฐกิจอื่นของโลกด้วย เป็นจิตวิทยาเชิงบวกหนุนทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวขึ้นได้ต่อ
พร้อมด้วยการผลการประชุม ECB เมื่อวานนี้ มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิม รวมทั้งคงวงเงินในโครงการ PEPP ที่ระดับ 1.85 ล้านล้านยูโร อีกทั้งส่งสัญญาณเตรียมเพิ่มวงเงินในการเข้าซื้อพันธบัตรในช่วงไตรมาสที่ 2 เพื่อกดอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำไว้ต่อไป คาดจะเป็นจิตวิทยาเชิงบวกกระตุ้นกระแสเงินทุนไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงได้ต่อ
โดย AIRA เริ่มมีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มอสังหาฯ ซึ่งเป็นหุ้น High Beta โดยจะสามารถปรับตัวขึ้นได้ดีตามแนวโน้มเศรษฐกิจฟื้นตัว ขณะที่เราคาดว่าภาพรวมของกลุ่มอสังหาฯ ในปี 2564 มีแนวโน้มดีขึ้นตามลำดับ หลังได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ในปีที่ผ่านมา คาดอุตสาหกรรมผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว จากการทยอยปลดล็อคกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และการกระจายวัคซีน ทำให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายมากขึ้น รวมทั้งคาดหวังการกลับมาของลูกค้าชาวต่างชาติภายหลังเปิดประเทศ