JJNY : ปะทะเดือดอนุทิน-ธนาธร│WHOชี้ไม่มีเหตุผลหยุดใช้แอสตรา│หุ้นไทยติดลบ โดนข่าวยกเลิกฉีดAstraZeneca│ปชป.ร้องล้มดีลภท.

ย้อนดูปะทะเดือด อนุทิน-ธนาธร กล่าวหาแรง โกหกเรื่องวัคซีน กลางวงคลับเฮาส์
https://www.matichon.co.th/politics/news_2621441
 

 
ย้อนดู อนุทิน-ธนาธร ปะทะเดือด กลางวงคลับเฮาส์ ธนาธร สวนแรง อนุทินโกหกเรื่องวัคซีน ด้านอนุทินชี้แจงกลับ เป็นไปได้ยังไง กล่าวหารองนายกฯโกหก ก่อนดีดตัวออกจากห้องสนทนา
 
เมื่อวันที่ 12 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ห้องสนทนาคลับเฮาส์ ห้อง “วัคซีนไทยควรไปต่อหรือพอแค่นี้” ซึ่งมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข (สธ.) เข้าร่วมตอบคำถามประชาชนในห้องดังกล่าว นายอนุทิน ได้ชี้แจงแผนการให้บริการวัคซีน ซึ่งยังเป็นไปตามเป้า ทั้งนี้ AstraZeneca (AZ) คัดเลือก SiamBioScience (SBS) เองโดยไม่เกี่ยวรัฐบาลเพราะมีโรงงานพร้อมที่สุดในประเทศ ยืนยันฉีดวัคซีนคนไทยปีนี้ 60 ล้านโดส เริ่มเดือน มิ.ย. 5 ล้านโดส ก่อนปูพรมฉีดเดือนละ 10 ล้านโดสตั้งแต่ ก.ค. ยาวไปจนถึงสิ้นปี 2564
 
ทั้งนี้ ช่วงหนึ่ง ได้เกิดเหตุการณ์ดีเบต ตอบโต้กันดุเดือด เมื่อ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้เข้ามาในห้องสนทนา และกล่าวว่า นายอนุทิน กำลังโกหกประชาชน โดยยกแผนการบริหารจัดการวัคซีน ที่หน่วยงานราชการเสนอต่อกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎร เมื่อช่วงเดือน พ.ย.2563 ระบุว่า ประเทศไทยจะฉีดวัคซีนตั้งแต่ปี 2021-2023 ปีละประมาณ 10 ล้านโดสเท่านั้น ซึ่งไม่สอดคล้องกับที่ นายอนุทิน ให้ข่าวเสมอว่า จะฉีดให้ได้ในหลัก 50-60 ล้านโดสในปีนี้ (2564)
 
ผมคิดว่า มันมีประเด็นโกหกแบบนี้ไม่ได้ บอกว่าแอสตร้าเซเนก้ามีความพร้อมส่งได้ทันตามกำหนด ประโยคนี้มีปัญหามากๆ เพราะเอกสารหน่วยราชการที่เอามาชี้แจงกมธ.ปลายเดือน พ.ย.ยังบอกอยู่เลยว่า แผนการฉีดวัคซีนในประเทศไทย จะฉีดปี 2021 11 ล้านโดส 2022 11 ล้านโดส 2023 10.5 ล้านโดส อีก 3 ปีจากนี้นะครับถึงจะฉีดได้เต็ม นี่เป็นแผนที่ยังอยู่กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเสนอกับหน่วยงานสภาผู้แทนราษฎร
 
ทำให้ นายอนุทิน กล่าวแทรกขึ้นมา ชี้แจงเชิงตัดพ้อ ว่า คุณธนาธร พูดว่าผมโกหก ถ้าพูดว่ารองนายกรัฐมนตรีมาโกหกประชาชน มันเป็นไปได้ยังไงครับ* ธนาธร กล่าว
 
ทั้ง 60 ล้านโดส จะถูกฉีดในปีนี้ แล้วจะสั่งอีกในปีหน้าก็เป็นเรื่องปีหน้า ที่นายธนาธรพูดเป็นแผนแรก ตอนนี้เรารู้แล้ว เขาจะจัดส่งตามสัญญา เราก็ปรับแผน แล้วก็ฉีดให้ครบ แล้วจากนั้นก็ปรับแผนไปเรื่อยๆ เอายี่ห้ออื่นที่ดีกว่าได้ ผมรับฟัง ทุกความเห็น ไม่ใช่เราอยู่คนละฟากแล้วเราไม่ฟัง อะไรเป็นประโยชน์เรามาใช้ ผมมาชี้แจง ไม่ได้มาต่อล้อต่อเถียงกับใคร สำหรับตนตอนนี้ ตั้งแต่เดือนมิ.ย. จะต้องฉีดให้ได้ 5 ล้านโดส ก.ค. 10 ล้านโดส ระหว่างทาง จะฉีดเพิ่มอย่างไร มีเวลาพิจารณา
 
ก่อนที่นายอนุทิน จะออกไปจากห้องสนทนา ทันที ทำให้ผู้ร่วมสนทนากล่าวบ่นว่า นายอนุทินออกไปแล้ว กำลังจะสอบถามเรื่องเฟกนิวส์ ที่ว่าสหรัฐฯรับรองวัคซีนแอสต้าเซเนก้า
 
* น่าจะพิมพ์ผิด ควรเป็น "อนุทินกล่าว" ครับ

 
ดับเบิลยูเอชโอชี้ 'ไม่มีเหตุผล' ต้องหยุดใช้วัคซีนแอสตราเซเนกา
https://www.dailynews.co.th/foreign/830765
 
ดับเบิลยูเอชโอชี้ "ไม่มีเหตุผล" ต้องหยุดใช้วัคซีนแอสตราเซเนกา
 
องค์การอนามัยโลกยืนยัน วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของแอสตราเซเนกา/ออกซฟอร์ด สามารถใช้งานได้ และจนถึงปัจจุบันยังไม่มี "หลักฐานอย่างเป็นทางการ" ว่าการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จะทำให้เสียชีวิต 
 
 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 13 มี.ค. ว่าพญ.มาร์กาเร็ต แฮร์ริส โฆษกองค์การอนามัยโลก ( ดับเบิลยูเอชโอ ) กล่าวเมื่อวันศุกร์ กรณีหลายประเทศระงับการใช้งานวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของแอสตราเซเนกา/ออกซฟอร์ด ว่าในขณะที่กำลังมีการตรวจสอบอย่างละเอียด ว่าวัคซีนตัวนี้ส่งผลให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำหรือไม่ ดับเบิลยูเอชโอมองว่า "ไม่มีความจำเป็น" ที่จะต้องระงับใช้งานวัคซีนของแอสตราเซเนกา/ออกซฟอร์ด
 
  ทั้งนี้ วัคซีนตัวดังกล่าวผ่านการรับรองจากดับเบิลยูเอชโอ เพื่อการใช้งานเป็นกรณีฉุกเฉินเมื่อกลางเดือนที่แล้ว ซึ่งพญ.แฮร์ริสกล่าวว่า การจะอนุมัติการใช้งานวัคซีนตัวใดตัวหนึ่งต้องมีการพิจารณาอย่างละเอียดจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน โดยทุกคนลงความเห็นว่า วัคซีนของแอสตราเซเนกา/ออกซฟอร์ด "ใช้ต่อได้" และจนถึงปัจจุบันยังไม่มี "การยืนยันอย่างเป็นทางการ" ว่าการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ยี่ห้อใดก็ตาม ส่งผลให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ขั้นรุนแรงจนเสียชีวิต
 
ขณะที่สำนักงานใหญ่ของแอสตราเซเนกา ใเนมืองเคมบริดจ์ของสหราชอาณาจักร เผยแพร่แถลงการณ์ว่า ผลการวิเคราะห์ด้านความปลอดภัยของวัคซีนที่บริษัทพัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ซึ่งแจกจ่ายไปทั่วโลกมากกว่า 10 ล้านโดสแล้ว ไม่พบข้อบ่งชี้ว่าจะก่อให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน สำหรับรายงานว่ามีประชาชนจำนวนหนึ่งเกิดอาการไม่พึงประสงค์ดังกล่าว หลังได้รับวัคซีนตัวนี้ "ถือว่ายังเป็นอัตราต่ำกว่ามาก" เมื่อเทียบกับการเกิดภาวะเดียวกันในประชาชนทั่วไป และผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน แต่ยืนยันว่า บริษัทติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
 
อนึ่ง วัคซีนของแอสตราเซเนกา/ออกซฟอร์ด กำลังเป็นวัคซีนที่ดับเบิลยูเอชโอใช้แจกจ่ายผ่านโครงการโคแวกซ์มากที่สุดในตอนนี้.
 
https://twitter.com/Quicktake/status/1370417897131106307
https://twitter.com/SCMPNews/status/1370438188292923394
 


หุ้นไทยติดลบสวนทางภูมิภาค โดนข่าวยกเลิกการฉีดวัคซีน AstraZeneca ของนายกฯและคณะ
https://www.khaosod.co.th/economics/stock-monitor/news_6119772

สรุปภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นไทย วันที่ 12 มี.ค. 2564 SET Index ปิดที่ 1,568.19 จุด เปลี่ยนแปลง -6.94 จุด หรือ -0.44% มูลค่าการซื้อขาย 84,023.49 ล้านบาท วันนี้ SET Index เปิดตลาดในแดนบวก ก่อนจะย่อตัวลงในแดนลบสวนทางภูมิภาค โดยได้รับแรงกดดันจากกลุ่มท่องเที่ยว สันทนาการ และค้าปลีก จากข่าวการยกเลิกการฉีดวัคซีน AstraZeneca ของนายกรัฐมนตรีและคณะ หลังหลายชาติในยุโรปสั่งระงับการฉีด เนื่องจากสงสัยว่ามีผลข้างเคียงทำให้ลิ่มเลือดแข็งตัว ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีข้อสรุปว่าเกิดจากวัคซีนหรือไม่ ทำให้เกิด Sentiment ลบเกี่ยวกับกับความกังวลในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการเปิดประเทศ และเกิดสัญญาณ sector rotation ในระยะสั้น ไปยังหุ้นกลุ่ม Defensive เช่น โรงไฟฟ้า ที่มีการปรับตัวลงมาในระยะก่อนหน้านื้
 
อย่างไรก็ตาม ตลาดโดยรวมในระยะนี้ยังคงได้รับปัจจัยเชิงบวกจากตลาดต่างประเทศที่ปรับตัวขึ้นจากการลงนามมาตรการ “American Rescue Plan Act of 2021” วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ จาก ปธน.โจ ไบเดน โดยการลงนามครั้งนี้จะทำให้กฎหมายดังกล่าวถูกบังคับใช้ก่อนมาตรการช่วยเหลือผู้ว่างงานในปัจจุบันจะหมดอายุลงในวันที่ 14 มี.ค. คาดช่วยหนุนภาพรวมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ-โลก จากแนวโน้ม อุปสงค์ในสหรัฐฟื้นตัวขึ้นและส่งถ่ายไปยังเศรษฐกิจอื่นของโลกด้วย เป็นจิตวิทยาเชิงบวกหนุนทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวขึ้นได้ต่อ
 
พร้อมด้วยการผลการประชุม ECB เมื่อวานนี้ มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิม รวมทั้งคงวงเงินในโครงการ PEPP ที่ระดับ 1.85 ล้านล้านยูโร อีกทั้งส่งสัญญาณเตรียมเพิ่มวงเงินในการเข้าซื้อพันธบัตรในช่วงไตรมาสที่ 2 เพื่อกดอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำไว้ต่อไป คาดจะเป็นจิตวิทยาเชิงบวกกระตุ้นกระแสเงินทุนไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงได้ต่อ
 
โดย AIRA เริ่มมีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มอสังหาฯ ซึ่งเป็นหุ้น High Beta โดยจะสามารถปรับตัวขึ้นได้ดีตามแนวโน้มเศรษฐกิจฟื้นตัว ขณะที่เราคาดว่าภาพรวมของกลุ่มอสังหาฯ ในปี 2564 มีแนวโน้มดีขึ้นตามลำดับ หลังได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ในปีที่ผ่านมา คาดอุตสาหกรรมผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว จากการทยอยปลดล็อคกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และการกระจายวัคซีน ทำให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายมากขึ้น รวมทั้งคาดหวังการกลับมาของลูกค้าชาวต่างชาติภายหลังเปิดประเทศ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่