ขอแนะนำตัวสักหน่อยปัจจุบัน เราอายุย่าง36เป็นพวกintrovertชอบอยู่กับคอมมือถือและการอ่านหนังสือ ไม่คิดจะมีแฟนเพราะรู้สึกมีความสุขกับการใช้เงินคนเดียว ขอเล่าย้อนนนไปยาวยาวนิดนึงช่วงอายุ21ก่อนจะจบก็ต้องมีฝึกงานที่ฝึกงานก็เลือกเองเลือกฝึกที่สนามบินเลยเพราะเป็นที่เดียวที่ได้ค่าฝึกงาน9000แต่ต้องสอบให้ได้นะเค้ารับฝึกจำนวนจำกัด ฝึกเสร็จทางสนามบินก็เลือกตัวเข้าทำงานแต่ก็เลือกทำงานที่เอกชนบริษัทหนึ่ง เพียงเพราะบริษัทยื่นข้อเสนอ เงินเดือน50k(ไม่รวมcom.)ใครจะไม่เอาแถมเจ้าของบริษัทก็ไม่ใช่ใครอื่นไกลถึงจะไม่มั่นคงเริ่มก่อตั้งแต่พี่เจ้าของก็จิตวิทยาสูงบอกว่าเราจะโตไปพร้อมกัน
มาเริ่มรู้สึกตัวอีกทีก็เข้าปีที่13 เริ่มรู้สึกว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ ไม่อยากทำงาน เงินที่มีอยู่ก็พอแล้ว จากที่เคยขยันความรับผิดชอบสูงมากก็ไม่ค่อยไปทำงาน เข้าบ่ายบ้าง กับเร็วบ้าง คือเละมาก จนเพื่อนร่วมงานเกลียดความลำเอียงของเจ้าของบริษัททำไมไม่ไล่ออกสักที ต้องบอกว่าเราเริ่มวางแผนเพราะแจ้งลาออกมา3ครั้งไม่เคยได้ออก เพิ่มเงินเดือนบ้างละ อยู่ช่วยบ้างละ ให้พนักงานมาตามถึงคอนโดทุกวัน
การวางแผนไปเที่ยวจึงเกิดขึ้นคิดไว้ 2ปีแล้วค่อยคิดว่าจะทำอะไรต่อ
-1.ปิดบัตรเคดิตทุกใบก่อนออก
-2.มีเงินเทียว200,000ใน2ปีต้องอยู่ได้
-3.มีรายได้ที่โอนเข้าเสมอที่มาจากการลงทุนไว้เช่นปล่อยเช่าคอนโดตัวเอง
ก็ยังไม่ได้ออกจนมีเหตุการไม่คาดฝันมันเป็นจุดเปลี่ยนกับจิตใจทุกอย่าง ถึงกับชีวิตแต่ก็มีปฏิหาริย์ ต้องรักษาตัวอยู่2เดือนกว่า จำคำคุณหมอตี๋บอกว่าชีวิตมีแค่ชีวิตเดียวใช้ให้ดี อายุก็เข้า34ละยังไม่รู้ความหมายของชีวิต ไม่มีอะไรเลยมีแต่เงินรู้ทางแค่คอนโดกับที่ทำงานพอมีเรื่องมากระทบหรือทำความผิดพลาดก็รับไม่ได้เพราะไม่มีภูมิคุ้มกันให้ตัวเองเลย อีกอย่างเป็นคนชอบคิด ชอบเลือกและคิดอยู่คนเดียวไม่พูดไม่บอกใคร(คิดดูไม่มีใครรู้ว่าเรามีบ้านที่ต่างจังหวัด)
**ได้ยินแบบนั้นยุติทุกอย่าง เลือกออกเดินทางตามหนังสือเล่มหนึ่ง และทุกวันต้องคุยกับคนและหาเพื่อนใหม่ใหม่
ออกจากโรงบาลกับมาหาคนที่ดูแลที่ต่างจังหวัด ปิดทุกช่องทางที่เป็นตัวตน ไม่ติดต่อใครเลยครอบครัวญาติทั้งหมดแม้แต่เพื่อนที่รักที่สุด (ใช้เป็นเงินสดเท่านั้นและโอนเงินใส่ธนาคารของคนดูแลเราจะมีสเต็ป123กันพลาดเสมอถูกสอนจนเป็นนิสัยไปแล้ว) แต่พวกเค้าก็คงชินกับการกระทำของเราอยู่แล้ว และเราเคยบอกไว้แล้วว่าขอเวลา2ปีแล้วจะกลับมาเอง ส่วนคอนโดให้ส่วนกลางจัดการโอนเข้าบัญชีไป
*ที่แรกที่ไปเลยภาคเหนือ น่าน แพร่ เชียงใหม่ ลำพูล ลำปาง คือ2เดือน อยู่แบบนักท่องเทียวเลย
*ที่ที่2ภาคใต้เลย สมุย หลงรักหนักมาก อยู่อีก2เดือน เที่ยวทุกวัน
**ที่ที่3อีสานเริ่มนครพนมยังมีแวะไปกินส้มตำที่ขอนแก่นเพราะรีวิวบอกอร่อยมากกก
6เดือนที่ผ่านไป200,000 ไม่พอคะใช้เงินส่วนตัว เบิก-ถอนมันกันไปเลย
**สติและประสบการณ์เริ่มมา คิดอีกควรไปทำงานและเที่ยวไปด้วยเพราะเงินเริ่มหมด(เริ่มจะหมดของเราขั้นต่ำก็ยังมีไม่ต่ำกว่าล้านนะจ้ะ)ก็กลับมาหาคนที่ดูแลที่ต่างจังหวัดให้หางานให้ ทำแบบประจำก็ไม่ได้เดียวก็ตามเจอขอทำพาททามแล้วกันจะได้มีเวลาเที่ยวด้วย(ต้องบอกว่าเราเป็นคนที่กลัวความไม่ปลอดภัยมาก จะดูแลตัวเองดีเสมอ)และมาลงตัวกับเพื่อนคนที่ดูแลเรา มาขายข้าวแกง เราก็มาสืบก่อนเลยคุณน้าที่เราจะมาอยู่ด้วย เค้าอยู่คนเดียว เป็นม่าย ลูกก็หนีไปแล้ว ใช่เลยเป้าหมายมาทำงานที่นี้ละกัน(ที่นี้ละที่สอนเราให้รู้ความหมายและเป็นคนมากขึ้น)
###ก่อนอื่นเราพึ่งรู้ว่าเราไม่เป็นอะไรเลย ไม่รู้กะทั้งมะเขืออะไรเยอะแยะไปหมด ทอดไข่ดาวก็ไม่ได้ โดนว่าโดนบ่นแต่เราก็งัดข้อดีของตัวเองออกมา เริ่มที่จะเรียนรู้ ไปฝึกหัดขับรถ(ทั้งทั้งที่กลัวมาก เคยแต่เป็นผู้นั่งมีรถบริษัทรับส่ง เหมือนออกนอกกรอบ)ขับรถรับส่งคุณน้าไปตลาด รับหน้าที่ขายของ ทุกวันนี้ได้คุยกับคนมากขึ้น ยิ้มมากขึ้น และรู้สึกว่าตัวเองชอบขายของมาก พูดอะไรคนก็ซื้อ(พรสวรรค์) มันเป็นความธรรมที่ไม่ธรรมดา ความอดทนก็สูงมากทั้งที่ไม่เคยมี ต้องตื่นตี4ทุกวัน และยังได้ไปเที่ยวตลอดเพราะคุณน้าเค้ามีเพื่อนพากันไปเที่ยว แต่ยิ่งอยู่ก็ยิ่งมีข้อเปรียบเทียบตรรกะความคิดก็ต่างกัน สิ้นเดือนมีนาจะครบ2ปี ที่รับปากว่าจะกลับไปที่เดิมแล้ว กะว่าจะช่วยคุณน้าให้เค้าคิดได้เพราะมาอยู่2ปี ก็รู้สึกผูกพัน
......ข้อเสียที่เจอที่สมควรปรับกับตัวเองก่อนจะสายไปตามอายุ.......
1.การลงทุนของพวกเค้า ยืมเงินของคนอื่นมาลงทุนบางทีก็เอามากินเอามาใช้เอง จนเป็นหนี้มากมายแล้วจ่ายดอก สินทรัพย์กับหนี้สินไม่Balance
2.เน้นใช้แรงไม่ใช้สมองใช้ใจล้วนนน
3.เป็นน้ำเต็มแก้วไม่รับฟังคำต่างจากบุคคลอื่น
4.กินหรูหรา อยู่แพง ใช้เงินเกินตัว
5.วันวันคุยกันแต่เรื่องจะเอาเงินตรงไหนมาใช้ทางนี้ หรือจะไม่จ่ายดีไม่พอ
6.ขาดความรัก มั่วแต่จะหาความรักตอนอายุ59(โดนหลอกเงินตลอดที่ผ่านมาน่าสงสาร)
7.ค้าขายมานานดูภายนอกน่าจะรวย แต่ไม่มีเงินสดติดบัญชี มีไม่ถึง50, 000 เวลาเดือดร้อนใช้เงินด่วนก็หายืมใหม่
8.บวกลบไม่เกิน2ปี/ล้มละลาย
**ความพยายามของเราที่จะแก้ไขปัญหานี้ให้ได้ และท้าทายตัวเองอยากจะพัฒนาคนให้ดีขึ้น พูดและพยายามทำให้เค้าเห็น แต่กับไม่ได้ผล
... เราเริ่มปฏิบัติกับตัวเองใหม่....
1.เงินเดือน8000 กินอยู่บ้านเค้าฟรีทุกอย่าง(ตามที่ตกลงกันทำงานเกินเงินตลอดทำด้วยใจไม่ใช้สมอง)
1.1 เราเล่นแชร์กับเค้า2มือ4000ลงทุนไว้เปียออกมาก80, 000ประมาน/2ปี
1.2 ฝากธนาคารแบบประจำเดือนละ2000
1.3 บริจาคเงินทุกเดือนเดือนละ500การศึกษาเด็กที่ด้อยโอกาส
1.4 ให้คนดูแลเรา1000ค่าขนม
1.5 ค่าใช้จ่ายส่วนตัว300
1.6 เล่นหวยเพื่อเข้าสังคมแม่บ้าน200
1.7 เราเปลี่ยนตัวเองใช้ถุงผ้า ใส่เสื้อยืดไม่ซื้อใหม่ เอาสูทหรือกระเป๋าแบรน นาฬิกาขายออกไปเพราะไม่จำเป็น
2ปีที่ขายข้าวแกงเงินเดือน8000มีเงินเก็บเป็นแสน(จาก8000อย่างเดียวไม่เอาตรงอื่นมาบวกเลยนะ.... สาบาน)
🥰🥰ต้องขอบคุณความผ่านเลยนะ🥰🥰
😁😁เอ้ะเราทำได้นิ ตอนนี้ที่ได้คือพัฒนาตัวเองให้เป็นมนุษย์มากขึ้น มีความรู้สึกรักเสียใจเป็น หวังดี เราไม่สามารถสอนใครได้แต่เราสอนให้เราเป็นคนดีมากขึ้น
...... ข้อคิดที่เคยทำมากับเจ้าของบริษัท.....
1.เค้าสอนเรื่องเพิ่มการศึกษาตลอด ส่งไปเรียนเสริมทักษะ eq/iq/sq/rqมันช่วยเราได้ในช่วงที่เราแย่มันจะมีความคิดดีและการตัดสินใจที่ใช้เหตุผล
2.สร้างนิสัยการเก็บเงิน คอนโดก็ได้มาจากพี่เค้านั้นละ กู้ยืมแล้วหักจากเงินเดือน(พี่เค้าบอกว่าผ่อนให้เป็นของเรา เราไม่อยู่ก็ปล่อยเช่า)
3.การลงทุนกับหุ้นกองทุนตราสารหนี้ฝากประจำซื้อสลากออมสินธกส
(ส่วนใหญ่เราทำแค่ลงทุนกับทองสลากเราชอบความชัวร์มากกว่า)
4.มีสเต็ปกระจายความเสี่ยง1234ตลอด
.... ความคิดมันสอนกันไม่ได้จริงจริง แต่ความคิดสามารถบอกได้ว่าใครจะรวยใครจะจน ... และที่สำคัญคิดได้ตอนอายุเท่าไรและเริ่มตอนไหน(ตอนนี้เราย่าง36ละเริ่มทั้งจิตใจและร่างกาย)
฿฿ตั้งเป้าหมาย฿฿
-ออกจากคุณน้าเดือนกรกฏาจะช่วยเค้าให้ดีที่สุด
-จะออกไปทำธุระกิจค้าขายเปิดร้านเองที่ต่างจังหวัด
-จะพาคนที่รักเราดูแลเราไปเที่ยวทดแทนเวลาที่เสียไป
-ส่วนเรื่องเงินเราว่าเราสามารถบริหารการจัดการที่ดีอยู่แล้ว
ปล.... เรามีเวลาแค่สิ้นเดือนกรกฏา
ข้อดีที่สุดในการมาที่นี้อีกหนึ่งอย่างคือ ได้เจอคนที่ทำให้เราหยุดหายใจพร้อมหัวใจเต้นแรงมากเวลาเค้ามาอยู่ใกล้
เค้าถึงได้บอกกันว่า อยู่ไกลขนาดไหนก็ต้องเจอกันอยู่ดี ถ้าได้ทำบุญร่วมกันมา ... ปล่อยให้เป็นเรื่องของเวลาถ้าใช่ก็ใช่ถ้าไม่ใช่เราจะจากกันอยู่แล้วก็ต้องไกลกัน..
(เพราะเรามองหาคนที่รักเราที่ใจ"ไม่ใช่" ด้วยเงิน ส่วนใหญ่พอรู้ว่าเราขายข้าวแกงเดือนละ8000 ใส่เสื้อเก่า ใช้ถุงผ้าก็มีแต่คนเดินหนีห่าง/ผิดกับเมื่อก่อนแต่งตัวดีมีเงินมีแต่คนเข้าหา)
ความคิดที่คนรวยเค้ามีกัน"กับ" ความคิดคนจนเค้าคิด(ยาวหน่อยแต่มีความคิดดีดีซ่อนอยู่มากมาย)ด่าได้แต่อย่าแรงมากพึ่งจะสำนึก
มาเริ่มรู้สึกตัวอีกทีก็เข้าปีที่13 เริ่มรู้สึกว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ ไม่อยากทำงาน เงินที่มีอยู่ก็พอแล้ว จากที่เคยขยันความรับผิดชอบสูงมากก็ไม่ค่อยไปทำงาน เข้าบ่ายบ้าง กับเร็วบ้าง คือเละมาก จนเพื่อนร่วมงานเกลียดความลำเอียงของเจ้าของบริษัททำไมไม่ไล่ออกสักที ต้องบอกว่าเราเริ่มวางแผนเพราะแจ้งลาออกมา3ครั้งไม่เคยได้ออก เพิ่มเงินเดือนบ้างละ อยู่ช่วยบ้างละ ให้พนักงานมาตามถึงคอนโดทุกวัน
การวางแผนไปเที่ยวจึงเกิดขึ้นคิดไว้ 2ปีแล้วค่อยคิดว่าจะทำอะไรต่อ
-1.ปิดบัตรเคดิตทุกใบก่อนออก
-2.มีเงินเทียว200,000ใน2ปีต้องอยู่ได้
-3.มีรายได้ที่โอนเข้าเสมอที่มาจากการลงทุนไว้เช่นปล่อยเช่าคอนโดตัวเอง
ก็ยังไม่ได้ออกจนมีเหตุการไม่คาดฝันมันเป็นจุดเปลี่ยนกับจิตใจทุกอย่าง ถึงกับชีวิตแต่ก็มีปฏิหาริย์ ต้องรักษาตัวอยู่2เดือนกว่า จำคำคุณหมอตี๋บอกว่าชีวิตมีแค่ชีวิตเดียวใช้ให้ดี อายุก็เข้า34ละยังไม่รู้ความหมายของชีวิต ไม่มีอะไรเลยมีแต่เงินรู้ทางแค่คอนโดกับที่ทำงานพอมีเรื่องมากระทบหรือทำความผิดพลาดก็รับไม่ได้เพราะไม่มีภูมิคุ้มกันให้ตัวเองเลย อีกอย่างเป็นคนชอบคิด ชอบเลือกและคิดอยู่คนเดียวไม่พูดไม่บอกใคร(คิดดูไม่มีใครรู้ว่าเรามีบ้านที่ต่างจังหวัด)
**ได้ยินแบบนั้นยุติทุกอย่าง เลือกออกเดินทางตามหนังสือเล่มหนึ่ง และทุกวันต้องคุยกับคนและหาเพื่อนใหม่ใหม่
ออกจากโรงบาลกับมาหาคนที่ดูแลที่ต่างจังหวัด ปิดทุกช่องทางที่เป็นตัวตน ไม่ติดต่อใครเลยครอบครัวญาติทั้งหมดแม้แต่เพื่อนที่รักที่สุด (ใช้เป็นเงินสดเท่านั้นและโอนเงินใส่ธนาคารของคนดูแลเราจะมีสเต็ป123กันพลาดเสมอถูกสอนจนเป็นนิสัยไปแล้ว) แต่พวกเค้าก็คงชินกับการกระทำของเราอยู่แล้ว และเราเคยบอกไว้แล้วว่าขอเวลา2ปีแล้วจะกลับมาเอง ส่วนคอนโดให้ส่วนกลางจัดการโอนเข้าบัญชีไป
*ที่แรกที่ไปเลยภาคเหนือ น่าน แพร่ เชียงใหม่ ลำพูล ลำปาง คือ2เดือน อยู่แบบนักท่องเทียวเลย
*ที่ที่2ภาคใต้เลย สมุย หลงรักหนักมาก อยู่อีก2เดือน เที่ยวทุกวัน
**ที่ที่3อีสานเริ่มนครพนมยังมีแวะไปกินส้มตำที่ขอนแก่นเพราะรีวิวบอกอร่อยมากกก
6เดือนที่ผ่านไป200,000 ไม่พอคะใช้เงินส่วนตัว เบิก-ถอนมันกันไปเลย
**สติและประสบการณ์เริ่มมา คิดอีกควรไปทำงานและเที่ยวไปด้วยเพราะเงินเริ่มหมด(เริ่มจะหมดของเราขั้นต่ำก็ยังมีไม่ต่ำกว่าล้านนะจ้ะ)ก็กลับมาหาคนที่ดูแลที่ต่างจังหวัดให้หางานให้ ทำแบบประจำก็ไม่ได้เดียวก็ตามเจอขอทำพาททามแล้วกันจะได้มีเวลาเที่ยวด้วย(ต้องบอกว่าเราเป็นคนที่กลัวความไม่ปลอดภัยมาก จะดูแลตัวเองดีเสมอ)และมาลงตัวกับเพื่อนคนที่ดูแลเรา มาขายข้าวแกง เราก็มาสืบก่อนเลยคุณน้าที่เราจะมาอยู่ด้วย เค้าอยู่คนเดียว เป็นม่าย ลูกก็หนีไปแล้ว ใช่เลยเป้าหมายมาทำงานที่นี้ละกัน(ที่นี้ละที่สอนเราให้รู้ความหมายและเป็นคนมากขึ้น)
###ก่อนอื่นเราพึ่งรู้ว่าเราไม่เป็นอะไรเลย ไม่รู้กะทั้งมะเขืออะไรเยอะแยะไปหมด ทอดไข่ดาวก็ไม่ได้ โดนว่าโดนบ่นแต่เราก็งัดข้อดีของตัวเองออกมา เริ่มที่จะเรียนรู้ ไปฝึกหัดขับรถ(ทั้งทั้งที่กลัวมาก เคยแต่เป็นผู้นั่งมีรถบริษัทรับส่ง เหมือนออกนอกกรอบ)ขับรถรับส่งคุณน้าไปตลาด รับหน้าที่ขายของ ทุกวันนี้ได้คุยกับคนมากขึ้น ยิ้มมากขึ้น และรู้สึกว่าตัวเองชอบขายของมาก พูดอะไรคนก็ซื้อ(พรสวรรค์) มันเป็นความธรรมที่ไม่ธรรมดา ความอดทนก็สูงมากทั้งที่ไม่เคยมี ต้องตื่นตี4ทุกวัน และยังได้ไปเที่ยวตลอดเพราะคุณน้าเค้ามีเพื่อนพากันไปเที่ยว แต่ยิ่งอยู่ก็ยิ่งมีข้อเปรียบเทียบตรรกะความคิดก็ต่างกัน สิ้นเดือนมีนาจะครบ2ปี ที่รับปากว่าจะกลับไปที่เดิมแล้ว กะว่าจะช่วยคุณน้าให้เค้าคิดได้เพราะมาอยู่2ปี ก็รู้สึกผูกพัน
......ข้อเสียที่เจอที่สมควรปรับกับตัวเองก่อนจะสายไปตามอายุ.......
1.การลงทุนของพวกเค้า ยืมเงินของคนอื่นมาลงทุนบางทีก็เอามากินเอามาใช้เอง จนเป็นหนี้มากมายแล้วจ่ายดอก สินทรัพย์กับหนี้สินไม่Balance
2.เน้นใช้แรงไม่ใช้สมองใช้ใจล้วนนน
3.เป็นน้ำเต็มแก้วไม่รับฟังคำต่างจากบุคคลอื่น
4.กินหรูหรา อยู่แพง ใช้เงินเกินตัว
5.วันวันคุยกันแต่เรื่องจะเอาเงินตรงไหนมาใช้ทางนี้ หรือจะไม่จ่ายดีไม่พอ
6.ขาดความรัก มั่วแต่จะหาความรักตอนอายุ59(โดนหลอกเงินตลอดที่ผ่านมาน่าสงสาร)
7.ค้าขายมานานดูภายนอกน่าจะรวย แต่ไม่มีเงินสดติดบัญชี มีไม่ถึง50, 000 เวลาเดือดร้อนใช้เงินด่วนก็หายืมใหม่
8.บวกลบไม่เกิน2ปี/ล้มละลาย
**ความพยายามของเราที่จะแก้ไขปัญหานี้ให้ได้ และท้าทายตัวเองอยากจะพัฒนาคนให้ดีขึ้น พูดและพยายามทำให้เค้าเห็น แต่กับไม่ได้ผล
... เราเริ่มปฏิบัติกับตัวเองใหม่....
1.เงินเดือน8000 กินอยู่บ้านเค้าฟรีทุกอย่าง(ตามที่ตกลงกันทำงานเกินเงินตลอดทำด้วยใจไม่ใช้สมอง)
1.1 เราเล่นแชร์กับเค้า2มือ4000ลงทุนไว้เปียออกมาก80, 000ประมาน/2ปี
1.2 ฝากธนาคารแบบประจำเดือนละ2000
1.3 บริจาคเงินทุกเดือนเดือนละ500การศึกษาเด็กที่ด้อยโอกาส
1.4 ให้คนดูแลเรา1000ค่าขนม
1.5 ค่าใช้จ่ายส่วนตัว300
1.6 เล่นหวยเพื่อเข้าสังคมแม่บ้าน200
1.7 เราเปลี่ยนตัวเองใช้ถุงผ้า ใส่เสื้อยืดไม่ซื้อใหม่ เอาสูทหรือกระเป๋าแบรน นาฬิกาขายออกไปเพราะไม่จำเป็น
2ปีที่ขายข้าวแกงเงินเดือน8000มีเงินเก็บเป็นแสน(จาก8000อย่างเดียวไม่เอาตรงอื่นมาบวกเลยนะ.... สาบาน)
🥰🥰ต้องขอบคุณความผ่านเลยนะ🥰🥰
😁😁เอ้ะเราทำได้นิ ตอนนี้ที่ได้คือพัฒนาตัวเองให้เป็นมนุษย์มากขึ้น มีความรู้สึกรักเสียใจเป็น หวังดี เราไม่สามารถสอนใครได้แต่เราสอนให้เราเป็นคนดีมากขึ้น
...... ข้อคิดที่เคยทำมากับเจ้าของบริษัท.....
1.เค้าสอนเรื่องเพิ่มการศึกษาตลอด ส่งไปเรียนเสริมทักษะ eq/iq/sq/rqมันช่วยเราได้ในช่วงที่เราแย่มันจะมีความคิดดีและการตัดสินใจที่ใช้เหตุผล
2.สร้างนิสัยการเก็บเงิน คอนโดก็ได้มาจากพี่เค้านั้นละ กู้ยืมแล้วหักจากเงินเดือน(พี่เค้าบอกว่าผ่อนให้เป็นของเรา เราไม่อยู่ก็ปล่อยเช่า)
3.การลงทุนกับหุ้นกองทุนตราสารหนี้ฝากประจำซื้อสลากออมสินธกส
(ส่วนใหญ่เราทำแค่ลงทุนกับทองสลากเราชอบความชัวร์มากกว่า)
4.มีสเต็ปกระจายความเสี่ยง1234ตลอด
.... ความคิดมันสอนกันไม่ได้จริงจริง แต่ความคิดสามารถบอกได้ว่าใครจะรวยใครจะจน ... และที่สำคัญคิดได้ตอนอายุเท่าไรและเริ่มตอนไหน(ตอนนี้เราย่าง36ละเริ่มทั้งจิตใจและร่างกาย)
฿฿ตั้งเป้าหมาย฿฿
-ออกจากคุณน้าเดือนกรกฏาจะช่วยเค้าให้ดีที่สุด
-จะออกไปทำธุระกิจค้าขายเปิดร้านเองที่ต่างจังหวัด
-จะพาคนที่รักเราดูแลเราไปเที่ยวทดแทนเวลาที่เสียไป
-ส่วนเรื่องเงินเราว่าเราสามารถบริหารการจัดการที่ดีอยู่แล้ว
ปล.... เรามีเวลาแค่สิ้นเดือนกรกฏา
ข้อดีที่สุดในการมาที่นี้อีกหนึ่งอย่างคือ ได้เจอคนที่ทำให้เราหยุดหายใจพร้อมหัวใจเต้นแรงมากเวลาเค้ามาอยู่ใกล้
เค้าถึงได้บอกกันว่า อยู่ไกลขนาดไหนก็ต้องเจอกันอยู่ดี ถ้าได้ทำบุญร่วมกันมา ... ปล่อยให้เป็นเรื่องของเวลาถ้าใช่ก็ใช่ถ้าไม่ใช่เราจะจากกันอยู่แล้วก็ต้องไกลกัน..
(เพราะเรามองหาคนที่รักเราที่ใจ"ไม่ใช่" ด้วยเงิน ส่วนใหญ่พอรู้ว่าเราขายข้าวแกงเดือนละ8000 ใส่เสื้อเก่า ใช้ถุงผ้าก็มีแต่คนเดินหนีห่าง/ผิดกับเมื่อก่อนแต่งตัวดีมีเงินมีแต่คนเข้าหา)