ขอเล่าประสบการณ์ที่ใช้เครื่องประดับเกี่ยวกับหยก ค่อยๆ อ่านอาจยาวหน่อย เครื่องประดับที่สวมใส่ที่ผมประสบเอง 2 ครั้ง  คือ แหวนหยกกรุวัดพระแก้ว ครั้งที่ 1 มี 2 วง หลังจากสวมใส่ทั้งสองนิ้วกลางซ้ายและขวาไประยะหนึ่ง แต่ละวันมีการสวมเข้าเมื่อออกทำงานทำงานเสร็จกลับบ้านก็ถอดออก วันหนึ่งช่วงเย็นกลับบ้านเพื่อถอดออกจากนิ้วขวา พอดึงออกจากนิ้วเกิดแตกออกจากกัน เนื่องจากแน่นไป ส่วนนิ้วซ้ายถอดง่าย แต่เห็นเป็นรอยแตกร้าวเป็นเส้นขวาง จึงนำวางรวมกันไว้ ต่อมาได้ขับรถไปตลาดตอนกลางวัน เพื่อจะจอดข้างฟุตบาท พอถอยรถเกิดท้ายรถไปชน จยย.สามล้อไฟฟ้าที่ร้านเอามาจอดโชว์ประกาศขายเสียหาย ซึ่งเป็นทางสาธารณะข้างฟุตบาทหน้าร้านเขา เจ้าของรถสามล้อไฟฟ้าเลยยัดเยียดให้ซื้อเลย โดยไม่ให้ชดใช้ค่าเสียหายใดๆ อ้างว่าซ่อมไม่ได้ ไม่มีอะไหล่ขายรถมีตำหนิ แต่ในใจก็เคยอยากได้เลยต้องซื้อ เกิดเรื่องเสียเงิน ต่อมาได้มาเจอแหวนหยกอีกสองวง จึงเช่าต่อมาอีก 2 วง เพื่อสวมใส่ทดแทนที่ชำรุดไป วันหนึ่งช่วงเช้ากำลังหยิบมาเพื่อสวมใส่ 1 วงเกิดหลุดมือตกลงพื้นแตกเป็นเสี่ยงกระจาย 3-4 ชิ้น  ก็นำมาห่อไว้ (ที่จริงต้องนำคืนสู่ดิน โดยเอาไปฝังดินตามคนโบราณว่าไว้) แล้วออกทำงานขับรถยนต์ออกจากบ้านกำลังเลี้ยวทางแยกเกิดอุบัติเหตุรถ จยย.พุ่งชนข้างรถมีรอยบุบ เคลียร์ชดใช้ค้าเสียหายตกลงกันได้ นับว่าเกิดเหตุการณ์เกี่ยวกับการใช้แหวนหยกถึงสองครั้ง จึงสรุปได้ว่า...หากเมื่อใดหยกมีรอยร้าวหรือแตกหักเมื่อใดมักจะเกิดเรื่องที่ไม่ดีเกิดขึ้น  แต่เคยได้ยินคนที่ใช้หยก เขาว่าหยกจะเป็นตัวแทนรับเคราะห์แทน ทำให้แตกหักเมื่อมีเคราะห์จากหนักให้เป็นเบาได้ อันนี้เป็นความเชื่อแต่ละบุคคลที่เคยประสบมา  แต่อย่างไรก็ดีท่านใดที่มีหยกให้รักษาให้ดี อย่าให้ผิวหมองคล่ำสกปรก หรือชำรุดแตกหักเป็นอันขาด ส่วนอีกมุมหนึ่งหากท่านใดสวมใส่แล้วเกิดเงางามก็จะส่งผลบ่งบอกจะเกิดเรื่องที่ดีงามมีโชคลาภ เนื่องจากหยกเป็นเครื่องรางชนิดหนึ่ง อาจเป็นของสูงระดับผู้มีอำนาจสวมใส่ อย่างเราๆ บารมีไม่ถึงไม่ควรสวมใส่หากชำรุดแตกหักก็จะเกิดผลตามมา  หากจะสวมใส่ควรเลือกชนิดรูปลักษณ์ที่ไม่แตกหักง่าย เช่น เม็ดประคำคอ ข้อมือที่เป็นเม็ด เป็นต้น เพื่อเสริมดวง