//// เป็นทริปท่องเที่ยวเล็กๆ ที่กินเวลาไม่ถึงวัน แต่กลับมอบความประทับใจได้ไม่น้อยทริปหนึ่งเลยก็ว่าได้
++ นี่เองที่เรียกว่า “ใกล้เกลือกินด่าง” ของดีดีที่อยากพาไปชมกันจ้า
เขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำผาท่าพล อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ครอบคลุมพื้นที่ 1,775 ไร่ อยู่ห่างตัวเมือง 85 กิโลเมตร พื้นที่บริเวณเขตห้ามล่าสัตว์ป่านี้เป็นภูเขาหินปูน ยอดสูงสุด 236 เมตร มีหน้าผาสูงชันเว้าแหว่งซึ่งเกิดจากการกัดเซาะของฝน จนเกิดเป็นถ้ำต่างๆ ทั้งถ้ำนเรศวร ถ้ำเรือ ที่มีหินงอกหินย้อยสวยงาม ถ้ำลอด ซึ่งสามารถเดินทะลุไปยังอีกด้านหนึ่งของภูเขาได้ นอกจากนี้ยังพบซากดึกดำบรรพ์ของหอยและปะการัง เนื่องจากบริเวณนี้เคยเป็นท้องทะเลมาก่อน และยังมีภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์รูปมือคนบนเพิงผาหิน และอักษรญี่ปุ่นโบราณสลักบนก้อนหิน พรรณไม้และร่องรอยสัตว์ป่าต่าง ๆ ที่มักพบระหว่างทางเดินเท้าศึกษาธรรมชาติ เหมาะแก่การทัศนศึกษาเชิงนิเวศ การเที่ยวชมถ้ำควรนำไฟฉายติดตัวมาด้วย ซึ่งในช่วงฤดูฝนถ้ำบางแห่งไม่สามารถเข้าชมได้เนื่องจากมีน้ำท่วมพื้นถ้ำ อ้างอิงข้อมูล
https://thai.tourismthailand.org/Attraction/
และรูปภาพจาก
https://phitsanulok-travel-tips.blogspot.com/2016/11/blog-post_53.html
ขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้
++ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ซ่อนตัวอยู่ห่างไกลความเจริญพอสมควร จึงทำให้มีคนรู้จักจำนวนน้อย นั่นกลับทำให้ฉันมองว่าเป็นข้อดีเสียอีกที่จะไม่มีคนเข้ามาเที่ยวชมกันจนเสียสมดุลธรรมชาติ
+++++ แต่เดิมฉันเคยมาที่นี่ในฐานะอาสาสมัครโครงการ “มิยาซาว่า” ของญี่ปุ่น ที่ต้องนำคณะนักเรียนมัธยมมาศึกษาดูงาน ซึ่งเวลานั้นเจ้าหน้าที่เคยเล่าว่าบนหน้าผายังพอจะมีเลียงผาให้ได้เห็นอยู่บ้าง แต่ครั้นเมื่อได้มีโอกาสกลับมาเยือนในครั้งนี้ ฉันกลับได้ยินข้อมูลที่น่าหดหู่ใจว่าเลียงผาไม่มีอีกต่อไปแล้ว
..แอบเศร้าเล็กๆ เหมือนกัน..ว่าแล้วก็ไปเดินชมถ้ำกันดีกว่าเนอะ
//// ต้องบอกก่อนว่าบริเวณที่จะชมถ้ำต่างๆ นั้นเราสามารถขับรถไปถึงหน้าถ้ำได้ทั้งหมด แต่ขึ้นอยู่กับว่าจะเจอข้อห้ามหรือข้อควรระวังอะไรในการชมถ้ำแต่ละแห่งบ้าง
+++ เริ่มจากถ้ำที่พบซากดึกดำบรรพ์..ระหว่างทางเดินไปถ้ำร่มรื่นพอสมควร ชะง่อนหินยื่นออกมาบังแดดรายทางให้ แถมยังมีลมพัดผ่านช่องเขาสบายตัวมากมายจ้า
++++++++ ประติมากรรมธรรมชาติสวยงาม เรียกว่าถ่ายรูปกันเพลินๆ ได้เลย ทั้งสีของหิน แสง และเงา
+++ ต่อมา “ถ้ำเรือ” เรียกชื่อถ้ำตามประวัติว่าเคยมีการพบซากเรือในถ้ำแห่งนี้ซึ่งเคยเป็นทะเลมาก่อน
++++ ระหว่างเดินเข้าไปแต่ไปได้ไม่ไกลนักเพราะยิ่งเดินยิ่งมืดสลับกับมีค้างคาวบินสวนออกมาอีก เริ่มลังเลว่าข้างหน้านั้นกว้างมากแต่ก็มืดมากเช่นกัน เราเดินไปแค่กลางถ้ำก็ตัดสินใจออกมา อีกอย่างเราไม่ได้เตรียมไฟฉายเข้าไปจึงหยุดการสำรวจแค่จุดที่พระทิตย์ส่องแสงลงมาถึงเท่านั้น เสียดายมากจริงๆ คุยกันว่ารอบหน้าต้องตรียมตัวมาให้ดีกว่านี้
//// อีกถ้ำที่เอาใจเราไปเกือบหมด “ถ้ำเต่า” แค่ชื่อก็น่ารักกินขาด..เลิฟเลย รัวชัตเตอร์สนุกๆ ยาวๆ กันไปเลย
////// ต่อมา”ถ้ำลอด” เดาว่าต้องลอดไปที่ไหนสักแห่งได้
+++ ถูกต้องแล้วจ้า..ถ้ำนี้สามารถเดินลอดไปทะลุอีกด้านได้ ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดกลางป่า
++++++++ แต่เราไม่ได้เข้าไปชมวัดเพราะเจอฝูงลิง..น่ารักอยู่นะแต่ก็ไม่กล้าเข้าใกล้อยู่ดี
/// “ถ้ำผาแดง” แว่วว่ามีรังผึ้งใหญ่ มีป้ายห้ามเตือนตั้งตะหง่าน เราจึงได้แต่ได้ยืนเมียงๆ มองๆ อยู่ด้านหน้า
///// “เพิงผาฝ่ามือแดง” เป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติแนวตั้งที่ไม่ชันมาก สามารถค่อยๆ เดินไต่ไปตามทางจนถึงจุดสิ้นสุดที่หน้าผาที่ต้องเข้าไปเพ่งดูฝ่ามือแดงบนแผ่นหินที่เป็นที่มาของชื่อ...กับทางเดินที่ค่อนข้างรกสักหน่อยเพราะร้างการเดินทางสัญจรของนักท่องเที่ยวช่วงโควิด แต่โดยรวมถือว่าเรียกเหงื่อได้พอสมควรราวกับว่ากำลังฝึกวิทยายุทธ...หึหึ
///// ก่อนกลับขอเก็บภาพ “พี่ใหญ่” (ตั้งชื่อให้ซะเลย) พี่แกคุมฝูงลิงตรงปากทางเข้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าฯ สุขุมและไม่ดุเลย แต่ด้วยความที่ไม่ใช่ลิงเลี้ยงจึงขอดูความน่ารักเค้าอยู่ห่างๆ
+++ ปล. สำหรับถ้ำที่ไม่ได้เข้าไปก็จะมีถ้ำค้างคาวกับถ้ำนเรศวรเนื่องจากข้อจำกัดด้านความปลอดภัย
++++++ นอกจากนี้ สำหรับผู้สนใจที่ต้องการเข้าไปเที่ยวถ้ำแล้วต้องการข้อมูลแน่นๆ เกี่ยวกับประวัติที่มาและการพาเที่ยวถ้ำ ก็สามารถสอบถามกับเจ้าหน้าที่เพื่อขอคนนำชมได้ด้วยนะจ๊ะ..ขอบคุณสำหรับการติดตามจนจบนะจ๊ะ
ถ้ำผาท่าพล แค่เปิดใจก็จะเห็นความงามที่ซ่อนอยู่..(14 กุมภาพันธ์ 2564 วันเรารักถ้ำ)
++ นี่เองที่เรียกว่า “ใกล้เกลือกินด่าง” ของดีดีที่อยากพาไปชมกันจ้า
เขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำผาท่าพล อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ครอบคลุมพื้นที่ 1,775 ไร่ อยู่ห่างตัวเมือง 85 กิโลเมตร พื้นที่บริเวณเขตห้ามล่าสัตว์ป่านี้เป็นภูเขาหินปูน ยอดสูงสุด 236 เมตร มีหน้าผาสูงชันเว้าแหว่งซึ่งเกิดจากการกัดเซาะของฝน จนเกิดเป็นถ้ำต่างๆ ทั้งถ้ำนเรศวร ถ้ำเรือ ที่มีหินงอกหินย้อยสวยงาม ถ้ำลอด ซึ่งสามารถเดินทะลุไปยังอีกด้านหนึ่งของภูเขาได้ นอกจากนี้ยังพบซากดึกดำบรรพ์ของหอยและปะการัง เนื่องจากบริเวณนี้เคยเป็นท้องทะเลมาก่อน และยังมีภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์รูปมือคนบนเพิงผาหิน และอักษรญี่ปุ่นโบราณสลักบนก้อนหิน พรรณไม้และร่องรอยสัตว์ป่าต่าง ๆ ที่มักพบระหว่างทางเดินเท้าศึกษาธรรมชาติ เหมาะแก่การทัศนศึกษาเชิงนิเวศ การเที่ยวชมถ้ำควรนำไฟฉายติดตัวมาด้วย ซึ่งในช่วงฤดูฝนถ้ำบางแห่งไม่สามารถเข้าชมได้เนื่องจากมีน้ำท่วมพื้นถ้ำ อ้างอิงข้อมูล https://thai.tourismthailand.org/Attraction/
และรูปภาพจาก https://phitsanulok-travel-tips.blogspot.com/2016/11/blog-post_53.html
ขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้
++ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ซ่อนตัวอยู่ห่างไกลความเจริญพอสมควร จึงทำให้มีคนรู้จักจำนวนน้อย นั่นกลับทำให้ฉันมองว่าเป็นข้อดีเสียอีกที่จะไม่มีคนเข้ามาเที่ยวชมกันจนเสียสมดุลธรรมชาติ
+++++ แต่เดิมฉันเคยมาที่นี่ในฐานะอาสาสมัครโครงการ “มิยาซาว่า” ของญี่ปุ่น ที่ต้องนำคณะนักเรียนมัธยมมาศึกษาดูงาน ซึ่งเวลานั้นเจ้าหน้าที่เคยเล่าว่าบนหน้าผายังพอจะมีเลียงผาให้ได้เห็นอยู่บ้าง แต่ครั้นเมื่อได้มีโอกาสกลับมาเยือนในครั้งนี้ ฉันกลับได้ยินข้อมูลที่น่าหดหู่ใจว่าเลียงผาไม่มีอีกต่อไปแล้ว
..แอบเศร้าเล็กๆ เหมือนกัน..ว่าแล้วก็ไปเดินชมถ้ำกันดีกว่าเนอะ
//// ต้องบอกก่อนว่าบริเวณที่จะชมถ้ำต่างๆ นั้นเราสามารถขับรถไปถึงหน้าถ้ำได้ทั้งหมด แต่ขึ้นอยู่กับว่าจะเจอข้อห้ามหรือข้อควรระวังอะไรในการชมถ้ำแต่ละแห่งบ้าง
+++ เริ่มจากถ้ำที่พบซากดึกดำบรรพ์..ระหว่างทางเดินไปถ้ำร่มรื่นพอสมควร ชะง่อนหินยื่นออกมาบังแดดรายทางให้ แถมยังมีลมพัดผ่านช่องเขาสบายตัวมากมายจ้า
++++++++ ประติมากรรมธรรมชาติสวยงาม เรียกว่าถ่ายรูปกันเพลินๆ ได้เลย ทั้งสีของหิน แสง และเงา
++++ ระหว่างเดินเข้าไปแต่ไปได้ไม่ไกลนักเพราะยิ่งเดินยิ่งมืดสลับกับมีค้างคาวบินสวนออกมาอีก เริ่มลังเลว่าข้างหน้านั้นกว้างมากแต่ก็มืดมากเช่นกัน เราเดินไปแค่กลางถ้ำก็ตัดสินใจออกมา อีกอย่างเราไม่ได้เตรียมไฟฉายเข้าไปจึงหยุดการสำรวจแค่จุดที่พระทิตย์ส่องแสงลงมาถึงเท่านั้น เสียดายมากจริงๆ คุยกันว่ารอบหน้าต้องตรียมตัวมาให้ดีกว่านี้
+++ ถูกต้องแล้วจ้า..ถ้ำนี้สามารถเดินลอดไปทะลุอีกด้านได้ ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดกลางป่า
++++++++ แต่เราไม่ได้เข้าไปชมวัดเพราะเจอฝูงลิง..น่ารักอยู่นะแต่ก็ไม่กล้าเข้าใกล้อยู่ดี
++++++ นอกจากนี้ สำหรับผู้สนใจที่ต้องการเข้าไปเที่ยวถ้ำแล้วต้องการข้อมูลแน่นๆ เกี่ยวกับประวัติที่มาและการพาเที่ยวถ้ำ ก็สามารถสอบถามกับเจ้าหน้าที่เพื่อขอคนนำชมได้ด้วยนะจ๊ะ..ขอบคุณสำหรับการติดตามจนจบนะจ๊ะ