(ภาพประกอบจากต้นฉบับของ Haas ที่แสดงเครื่องมือและเทคนิคในการทำจรวด)
ในปี 1961 Doru Todericiu ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัย Bucharest ได้ค้นพบสิ่งที่น่าประหลาดใจในจดหมายเหตุของเมือง Sibiu ในโรมาเนีย โดยเป็นต้นฉบับที่มีความยาวประมาณ 450 หน้า รู้จักกันในชื่อ Sibiu Manuscript ซึ่งเต็มไปด้วยภาพวาดและข้อมูลทางเทคนิคเกี่ยวกับปืนใหญ่ - ขีปนาวุธ และคำอธิบายโดยละเอียดของจรวด Multi-stage Rocket
สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับการค้นพบก็คือ เอกสารนี้ถูกสร้างขึ้นไม่นานหลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในกลางศตวรรษที่ 16 ซึ่งเกือบ 400 ปี
ก่อนที่จรวดที่ใช้งานได้จริงลำแรกจะบินขึ้นจาก White Sands Proving Ground ใน New Mexico โดยผู้สร้างเอกสารคือ วิศวกรทหารชาวออสเตรียที่ชื่อ Conrad Haas
Haas เกิดในปี 1509 ในเมือง Dornbach (ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของกรุงเวียนนา) กับครอบครัวชาวเยอรมันจากบาวาเรีย พออายุ 20 ปี Haas ย้ายไปอยู่ที่ทรานซิลเวเนีย ซึ่งตอนนั้นเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิออสเตรีย และเริ่มรับใช้ภายใต้กองทัพจักรวรรดิ Habsburg army ของกษัตริย์ King Ferdinand ที่1
ต่อมาในปี 1551 Haas ได้รับเชิญจาก Stephen Báthory เจ้าชายผู้ยิ่งใหญ่แห่งทรานซิลวาเนีย ไปยังเมือง Hermannstadt (ปัจจุบันคือเมือง Sibiu ประเทศโรมาเนีย) และได้กลายเป็นผู้บัญชาการค่ายทหารปืนใหญ่และวิศวกรอาวุธที่นั่น ซึ่งปัจจุบันมีถนนใน Sibu มีชื่อของเขา และจรวดที่คาดการณ์ไว้เพื่อขนส่งดาวเทียมเทียมไปยังอวกาศโดย ARCA Space Corporation ก็ได้รับการตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่เขา ( HAAS )
ภาพประกอบของ Haas เกี่ยวกับจรวด Multi-stage Rocket
ในขณะที่รับใช้เจ้าชาย Haas ได้เริ่มเขียนสิ่งที่ตอนนี้เชื่อกันว่าเป็นหนังสือคู่มือ European handbook of rocketry กวีนิพนธ์ยุคแรก ๆ ของยุโรป
ซึ่งผลงานชิ้นนี้ถูกนำมาเขียนเป็นภาษาเยอรมันที่มีชื่อเรื่องว่า “ How You Must Make Quite Quite a Nice Rocket That Can Travel (Propel) Itself into the Heights (Heavens)” ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีอาวุธรุ่นบุกเบิก
รวมถึงหลักการหลายขั้นตอนของ Multi-stage Rocket นอกจากนี้ เขายังสามารถสร้างทฤษฎีเกี่ยวกับส่วนผสมของเชื้อเพลิงที่แตกต่างกัน (ของแหล่งกำเนิดของเหลว) และส่วนประกอบที่จะเชื่อมโยงเชื้อเพลิงเข้ากับหรือภายในจรวดด้วย
โดยในปี 1961 ก่อนการค้นพบงานของ Haas มีคำอธิบายแรกๆพร้อมภาพประกอบของจรวดแบบ Multi-stage Rocket ที่เชื่อกันว่าเขียนโดย
ผู้เชี่ยวชาญด้านการยิงปืนใหญ่ชาวโปแลนด์ที่ชื่อ Kazimierz Siemienowicz ที่ตีพิมพ์ไว้ในหนังสือของเขา " Artis Magnae Artilleriae Pars Prima " เมื่อปี 1650
และภาพประกอบในหนังสือของ Siemienowicz ใช้แผ่นทองแดง 23 ชิ้นในการเขียน ซึ่งในช่วงเวลานั้นแผ่นทองแดงมีคุณภาพสูงมาก มันจึงแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในรายละเอียดอย่างมาก แต่ภาพประกอบจำนวนมากกลับมีลักษณะคล้ายกันกับของ Haas อย่างน่าสงสัย รวมถึงจรวด Multi-stage Rocket และ delta fins หรือ ครีบเดลต้า(ปีกท้ายจรวดเพื่อความเสถียร) ฯลฯ
ภาพประกอบของ Siemienowicz แสดงจรวด Multi-stage Rocket แบบรวม
ทำให้นักประวัติศาสตร์มีข้อสงสัยว่าทั้ง Siemienowicz และ Haas ต่างก็จำลองงานมาจากใครและทำให้เป็นของตัวเองหรือไม่ หรือทั้งสองคนได้รับแรงบันดาลใจจากงานก่อนหน้านี้ โดยบรรพบุรุษที่ไม่รู้จัก
เพราะทั้งคำอธิบายและภาพประกอบของ Haas และ Siemienowicz ต่างก็มีรายละเอียดเกี่ยวกับเทคนิคการสร้างจรวด ตัวอย่างเช่น ทั้งสองอธิบายถึง
thrust chamber (ห้องขับดันเครื่องยนต์จรวด) ทรงกระบอกที่เต็มไปด้วย powder propellant ที่ใช้ขับเคลื่อนจรวด ที่มีรูรูปกรวยเพื่อเพิ่มพื้นที่การเผาไหม้อย่างต่อเนื่องและส่งผลให้เกิดแรงผลัก ซึ่งการออกแบบนี้ยังคงใช้ในจรวดสมัยใหม่
อย่างไรก็ตาม การออกแบบของทั้งสองคนไม่มีวิธีใด ๆ ในการทำให้การบินของจรวดมีเสถียรภาพไม่ว่าจะโดยใช้แท่งหรือครีบเดลต้า มันจึงแสดงให้เห็นว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงแนวคิดการออกแบบอย่างคร่าวๆ มากกว่าจะใช้เป็นคู่มือในการก่อสร้างจริง ซึ่งแม้ว่า Haas จะออกแบบอาวุธที่สนับสนุนการฆ่า แต่เขาก็เป็นนักมนุษยนิยมที่มีหัวใจเช่นกัน โดยในย่อหน้าสุดท้ายของบทความที่เกี่ยวกับการใช้จรวดทางทหารเขาเขียนว่าทั้งหมดจะไม่เกิดขึ้นหากมีความสงบสุขและไม่มีสงคราม
ทั้งนี้ ผลงานของนักประดิษฐ์และวิศวกรในศตวรรษที่ 16 เหล่านี้ เป็นพื้นฐานแนวคิดสำหรับการเดินทางด้วยจรวดสมัยใหม่ โดยในปี 1591 ผู้ผลิตดอกไม้ไฟชาวเยอรมันชื่อ Johann Schmidlap เป็นคนแรกที่ทดลองใช้แนวคิดของ Haas สำหรับจรวด step rocket ซึ่งแม้ว่าจรวดของ Schmidlap ไม่ได้ออกไปจากชั้นบรรยากาศ แต่เทคโนโลยีจรวดของเขา เป็นพื้นฐานสำหรับเทคโนโลยีที่ใช้ในการเปิดตัวการแข่งขันอวกาศของอเมริกัน - โซเวียตในอีก 350 ปีต่อมา
นอกจากนั้น Robert H. Goddard ผู้บุกเบิกการบินและอวกาศชาวอเมริกัน ได้เติมเต็มแนวคิดของ Conrad Haas เกี่ยวกับเชื้อเพลิงเหลวจากการทดสอบจรวดลำแรกของโลก ด้วยจรวดขับดันของเหลวครั้งแรกในปี 1926 ซึ่งต่อมาจรวดเชื้อเพลิงเหลวได้รับการพัฒนาจนสามารถส่งมนุษย์ขึ้นสู่อวกาศและเดินทางไปดวงจันทร์หรือดาวอังคารในอนาคตได้
และยังมีนักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซีย Konstantin Tsiolkovsky ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งการเดินทางในอวกาศของรัสเซีย ได้รับชื่อเสียงจากการปรับปรุงแนวคิดของ Schmidlap เกี่ยวกับจรวด Multi-stage Rocket และ Wernher von Braun วิศวกรและสถาปนิกอวกาศชาวเยอรมันก็ให้เครดิตเรื่องราวของ Wan Hu ว่าเป็นแรงบันดาลใจในการทดลองจรวดยุคแรกของเขา
ภาพประกอบจรวดของ Siemenowicz แบบ Multi-stage Rocket จากหนังสือ " Artis Magnae Artilleriae Pars Prima "
ภาพวาด 3 มิติแสดงจรวด Multistage rocket สามลำ
References:
- Alexandru Todericiu, Radu D. Rugescu and Istvan Lorincz, Relevant Analysis of the Innovative Conrad Haas Manuscript from 1555, History of Rocketry and Astronautics
-
https://www.sibiweb.de/vip/haas/
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
" Conrad Haas " ผู้บุกเบิกการขับเคลื่อนด้วยจรวดในศตวรรษที่ 16
thrust chamber (ห้องขับดันเครื่องยนต์จรวด) ทรงกระบอกที่เต็มไปด้วย powder propellant ที่ใช้ขับเคลื่อนจรวด ที่มีรูรูปกรวยเพื่อเพิ่มพื้นที่การเผาไหม้อย่างต่อเนื่องและส่งผลให้เกิดแรงผลัก ซึ่งการออกแบบนี้ยังคงใช้ในจรวดสมัยใหม่
อย่างไรก็ตาม การออกแบบของทั้งสองคนไม่มีวิธีใด ๆ ในการทำให้การบินของจรวดมีเสถียรภาพไม่ว่าจะโดยใช้แท่งหรือครีบเดลต้า มันจึงแสดงให้เห็นว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงแนวคิดการออกแบบอย่างคร่าวๆ มากกว่าจะใช้เป็นคู่มือในการก่อสร้างจริง ซึ่งแม้ว่า Haas จะออกแบบอาวุธที่สนับสนุนการฆ่า แต่เขาก็เป็นนักมนุษยนิยมที่มีหัวใจเช่นกัน โดยในย่อหน้าสุดท้ายของบทความที่เกี่ยวกับการใช้จรวดทางทหารเขาเขียนว่าทั้งหมดจะไม่เกิดขึ้นหากมีความสงบสุขและไม่มีสงคราม
- Alexandru Todericiu, Radu D. Rugescu and Istvan Lorincz, Relevant Analysis of the Innovative Conrad Haas Manuscript from 1555, History of Rocketry and Astronautics
- https://www.sibiweb.de/vip/haas/