สวัสดีครับผม
วันนี้ผมจะมาแบ่งปันปัญหา ของผมไว้เป็นวิทยาทาน ขอให้บุญกุศลในการที่ผมแบ่งปันเรื่องนี้ช่วยให้หมดเคราะห์กรรมนี้ไวไวด้วยเทอญ
เริ่มกันเลย! เรื่องราวนี้ผ่านมา 5 ปีได้แล้ว แต่ยังเป็นปัญหาอยู่
เรื่องของเรื่องผมเป็นคนนึงที่เคยแก้ปัญหา ด้วยวิธีการที่ไร้สมองที่สุด
เริ่มเรื่อง ผมกู้สินเชื่อที่อยู่อาศัยมาใน จำนวนเงิน 2.6 ล้านบาท กู้ร่วม
ทีนี้ผมเลิกลาไปแล้ว โดยผ่อนได้มาประมาณเพียง 7 เดือน
แต่อีกฝ่ายไม่ยอมออกจากบ้าน
ผมจึงใช้วิธีแก้ปัญหาโดยการหยุดจ่ายค่าบ้าน
ทั้งๆ ที่มีเงินจ่ายได้ เพื่อให้อีกฝ่ายออกไปจากบ้าน
.
.
ได้ผล! อีกฝ่ายยอมออกจากบ้านไปในเวลา 3 เดือน
แต่เรื่องไม่จบลงแค่นี้
ธนาคารโทรมาทวงถามหนี้ที่ค้าง และ ขอให้ผมไปไกล่เกลี่ย
ซึ่งธนาคารโทรมาปุ้บ ผมก็รีบไปเลย
แต่เวรกรรม ผมโดนดอกเบี้ยและค่าทวงถามเป็นเงินหลายแสนบาท
(ผมจำไม่ค่อยได้แล้วว่าเท่าไหร่ แต่ไม่ต่ำกว่า 2-3 แสนบาท)
.
.
ธนาคารบอกว่าให้ผมไปปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งตอนนั้นผมไม่เข้าใจ
ผมถามเค้าว่าจะติดเครดิตบูโรมั้ย เค้าบอกว่า ผ่อนปกติ ปีเดียว ก็ไม่มีปัญหา
.
.
จัดไปสิครับ ผมไปทำเรื่องปรับโครงสร้างหนี้
ผ่อนสบายไปประมาณ 1 ปี
ค่าผ่อนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผมก็ไม่มีปัญหา
ผ่อนไป จนเวลาผ่านไป ครบ 3 ปี
สบายละ ทีนี้รีไฟแนนซ์ ลืมบอกไป ผมโดนดอกเบี้ย 7% กว่าๆ
.
.
ยื่นรีไฟแนนซ์ ไปธนาคารอื่น โป๊ะ! รีไฟแนนซ์ไม่ได้นะคะ คุณติดปรับโครงสร้างหนี้
ทีนี้แหละ เริ่มเกิดปัญหาแล้ว บัญชีของผมติดปรับโครงสร้างหนี้
สำหรับผม มันเลวร้ายยิ่งกว่าติดเครดิตบูโร ด้วยซ้ำ
ไม่มีวันหาย จนกว่าจะจ่ายหมด หรือ ขายปิดบัญชี
.
.
เวลาผ่านไปอีกปี ผมลองยื่นอีก บัญชี เครดิตบูโร ไม่ติดอะไรเลย ก็ยังไม่ผ่าน เพราะสถานะผมคือปรับโครงสร้างหนี้
โทรไปธนาคารที่เป็นปัญหา เจ้าหน้าที่ก็พูดเพียงว่า ต้องปิดอ่ะค่ะ
.
.
ผมขอฝากไว้นะครับ ช่วงวิกฤตนี้ ผมไม่รู้คนอื่นจะเป็นยังไง แต่ผมไม่มีปัญหาเรื่องการจ่ายเงิน
ผมจ่ายตรง และจ่ายก่อน แต่เครดิตผมเสียเพราะไปหลงเชื่อเจ้าหน้าที่ ธนาคารที่ต้องการเพียงให้เราจ่ายเงิน
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมยอมให้เป็นหนี้เสียยังดีซะกว่า อย่างน้อยๆ วันนี้ผมอาจจะยื่นกู้และทำอย่างอื่นได้ไปแล้ว
.
.
ปล. ผมจ่ายเงินให้ธนาคาร เป็นค่ารักษาหนี้ก้อนนี้ ไม่ต่ำกว่าปีละ 240,000 บาท
โดยที่ต้นไม่ลดแม้แต่บาทเดียว
ขอบคุณที่อ่านครับ
อย่าปรับโครงสร้างหนี้! อย่ากู้ร่วม! ถ้าเป็นไปได้
วันนี้ผมจะมาแบ่งปันปัญหา ของผมไว้เป็นวิทยาทาน ขอให้บุญกุศลในการที่ผมแบ่งปันเรื่องนี้ช่วยให้หมดเคราะห์กรรมนี้ไวไวด้วยเทอญ
เริ่มกันเลย! เรื่องราวนี้ผ่านมา 5 ปีได้แล้ว แต่ยังเป็นปัญหาอยู่
เรื่องของเรื่องผมเป็นคนนึงที่เคยแก้ปัญหา ด้วยวิธีการที่ไร้สมองที่สุด
เริ่มเรื่อง ผมกู้สินเชื่อที่อยู่อาศัยมาใน จำนวนเงิน 2.6 ล้านบาท กู้ร่วม
ทีนี้ผมเลิกลาไปแล้ว โดยผ่อนได้มาประมาณเพียง 7 เดือน
แต่อีกฝ่ายไม่ยอมออกจากบ้าน
ผมจึงใช้วิธีแก้ปัญหาโดยการหยุดจ่ายค่าบ้าน
ทั้งๆ ที่มีเงินจ่ายได้ เพื่อให้อีกฝ่ายออกไปจากบ้าน
.
.
ได้ผล! อีกฝ่ายยอมออกจากบ้านไปในเวลา 3 เดือน
แต่เรื่องไม่จบลงแค่นี้
ธนาคารโทรมาทวงถามหนี้ที่ค้าง และ ขอให้ผมไปไกล่เกลี่ย
ซึ่งธนาคารโทรมาปุ้บ ผมก็รีบไปเลย
แต่เวรกรรม ผมโดนดอกเบี้ยและค่าทวงถามเป็นเงินหลายแสนบาท
(ผมจำไม่ค่อยได้แล้วว่าเท่าไหร่ แต่ไม่ต่ำกว่า 2-3 แสนบาท)
.
.
ธนาคารบอกว่าให้ผมไปปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งตอนนั้นผมไม่เข้าใจ
ผมถามเค้าว่าจะติดเครดิตบูโรมั้ย เค้าบอกว่า ผ่อนปกติ ปีเดียว ก็ไม่มีปัญหา
.
.
จัดไปสิครับ ผมไปทำเรื่องปรับโครงสร้างหนี้
ผ่อนสบายไปประมาณ 1 ปี
ค่าผ่อนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผมก็ไม่มีปัญหา
ผ่อนไป จนเวลาผ่านไป ครบ 3 ปี
สบายละ ทีนี้รีไฟแนนซ์ ลืมบอกไป ผมโดนดอกเบี้ย 7% กว่าๆ
.
.
ยื่นรีไฟแนนซ์ ไปธนาคารอื่น โป๊ะ! รีไฟแนนซ์ไม่ได้นะคะ คุณติดปรับโครงสร้างหนี้
ทีนี้แหละ เริ่มเกิดปัญหาแล้ว บัญชีของผมติดปรับโครงสร้างหนี้
สำหรับผม มันเลวร้ายยิ่งกว่าติดเครดิตบูโร ด้วยซ้ำ
ไม่มีวันหาย จนกว่าจะจ่ายหมด หรือ ขายปิดบัญชี
.
.
เวลาผ่านไปอีกปี ผมลองยื่นอีก บัญชี เครดิตบูโร ไม่ติดอะไรเลย ก็ยังไม่ผ่าน เพราะสถานะผมคือปรับโครงสร้างหนี้
โทรไปธนาคารที่เป็นปัญหา เจ้าหน้าที่ก็พูดเพียงว่า ต้องปิดอ่ะค่ะ
.
.
ผมขอฝากไว้นะครับ ช่วงวิกฤตนี้ ผมไม่รู้คนอื่นจะเป็นยังไง แต่ผมไม่มีปัญหาเรื่องการจ่ายเงิน
ผมจ่ายตรง และจ่ายก่อน แต่เครดิตผมเสียเพราะไปหลงเชื่อเจ้าหน้าที่ ธนาคารที่ต้องการเพียงให้เราจ่ายเงิน
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมยอมให้เป็นหนี้เสียยังดีซะกว่า อย่างน้อยๆ วันนี้ผมอาจจะยื่นกู้และทำอย่างอื่นได้ไปแล้ว
.
.
ปล. ผมจ่ายเงินให้ธนาคาร เป็นค่ารักษาหนี้ก้อนนี้ ไม่ต่ำกว่าปีละ 240,000 บาท
โดยที่ต้นไม่ลดแม้แต่บาทเดียว
ขอบคุณที่อ่านครับ