จากวันที่ตัดสินใจมาจนวันนี้เป็นเวลาเกือบ 2 เดือน เธียรทำในสิ่งที่คิดว่าไม่น่าจะทำได้ ความยากลำบาก ความดื้อ และ ความตรงไปตรงมาต่อชีวิตทำให้เธียรเติบโตเป็นผู้ใหญ่ภายในเวลาไม่นาน เจ้าตัวยังพูดอยู่เลยว่าถ้าเจอกันเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ลองเทอาจจะเกลียดกันไปเลยก็ได้ แต่นี่ก็เป็นข้อดีอีกข้อของเธียร เขาไปสุดในสิ่งที่เชื่อ ไปสุดทางในสิ่งที่อยากจะทำ ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ไม่ว่าจะเป็น road trip ที่เขาหวังจะไปกับตุลย์ แม้กระทั่งกลายร่างเป็นขาซิ่งเคล้าเหล้ายาปลาปิ้ง จนถึงการตัดสินใจก้าวสู่แวดวงดงดอยอย่างปัจจุบัน หากไม่อาศัยความดื้อ ความกล้า และ ความเชื่อ ก็คงเป็นอย่างที่เป็น ทำอย่างที่ทำไม่ได้
คุณสมบัติเหล่านี้เป็นข้อดีแต่ก็เป็นดาบสองคน หากไม่มีหางเสือคอยกำหนดทิศทางคงเป็นเรื่องที่น่าอันตราย เหมือนตอนที่ความเจ็บป่วยพัดพาตัวเขาให้ล่องลอยสู่สายธารฝ่ายต่ำ จนส่งผลเสียต่อตนเอง และ ต่อใครบางคนในค่ำคืนที่เข้าผ่าตัดหัวใจ อาจจะนับว่าเป็นโชคก็ได้ที่เธียรพบเจอหางเสือที่คอยกำกับทิศทางอย่างหัวหน้าเข้าจนได้ คนที่กลายเป็นมือคัดท้ายคอยกระตุ้นให้คิดให้ทำให้รู้สึกอย่างที่ถูกที่ควร ความเติบโตทางด้านจิตวิญญาณของเธียรทำให้หัวหน้ามองด้วยความสนใจ และ กลายเป็นพึงใจในนาทีนี้ เธียรที่พยายามแบ่งปันความรู้ ความสามารถที่ตัวเองมี เพื่อชาวบ้านผาพันดาว เธียรคนนี้ตรึงใจหัวหน้าได้อยู่หมัด
ความสัมพันธ์ประเภทที่ไม่ปกปิดหากก็ไม่เปิดเผยจึงเติบโตและงอกงามขึ้น ในผืนดินห่างไกลแสงสีและความเจริญอย่างผาพันดาว หลายครั้งหลายคราที่เธียรสัมผัสได้ถึงนัยยะที่ส่งผ่านมาทางข้อความและการกระทำ จากถุงชาสู่ปลายนิ้วมือ ส่วนอีกฝ่ายเมื่อเห็นว่าเขาไม่ว่าอะไร ก็เริ่มส่งสัญญาณที่ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ จนบัดนี้คนที่เคยไม่แน่ใจในความรู้สึกและความสัมพันธ์ในครั้งนี้เมื่อถูกปรับทัศนคติจากเพื่อนสนิทมาแล้วก็กลายเป็น "คุณเธียร" อย่างที่ตัวเองเคยเป็นมาก่อน อยู่ในเมืองเขาเป็นเสือขึ้นดอยแล้วจะเป็นหมาปอมตัวเล็กเซื่อง ๆ เห็นที่จะไม่มีทาง ดังนั้นเมื่อมั่นใจว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร เธียรก็คือเธียร เป็นอย่างที่ตัวเองเคยเป็น ตรงไปตรงมากับความรู้สึก ใช่ก็บอกว่าใช่ สงสัยก็ไต่ถาม จะมีบ้างบางครั้งที่อาจจะอยากกลั่นแกล้ง หรือ หมั่นไส้อีกฝ่ายที่ดูจะปากหนักให้ร้อนใจบ้างเป็นพิธี
ผิดกับอีกฝ่าย ในความนัยที่ถ่ายทอดไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง หัวหน้ารู้นั่นแหละว่าการสนทนาระหว่างเขากับเธียรก็อยู่ในหน้ากระดาษแผ่นเดียวกัน หากเขาก็ยังเป็นเขา เก็บงำอารมณ์ สงวนท่าทีอยู่เป็นนิจ สิ่งที่เด็กคนนั้นเรียกว่า "ขี้เก๊ก" เอาเข้าจริงก็คือหัวโขนที่คนเป็นผู้ใหญ่จำเป็นต้องรักษาเอาไว้ อาชีพ หน้าที่ การงาน ในวัย 30 กว่าปี ผ่านร้อนหนาวมาพอสมควร บุคลิกเหล่านี้ก็กลายเป็นน้ำเป็นเนื้อของภูผาอย่างช่วยไม่ได้ แต่กระนั้นหากคนที่เคร่งขรึม และ ซ่อนเร้นความรู้สึกของตัวเองเป็นประจำ ยังแสดงออกได้ถึงเพียงนี้ ความรู้สึกที่มีคงมากมายเกินกว่าที่เธียรจะคาดคิด
หากด้วยความแตกต่างทางบุคลิกและความคิดบางครั้งมันก็นำมาสู่ความหวั่นไหวทั้งในใจเธียร และ ใจหัวหน้า สำหรับเธียรเองเขาต้องการความแน่นอน แน่ใจจึงได้ถามออกไปแบบเปิดทาง เมื่อใดก็ตามอีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยความชัดเจนเธียรคงยินดีที่จะมีหัวหน้าเป็นหางเสือคอยคัดท้ายชีวิตไปตลอด ในขณะที่อีกฝ่ายก็คงกำลังคิดเหมือนกันว่าการสงวนถ้อยคำและความรู้สึกเห็นทีอยู่ไปอย่างนี้อาจจะไม่ได้ผล ในด้านความรู้สึกคิดว่าทุกอย่างกำลังจะคลี่คลาย แต่ในะจังหวะเดียวกัน ความลับที่แฝงมามีทีท่าว่าจะไม่เป็นความลับต่อไป เป็นไปได้ว่าสิ่งที่กำลังจะคลี่คลายอาจจะกลายเป็นด้ายขมวดปมขึ้นมาอีกครั้ง
สุภาษิตเขาว่า First thing right ทำให้ถูกแต่แรกสิ่งดี ๆ มักจะตามมา
สำหรับเธียรเพราะทำถูกต้องจึงพาคนดี ๆ มาอยู่ข้างกาย
หากปัญหาก็คือ "จุดเริ่ม" ก่อนจะมายืนอยู่ที่ตรงนี้
จุดเริ่มที่ว่าจะพาสิ่งใดมาสู่ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและหัวหน้า
ป.ล. เทรลเลอร์ตอนหน้าคนดูคือตาเหลือกไปแล้ว (ฮา)
นิทานพันดาว (กึ่งรีวิว) ตอนที่ 6 : Do the right thing to meet the right one
คุณสมบัติเหล่านี้เป็นข้อดีแต่ก็เป็นดาบสองคน หากไม่มีหางเสือคอยกำหนดทิศทางคงเป็นเรื่องที่น่าอันตราย เหมือนตอนที่ความเจ็บป่วยพัดพาตัวเขาให้ล่องลอยสู่สายธารฝ่ายต่ำ จนส่งผลเสียต่อตนเอง และ ต่อใครบางคนในค่ำคืนที่เข้าผ่าตัดหัวใจ อาจจะนับว่าเป็นโชคก็ได้ที่เธียรพบเจอหางเสือที่คอยกำกับทิศทางอย่างหัวหน้าเข้าจนได้ คนที่กลายเป็นมือคัดท้ายคอยกระตุ้นให้คิดให้ทำให้รู้สึกอย่างที่ถูกที่ควร ความเติบโตทางด้านจิตวิญญาณของเธียรทำให้หัวหน้ามองด้วยความสนใจ และ กลายเป็นพึงใจในนาทีนี้ เธียรที่พยายามแบ่งปันความรู้ ความสามารถที่ตัวเองมี เพื่อชาวบ้านผาพันดาว เธียรคนนี้ตรึงใจหัวหน้าได้อยู่หมัด
ความสัมพันธ์ประเภทที่ไม่ปกปิดหากก็ไม่เปิดเผยจึงเติบโตและงอกงามขึ้น ในผืนดินห่างไกลแสงสีและความเจริญอย่างผาพันดาว หลายครั้งหลายคราที่เธียรสัมผัสได้ถึงนัยยะที่ส่งผ่านมาทางข้อความและการกระทำ จากถุงชาสู่ปลายนิ้วมือ ส่วนอีกฝ่ายเมื่อเห็นว่าเขาไม่ว่าอะไร ก็เริ่มส่งสัญญาณที่ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ จนบัดนี้คนที่เคยไม่แน่ใจในความรู้สึกและความสัมพันธ์ในครั้งนี้เมื่อถูกปรับทัศนคติจากเพื่อนสนิทมาแล้วก็กลายเป็น "คุณเธียร" อย่างที่ตัวเองเคยเป็นมาก่อน อยู่ในเมืองเขาเป็นเสือขึ้นดอยแล้วจะเป็นหมาปอมตัวเล็กเซื่อง ๆ เห็นที่จะไม่มีทาง ดังนั้นเมื่อมั่นใจว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร เธียรก็คือเธียร เป็นอย่างที่ตัวเองเคยเป็น ตรงไปตรงมากับความรู้สึก ใช่ก็บอกว่าใช่ สงสัยก็ไต่ถาม จะมีบ้างบางครั้งที่อาจจะอยากกลั่นแกล้ง หรือ หมั่นไส้อีกฝ่ายที่ดูจะปากหนักให้ร้อนใจบ้างเป็นพิธี
ผิดกับอีกฝ่าย ในความนัยที่ถ่ายทอดไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง หัวหน้ารู้นั่นแหละว่าการสนทนาระหว่างเขากับเธียรก็อยู่ในหน้ากระดาษแผ่นเดียวกัน หากเขาก็ยังเป็นเขา เก็บงำอารมณ์ สงวนท่าทีอยู่เป็นนิจ สิ่งที่เด็กคนนั้นเรียกว่า "ขี้เก๊ก" เอาเข้าจริงก็คือหัวโขนที่คนเป็นผู้ใหญ่จำเป็นต้องรักษาเอาไว้ อาชีพ หน้าที่ การงาน ในวัย 30 กว่าปี ผ่านร้อนหนาวมาพอสมควร บุคลิกเหล่านี้ก็กลายเป็นน้ำเป็นเนื้อของภูผาอย่างช่วยไม่ได้ แต่กระนั้นหากคนที่เคร่งขรึม และ ซ่อนเร้นความรู้สึกของตัวเองเป็นประจำ ยังแสดงออกได้ถึงเพียงนี้ ความรู้สึกที่มีคงมากมายเกินกว่าที่เธียรจะคาดคิด
หากด้วยความแตกต่างทางบุคลิกและความคิดบางครั้งมันก็นำมาสู่ความหวั่นไหวทั้งในใจเธียร และ ใจหัวหน้า สำหรับเธียรเองเขาต้องการความแน่นอน แน่ใจจึงได้ถามออกไปแบบเปิดทาง เมื่อใดก็ตามอีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยความชัดเจนเธียรคงยินดีที่จะมีหัวหน้าเป็นหางเสือคอยคัดท้ายชีวิตไปตลอด ในขณะที่อีกฝ่ายก็คงกำลังคิดเหมือนกันว่าการสงวนถ้อยคำและความรู้สึกเห็นทีอยู่ไปอย่างนี้อาจจะไม่ได้ผล ในด้านความรู้สึกคิดว่าทุกอย่างกำลังจะคลี่คลาย แต่ในะจังหวะเดียวกัน ความลับที่แฝงมามีทีท่าว่าจะไม่เป็นความลับต่อไป เป็นไปได้ว่าสิ่งที่กำลังจะคลี่คลายอาจจะกลายเป็นด้ายขมวดปมขึ้นมาอีกครั้ง