หลักจากส่งงบกันครบถ้วนทุกบริษัทแล้ว ตอนนี้ก็เริ่มเข้าสู่ฤดูกาลหุ้นขึ้นเครื่องหมายXDและจ่ายเงินปันผลกันแล้วครับ สำหรับวันนี้จะมาอธิบายถึงอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน dividend yieldหรือเรียกสั้นๆว่ายีลด์ครับ สำหรับนักลงทุนสายปันผลน่าจะคุ้นเคยกับยีลด์เป็นอย่างดี แต่สำหรับนักลงทุนมือใหม่ลองมาดูกันครับว่ายีลด์นี้คืออะไร คำนวณอย่างไรครับ
.
.
ส่วนตัวเราชอบหุ้นปันผลเนื่องจากหุ้นปันผลดีๆนั้นเหมือนเป็นเมล็ดพันธ์ของต้นไม้ที่สามารถให้ผลผลิตได้ในอนาคตครับ
สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่อยากลองหาหุ้นปันผลดีๆเปิดเว็บไซต์SET แล้วกดไปที่หาชื่อย่อ>จากนั้นกดคำว่าปฏิทินหลักทรัพย์ที่แถบซ้ายมือจากนั้นจะเห็นรายชื่อหุ้นที่ขึ้นXD (แปลว่าซื้อวันที่ขึ้นเครื่องหมายXDจะไม่ได้เงินปันผลรอบนี้ จะได้ในรอบถัดไป) และสามารถเลือกดูรายละเอียดหุ้นนั้นๆได้เลยครับ
สมมุติว่าลองกดเลือกเข้ามาซัก1ตัวเมื่อเข้ามาแล้วกดคำว่างบการเงิน/ผลประกอบการเลื่อนลงมาด้านล่างจะเห็นตารางค่าสถิติที่สำคัญ บรรทัดล่างสุดจะมีอัตราส่วนของเงินปันผล
หากอยากรู้ว่าหุ้นนั้นปันผล8.25%=กี่บาท ก็กดเข้าไปที่หน้าข้อมูลสิทธิประโยชน์
จากรูป แปลว่าหุ้นนี้ราคา20.60บาท ปันผลหุ้นละ1.70บาท คิดเป็นอัตราส่วนปันผล8.25%
ทีนี้ไม่ได้แปลว่าทุกคนที่มีหุ้นนี้จะได้รับอัตราส่วนปันผลเท่ากันหมดทุกคนที่8.25% โดยอัตราเงินปันผลนี้จะแตกต่างกันไปในแต่ละคน โดยขึ้นอยู่กับราคาหุ้นที่นักลงทุนซื้อมาครับ
เราลองมาดูกันว่าสูตรคำนวณเงินปันผลนั้นทำอย่างไร
เราลองมาทำแบบฝึกหัดดูกันว่า A และ B จะได้รับอัตราส่วนเงินปันผลที่เท่าไหร่
A: ซื้อหุ้นที่ราคา 15บาท
B: ซื้อหุ้นที่ราคา 22บาท
ตั้งโจทย์
A: 1.70 / 15 x 100 = _____%
B:1.70 / 22 x 100 = _____%
สรุป
นอกเหนือจากผลประกอบการของบริษัทแล้ว ราคาหุ้นนั้นก้ถือเป็นปัจจัยสำคัญทีเดียวครับในการคัดเลือกหุ้นปันผล จะเห็นได้ว่ายิ่งราคาหุ้นต่ำเท่าไหร่ อัตราส่วนผลตอบแทนในรูปแบบเงินปันผลนั้นก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น กลับกันหากวันไหนกิจการที่เราเข้าลงทุนนั้นประสบปัญหาชั่วคราว งดจ่ายปันผล หรือจ่ายน้อยลง นักลงทุนก็ยังถือว่าไม่เจ็บตัวครับ
สมมุติปีหน้าจ่ายปันผลที่1บาท ราคาหุ้นที่ซื้อมา15บาท อัตราส่วนเงินปันผล=6.66% ก็ถือว่ายังสูงใช้ได้ครับ
และหากในอนาคตกิจการเติบโต ผลประกอบการดีสม่ำเสมอ จ่ายปันผลเพิ่มเป็น2บาท คำนวณกับราคาหุ้นที่15บาท อัตราส่วนเงินปันผล=13.33% ถือว่ายอดเยี่ยมครับ
เมื่อค้นพบหุ้นที่ดี กิจการแข็งแกร่ง ปันผลสม่ำเสมอ และราคาต่ำกว่ามูลค่านั้นจึงควรทำการเข้าซื้อครับ เพราะเมื่อปันผล ก็เหมือนเราลงทุนน้อยได้ผลตอบแทนสูง หากต้องการขายหุ้น ก็สามารถขายได้โดยไม่ต้องกังวลขาดทุน(เพราะได้ราคามาต่ำ มีส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัยmargin of safety) เหมือนคำกล่าวว่า การลงทุนนั้นต้องกำไรตั้งแต่ซื้อ
สุดท้ายนี้ขออนุญาตฝากเพจให้ความรู้ทางการเงิน แนะนำหนังสือด้วยนะครับ
https://www.facebook.com/sharingiscaringreviewer/
อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน
หลักจากส่งงบกันครบถ้วนทุกบริษัทแล้ว ตอนนี้ก็เริ่มเข้าสู่ฤดูกาลหุ้นขึ้นเครื่องหมายXDและจ่ายเงินปันผลกันแล้วครับ สำหรับวันนี้จะมาอธิบายถึงอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน dividend yieldหรือเรียกสั้นๆว่ายีลด์ครับ สำหรับนักลงทุนสายปันผลน่าจะคุ้นเคยกับยีลด์เป็นอย่างดี แต่สำหรับนักลงทุนมือใหม่ลองมาดูกันครับว่ายีลด์นี้คืออะไร คำนวณอย่างไรครับ
.
.
ส่วนตัวเราชอบหุ้นปันผลเนื่องจากหุ้นปันผลดีๆนั้นเหมือนเป็นเมล็ดพันธ์ของต้นไม้ที่สามารถให้ผลผลิตได้ในอนาคตครับ
สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่อยากลองหาหุ้นปันผลดีๆเปิดเว็บไซต์SET แล้วกดไปที่หาชื่อย่อ>จากนั้นกดคำว่าปฏิทินหลักทรัพย์ที่แถบซ้ายมือจากนั้นจะเห็นรายชื่อหุ้นที่ขึ้นXD (แปลว่าซื้อวันที่ขึ้นเครื่องหมายXDจะไม่ได้เงินปันผลรอบนี้ จะได้ในรอบถัดไป) และสามารถเลือกดูรายละเอียดหุ้นนั้นๆได้เลยครับ
สมมุติว่าลองกดเลือกเข้ามาซัก1ตัวเมื่อเข้ามาแล้วกดคำว่างบการเงิน/ผลประกอบการเลื่อนลงมาด้านล่างจะเห็นตารางค่าสถิติที่สำคัญ บรรทัดล่างสุดจะมีอัตราส่วนของเงินปันผล
หากอยากรู้ว่าหุ้นนั้นปันผล8.25%=กี่บาท ก็กดเข้าไปที่หน้าข้อมูลสิทธิประโยชน์
จากรูป แปลว่าหุ้นนี้ราคา20.60บาท ปันผลหุ้นละ1.70บาท คิดเป็นอัตราส่วนปันผล8.25%
ทีนี้ไม่ได้แปลว่าทุกคนที่มีหุ้นนี้จะได้รับอัตราส่วนปันผลเท่ากันหมดทุกคนที่8.25% โดยอัตราเงินปันผลนี้จะแตกต่างกันไปในแต่ละคน โดยขึ้นอยู่กับราคาหุ้นที่นักลงทุนซื้อมาครับ
เราลองมาดูกันว่าสูตรคำนวณเงินปันผลนั้นทำอย่างไร
เราลองมาทำแบบฝึกหัดดูกันว่า A และ B จะได้รับอัตราส่วนเงินปันผลที่เท่าไหร่
A: ซื้อหุ้นที่ราคา 15บาท
B: ซื้อหุ้นที่ราคา 22บาท
ตั้งโจทย์
A: 1.70 / 15 x 100 = _____%
B:1.70 / 22 x 100 = _____%
สรุป
นอกเหนือจากผลประกอบการของบริษัทแล้ว ราคาหุ้นนั้นก้ถือเป็นปัจจัยสำคัญทีเดียวครับในการคัดเลือกหุ้นปันผล จะเห็นได้ว่ายิ่งราคาหุ้นต่ำเท่าไหร่ อัตราส่วนผลตอบแทนในรูปแบบเงินปันผลนั้นก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น กลับกันหากวันไหนกิจการที่เราเข้าลงทุนนั้นประสบปัญหาชั่วคราว งดจ่ายปันผล หรือจ่ายน้อยลง นักลงทุนก็ยังถือว่าไม่เจ็บตัวครับ
สมมุติปีหน้าจ่ายปันผลที่1บาท ราคาหุ้นที่ซื้อมา15บาท อัตราส่วนเงินปันผล=6.66% ก็ถือว่ายังสูงใช้ได้ครับ
และหากในอนาคตกิจการเติบโต ผลประกอบการดีสม่ำเสมอ จ่ายปันผลเพิ่มเป็น2บาท คำนวณกับราคาหุ้นที่15บาท อัตราส่วนเงินปันผล=13.33% ถือว่ายอดเยี่ยมครับ
เมื่อค้นพบหุ้นที่ดี กิจการแข็งแกร่ง ปันผลสม่ำเสมอ และราคาต่ำกว่ามูลค่านั้นจึงควรทำการเข้าซื้อครับ เพราะเมื่อปันผล ก็เหมือนเราลงทุนน้อยได้ผลตอบแทนสูง หากต้องการขายหุ้น ก็สามารถขายได้โดยไม่ต้องกังวลขาดทุน(เพราะได้ราคามาต่ำ มีส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัยmargin of safety) เหมือนคำกล่าวว่า การลงทุนนั้นต้องกำไรตั้งแต่ซื้อ
สุดท้ายนี้ขออนุญาตฝากเพจให้ความรู้ทางการเงิน แนะนำหนังสือด้วยนะครับ
https://www.facebook.com/sharingiscaringreviewer/