Raya and The Last Dragon

เป็นเรื่องของโลก Kumandra ที่ซึ่งมนุษย์และมังกรอาศัยอยู่ร่วมกัน แต่แล้ววันนึง Druun สิ่งมีชีวิตประหลาดก็โผล่มาและทำให้ทุกคนกลายเป็นหิน เหล่ามังกรจึงต้องสละพลังเฮือกสุดท้ายเพื่อกำจัดพวก Druun ทิ้ง เหลือไว้เพียงแต่ลูกแก้วที่มีพลังของมังกรอยู่ แต่แทนที่สันติสุขจะกลับมา มนุษย์กลับเข้าต่อสู้แย่งชิงลูกแก้วเพื่อแย่งชิงพลังอำนาจ ทั้งๆที่สิ่งที่ช่วยโลกไว้อาจไม่ใช่พลังของลูกแก้วด้วยซ้ำ โลกที่เคยเป็นอันหนึ่งอันเดียวจึงแตกออกเป็น 5 ส่วน ได้แก่ Fang , Talon , Heart , Spine และ Tail แต่ถึงแม้โลกจะเต็มไปด้วยความขัดแย้ง ‘รายา’ ก็ยังเชื่อเสมอว่าหากหามังกรตัวสุดท้ายเจอ โลกจะกลับมาสงบสุขอีกครั้ง
 
นี่เป็นแอนิเมชั่นจาก Disney อีกเรื่องที่ผมชอบมากหลังดูจบ ทั้งๆที่ Plot เรื่องมันค่อนข้าง Cliché แต่รู้สึกว่ามันลงตัวแล้ว พล็อตกลุ่มตัวเอกที่ออกผจญภัยพร้อมกับความหวังจากยุคอดีตกาล มันก็ต้องใส่ส่วนผสมประมาณนี้แหละถึงจะลงตัว ซึ่ง Raya and The Last Dragon ก็เป็นอีกเรื่องที่ทำได้ดี
ด้านโปรดักชั่นจะไม่ขอพูดอะไรมาก เพราะมันดีงามตามมาตรฐาน Disney อยู่แล้ว แต่ที่อยากหยิบยกมาพูดถึงคือ แก่นเรื่อง และ สิ่งที่เรื่องต้องการจะสื่อ ผมมองว่าแก่นเรื่องที่พูดถึง ‘Trust หรือ ความเชื่อใจ’ มันเป็นอะไรที่ Simple แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ทำจริงได้ยากมากในโลกแห่งความเป็นจริง ซึ่งในจุดนี้ เรื่องนำเสนอผ่านตัวละครและเหตุการณ์ตลอดทั้งเรื่อง

 *** เนื้อหาต่อจากนี้จะเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของเรื่องทั้งหมด แนะนำให้ไปดูมาก่อน ***

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Druun = ตัวแทนของความขัดแย้ง

Druun เป็นตัวมีชีวิตที่อยู่ๆก็โผล่ขึ้นมา ไม่มีที่มาแน่ชัด มีเพียงคำบอกเล่าของ Sisu ที่บอกว่าดรุนเสมือนเป็นขั้วตรงข้ามของมังกร หากมังกรอยู่ร่วมกันกับมนุษย์และนำพาสันติสุขมายังโลก Druun ก็คือตัวแทนของความขัดแย้งที่มาเยือน ความขัดแย้งไม่มีที่มาแน่ชัด แต่ที่แน่ๆคือเกิดจากน้ำมือของมนุษย์เอง เมื่อความขัดแย้งมาถึง คุณจะสังเกตได้ว่ามันไม่ได้ ‘ฆ่า’ มนุษย์ แต่เพียงแค่ ‘หยุด’ มนุษย์ไว้ในสภาพของหิน ในจุดนี้เองเรื่องจึงต้องการสื่อว่าความขัดแย้งไม่ได้ฆ่าเราให้ตายทันที แต่จะค่อยๆลดสันติสุขที่มีอยู่ไปอย่างช้าๆ แต่เรื่องก็ยังคงสื่ออีกว่า หากเรายอมเปิดใจและเชื่อใจซึ่งกันและกัน เราก็ยังมีโอกาสที่จะหลุดจากการเป็นหินและเดินหน้าต่อไปในอนาคตได้อยู่ ในจุดนี้เป็นจุดที่ผมชอบมากครับ

มังกร = ตัวแทนของสันติสุข ที่ถูกมนุษย์ตีความไปต่างๆนาๆ

Sisu มังกรตัวสุดท้ายและลูกแก้วมังกร เป็นผู้ที่ช่วยโลกใบนี้ไว้ เป็นผู้นำสันติสุขกลับมาสู่โลกอีกครั้ง หากแต่มนุษย์เชื่อว่าเป็นเพราะ ‘พลัง’ ของลูกแก้ว หากได้ลูกแก้วมาครอบครอง แผ่นดินของตนก็จะสงบสุขและอุดมสมบูรณ์ มนุษย์จึงเริ่มใช้ความรุนแรงเพื่อให้ได้พลังมา โดยเผ้าหมายของมนุษย์ทุกคนในตอนแรกนั้นก็เพียงแค่ต้องการความสงบสุขแค่นั้น แต่แท้จริงแล้ว ความสงบสุขก็ไม่ได้เกิดจากพลังของมังกร แต่เกิดจากความเชื่อใจกันของเหล่ามังกรต่างหาก มังกรจึงเป็นตัวแทนของความสันติสุขที่เกิดจากความเชื่อใจซึ่งถูกตีความไปเป็นพลังนั่นเอง

Raya = ตัวแทนของคนที่ยังเชื่อมั่นใจความเป็นไปได้ของมนุษย์
 
ในขณะที่ผู้คนต่างเลิกหวังและเลิกเชื่อใจกันไปแล้ว Raya กลับยังคงเชื่อมั่นอยู่เสมอเชื่อว่าเรายังกลับมาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ เธอจึงเป็นคนเดียวในเรื่องที่ออกตามหามังกร (กลับกัน Namaari ก็คือคนที่เคยเชื่อแต่ก็ถูกสังคมบีบจนเลิกเชื่อไปในที่สุด) แต่ถึงอย่างงั้นผู้แต่งก็ไม่ได้กำหนดมาให้ Raya โลกสวยจนเกินไป เธออาจจะมีความเชื่อมั่น แต่เธอไม่ได้เชื่อใจในมนุษย์ และนี่เองที่เป็นอุปสรรคสำคัญของเรื่อง ศัตรูที่แท้จริงอาจไม่ใช่ Druun แต่เป็นใจเราเองเนี่ยแหละว่าจะยอมเปิดใจและยอมร่วมมือกันได้อย่างไร ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ยากที่สุดในโลกแห่งความเป็นจริง

 ‘Trust’ หรือ ‘ความเชื่อใจ’ = อุปสรรคที่แท้จริงของเรื่อง
 
นี่เป็นประเด็นสำคัญที่เรื่องพยายามชูมาตลอด ถึงความขัดแย้ง (Druun) จะเกิดมาจากไหนไม่รู้ แต่ความเชื่อใจนั้นเกิดขึ้นที่ตัวเรา เกิดขึ้นได้กับมนุษย์ทุกคน แต่มันยากเหลือเกินที่จะยอมเปิดใจเป็นคนแรก ในเรื่องแสดงให้เราเห็นตั้งแต่ต้นว่าหากเราเปิดใจก่อน ก็ไม่ได้การันตีเสมอไปว่าสันติสุขจะเกิดขึ้น แต่ในท้ายเรื่องสุดท้ายสันติสุขก็เกิดขึ้นจริงจนได้จากการเชื่อใจกัน Trust จึงเป็นอุปสรรคที่แท้จริงของเรื่อง

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการวิเคราะห์ของผมเท่านั้นครับ เพื่อนๆที่ดูจบแล้ว มาคุยกันได้ว่าคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้ ส่วนใครที่ยังไม่ดูแต่เข้ามาอ่านบทตีความแล้ว ไปดูเถอะครับ

สรุปแล้ว Raya and The Last Dragon ในด้านโปรดักชั่นถือว่าสอบผ่าน ถึง Plot จะ Cliché แต่ก็ลงตัวในแบบของมัน ซึ่งผมชอบแก่นเรื่องที่สุด
 
สุดท้ายนี้ขอฝากไว้ว่านี่เป็นเพียงความคิดเห็นของผมเท่านั้น หนังมันจะสนุกหรือไม่ขึ้นอยู่กับคุณ ควรไปดูด้วยตาตัวเองและมาคุยกันว่าดีไม่ดี ชอบไม่ชอบอย่างไร ส่วนถ้าสนใจบทความอื่น สามารถไปอ่านได้ที่ https://facebook.com/AUdItReview.th
 
สวัสดีครับ