Raya and the Last Dragon (Don Hall , Carlos Lopez Estrada )
9 / 10
“รายาเฟียสมาก สนุก กลมกล่อม ผสมผสานวัฒนธรรมอาเซียนอย่างลงตัว ดูจบแทบอยากกรี๊ด”
....
สารภาพ...หลังๆ แทบไม่ค่อยคาดหวังอะไรกับ Animation ของค่ายดิสนีย์ (ไม่นับรวม Pixar นะ) ..อย่าง Moana ก็สนุกอยู่นะ แต่ไม่ได้ประทับใจอะไรมากมาย ...แต่ที่ fail สุดๆ คงเป็น Frozen 2 ที่แทบจะทำซ้ำรอยความสำเร็จของภาคแรก พยายามจะทำอะไรใหม่ แต่มันไม่ใหม่ ไม่ว้าวเลย (สำหรับผม...แฟนคลับอย่าว่ากันนะ)
มาถึง Raya and the Last Dragon งาน Animation เรื่องล่าสุดของเซ็ทเจ้าหญิงดิสนีย์...ความน่าสนใจที่กระตุ้นต่อมความอยากดูตั้งแต่รู้ข่าวการสร้าง นั่นคือการดีไซน์ รายา คือ เจ้าหญิงที่มาจากถิ่นอาเซียน รวมถึงการสอดแทรกขนบ ธรรมเนียม วัฒนธรรม ความเชื่อ สปิริตของความเป็นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าไปในหนังด้วย ...คือเราอยากรู้มากว่า ฝรั่งจะมองเราอย่างไร ผมอยากเห็นว่าเจ้าหญิงดิสนีย์ที่มีเชื้อสายอาเซียน จะออกมาเป็นแบบไหน (รู้มาว่ามีทีมคนไทยคือคุณฝน วีรสุนทร ที่เป็นหัวหอกสำคัญของงานชิ้นนี้ด้วย) ...ด้วยความอยากดู (มาก) เลยเคลียทุกสิ่งอย่าง เพื่อไปดูตั้งแต่วันแรกที่ฉาย ...ดูจบ ไม่แปลกใจเลยที่ Raya ทำเอาผมคลั่งไคล้ หลงรัก รายา หลงรักทุกตัวละครในหนัง หลงรักสิ่งที่สอดแทรกมากในหนัง ซึ่งมีความเป็นไทยแฝงอยู่เยอะมากๆ ด้วยความที่หนังมันสมัพันธ์กับความเป็นเรามากนี่แหละ เลยทำให้ Raya and the Last Dragon เป็นอะไรที่โคตรพิเศษมากๆ ในความรู้สึก ....ดูจบแล้วอยากจะตะโกนบอก เฮ้ย...มาดูเถอะ หนังสนุกมาก จริงๆ
Raya and the Last Dragon เล่าเรื่องราวของดินแดนที่ชื่อ คูมันตรา ที่มีเผ่าต่างๆ รวมกัน 5 เผ่า ตามอวัยวะสำคัญของมังกรที่ปกป้อง ดูแลดินแดนแห่งนี้ คือ เผ่าหัวใจ เผ่าเขี้ยว เผ่ากรงเล็บ เผ่าสันหลัง และ เผ่าหาง มีสายน้ำที่เชื่อมต่อความสัมพันธ์ของแต่ละเผ่าและรวมกันเป็นคูมันตรา แต่ก่อนดินแดนคูมันตรานั้นเคยเป็นปึกแผ่น อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข จนกระทั่งการรุกรานของดรุน อสูรร้าย ที่เข้ามาทำลายทุกอย่าง ทำลายทุกชีวิตให้กลายเป็นหิน พร้อมการแตกแยกดินแดนคูมันตราออกเป็นเสี่ยง ไม่สามารถรวมกันได้ ...มังกรที่คอยปกป้องก็สู้จนตัวตาย เหลือไว้แค่หินมณีมังกร ซึ่งเป็นหินที่รวมเอาพลังของมังกรพี่น้องทั้งสี่ตัวไว้ แล้วฝากไว้กับมังกรน้องนุชตัวสุดท้องที่ชื่อว่า ซิซู ที่ยังมีชีวิตอยู่แต่ได้หายสาบสูญไปกว่า 500 ปี ...ก่อนที่หิมมณีมังกรจะตกอยู่ในความดูแลของเผ่าหัวใจ ที่มีเบญจา เป็นราชันของเผ่า มีรายา เป็นลูกสาว ...เบญจามีความต้องการที่จะรวมทั้งห้าเผ่าขึ้นเป็นภูมันตราอีกครั้ง ก่อนที่จะถูก นัมมาอารี เจ้าหญิงเผ่าเขี้ยว หักหลังโดยอาศัยความไว้ใจ แย่งชิงหินมณีมังกรจนแตกเป็น 5 เสี่ยง พร้อมทั้งปลุกดรุนขึ้นมาทำลายชีวิตทุกคนให้กลายเป็นหินอีกครั้ง ...เวลาผ่านไป เจ้าหญิงรายา จึงได้ออกเดินทาง พร้อมตุ๊ก ตุ๊ก สัตว์เลี้ยวตัวสนิท ไปยังเผ่าต่างๆ เพื่อตามหาซิซูมังกรตัวสุดท้าย และรวมหินมณีมังกรให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อคืนชีวิตให้กับทุกชีวิตและคืนความเป็นปึกแผ่นให้กับดินแดนคูมันตราอีกครั้ง
จะว่าไปแล้วเนื้อเรื่องของ Raya and the Last Dragon เอง ก็ไม่ต่างอะไรกับแอนิเมชันสองเรื่องก่อนหน้าของดิสนีย์ทั้ง Frozen 2 หรือ Moana ...ด้วย Theme เรื่องที่ขับเคลื่อนให้ตัวละครเอกที่เป็นผู้หญิง ต้องออกผจญภัย ตามแก้ไขปัญหา ฝ่าฝันอุปสรรค และเชิดชูในความเป็น เฟมินิสต์ ผ่านความกล้าหาญ ความมั่นใจ เด็ดเดี่ยว พร้อมบทสรุปจบที่คลี่คลายด้วยความหวัง ความสุข ...แน่นอนว่า Raya เดินตามทางนี้ในสูตรสำเร็จของดิสนีย์ไม่ผิดเพี้ยน (ซึ่งไม่แปลกใจที่หลายคนบอกช่วงบทสรุป คลี่คลายง่ายและเดาทางได้) ...แต่สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้แตกต่างจากหนังแอนนิเมชั่นของดิสนีย์สองเรื่องก่อนหน้า นั่นคือ เสน่ห์ของตัวละครทุกตัว รวมถึงองค์ประกอบต่างๆ ที่หลอมรวมมาเป็น Raya and the Last Dragon ที่ทำให้ผมรู้สึกได้ว่า หนังเรื่องนี้ผ่านการวางหมากของบท เรื่องราว รวมถึงองค์ประกอบด้านขนบ วัฒนธรรม ความเชื่อในแบบอาเซียน ได้อย่างลงตัวและมีเสน่ห์มากๆ ...นี่คือหนังดิสนีย์ที่ทำให้ผมเพลิดเพลิน มีความสุข สนุก หัวเราะ ซึ้ง อิ่มเอม ในทุกๆ ส่วนได้อย่างไหลลื่น กลมกล่อม เป็นการดูการ์ตูนดิสนีย์ที่กล้าบอกได้เลยว่า มีความสุขมากๆๆ (มันคือการรวมเอาเสน่ห์ของการ์ตูนดิสนีย์แบบเดิมที่เคยชอบมาก กลับมาอยู่ในหนังเรื่องนี้ได้อย่างลงตัว)
Raya and the Last Dragon เก่งมาก ที่ทำให้คนดูอย่างผม หลงรักตัวละครทุกตัว และสร้างเสน่ห์ให้ทุกตัวละครได้มีสีสัน มีพลัง มีเสน่ห์ได้อย่างน่ารัก ...ไม่แปลกหรอกที่คนดูเมื่อดูจบ จะรัก น้องตุ๊ก ตุ๊ก ที่โคตรน่ารักมาก (คิดว่าตุ๊กตา น้องตุ๊กตุ๊ก ต้องขายดีแน่ๆ) หลงรัก น้องบุญ เด็กพายเรือ รักน้องน้อย แอนด์ เดอะแก๊งค์ฟันน้ำนม ตัวแสบที่ขโมยซีนสุดๆ รักพี่ทอง หนุ่มร่างใหญ่ (เป็นอีกตัวละครที่มีพัฒนาการจากร้ายมาสู่ดี) แม้แต่ตัวนัมมาอารี เจ้าหญิงตัวร้าย เราก็เกลียดนางไม่ลง ตัวมังกรซิซู ที่ได้ อควาฟิน่ามาพากย์เสียง ซึ่งโคตรรพีคสุดๆ อควาฟิน่าทำให้ตัวมังกรซิซู น่ารัก มีสีสัน มีความจัดจ้าน ราวกับว่าอควาฟิน่า อวตารมาเล่นเป็นมังกรด้วยตัวเองจริงๆ (รักนางมากๆ) ...รวมถึงตัว รายา นี่คือการดีไซน์คาแรกเตอร์ ตัวละครเจ้าหญิงที่โคตรมีเสน่ห์มาก รายาโคตรเท่ เป็นเจ้าหญิงที่เฟียสสุดๆ ห้าวหาญ บอกตรงๆ ผมดูหนังเรื่องนี้ในรอบภาษาอังกฤษ แต่เชื่อมั้ย ผมรู้สึกว่า ตัวรายา มีความคล้ายกับ น้องญาญ่า อุรัสยา อยู่ไม่น้อย ทั้งท่าทาง การพูดต่างๆ (ดูไปคิดถึงญาญ่าจริงๆ นะ ไม่น่าจะคิดไปเอง...มีข่าวว่า ตัวละคร รายา ได้แรงบันดาลใจส่วนหนึ่งจากญาญ่าในการดีไซน์คาแรกเตอร์ ...นี่ตั้งใจจะไปดูรอบพากย์ไทยอีกรอย เห็นว่าญาญ่า พากย์ดีมากๆ)
อีกหนึ่งจุดเด่นคืองานด้านโปรดักชั่น ดีไซน์ ที่ผสมผสานเอาวัฒนธรรมอาเซียน แบบเก็บนิด ผสมน้อย ให้รสชาติความเป็น Multi Culture เป็นแกงโฮะที่ปรุงได้อร่อย กลมกล่อมมาก ทั้งไทย ชวา บาหลี และอื่นๆ เช่นในเรื่องของอาหาร เราจะเห็นต้มยำกุ้งเอย ห่อหมกเอย สะเต๊ะเอย หรือการดีไซน์คอสตูม ดีไซน์ฉากที่มีทั้งวัดแบบไทยๆ ปราสาทที่คล้ายแบบขอม หรือบาหลี สีสันแบบชวา มีตลาดน้ำแบบบ้านเรา ผสมรวมกันเป็นคูมันตรา ดินแดนที่มีเสน่ห์สุดๆ ต้องชมทีม Research ที่ทำการบ้านมาดีมากๆ .บอกตรงๆ นะ นี่คืองานที่คนดูอย่างเราที่ภูมิใจและดีใจมากที่เห็นมิติความเป็นไทย ความเป็นอาเซียนในหนังเรื่องนี้ ...บอกเลย รายา นี่คือการ์ตูนที่ขึ้นหิ้งในใจผมไปแล้ว
อีกสิ่งที่ไม่พูดไม่ได้เลย คือแก่น ที่เป็นหัวใจสำคัญของหนัง คือเรื่องของความเชื่อใจ ไว้ใจ ผมว่าแก่นนี้ทำให้หนังนี้น่าสนใจ และแก่นนี้สะท้อนความเป็นตัวตนของคนในภูมิภาคนี้จริงๆ คิดดู ขนาดเป็นศัตรูกัน ยังตั้งใจเชิญเขามาบ้าน เชิญเขามาทานข้าว ...จริงๆ ความไว้ใจ ความเชื่อใจนี้ มันยังสะท้อนต่อไปยังการให้โอกาส และการให้อภัยซึ่งกันและกัน ซึ่งผมมองว่านี่คือหัวใจจริงๆ ของเรื่อง และการให้อภัยนี้เอง มันมีอยู่ในบริบทความเป็นคนไทยอย่างเราๆ นี่แหละ
Raya and the Last Dragon เป็นหนังที่กล้าพูดอย่างเต็มปากเลย ว่าดูแล้วมีความสุขมาก ดูจบแล้วอยากกรี๊ดดังๆ ว่า มันดีมากๆๆ อยากบอก อยากเชียร์ อยากให้ทุกคนได้ไปดูหนังเรื่องนี้จริงๆ ...มันเป็นหนังที่เชื่อว่า ใครได้ดูต้องรัก ต้องชอบ ต้องมีความสุขแน่ๆ ...(แนะนำอีกอย่าง ว่าอย่างพลาด US Again การ์ตูนสั้นปะหัวของหนังเรื่องนี้ โคตรดีจริงๆ ..เพราะฉะนั้นรีบเข้าโรงให้เร็วนะครับ) ...นี่คือดิสนีย์ ที่กลับมาท๊อป ฟอร์มาก ท๊อป ฟอร์มแบบสุดๆ ...จนกล้าบอกได้เลยว่า ถ้าใครพลาดดู เสียดายแทนจริงๆ
#RayaandtheLastDragon
#เอ้อระเหยลอยลม
ฝากติดตามเพจนะครับ
https://www.facebook.com/urrahoei
รีวิว : Raya and the Last Dragon : สนุกมาก เฟียสมาก กลมกล่อม ดูจบอยากจะร้องกรี๊ดดัง ๆ
9 / 10
“รายาเฟียสมาก สนุก กลมกล่อม ผสมผสานวัฒนธรรมอาเซียนอย่างลงตัว ดูจบแทบอยากกรี๊ด”
....
สารภาพ...หลังๆ แทบไม่ค่อยคาดหวังอะไรกับ Animation ของค่ายดิสนีย์ (ไม่นับรวม Pixar นะ) ..อย่าง Moana ก็สนุกอยู่นะ แต่ไม่ได้ประทับใจอะไรมากมาย ...แต่ที่ fail สุดๆ คงเป็น Frozen 2 ที่แทบจะทำซ้ำรอยความสำเร็จของภาคแรก พยายามจะทำอะไรใหม่ แต่มันไม่ใหม่ ไม่ว้าวเลย (สำหรับผม...แฟนคลับอย่าว่ากันนะ)
มาถึง Raya and the Last Dragon งาน Animation เรื่องล่าสุดของเซ็ทเจ้าหญิงดิสนีย์...ความน่าสนใจที่กระตุ้นต่อมความอยากดูตั้งแต่รู้ข่าวการสร้าง นั่นคือการดีไซน์ รายา คือ เจ้าหญิงที่มาจากถิ่นอาเซียน รวมถึงการสอดแทรกขนบ ธรรมเนียม วัฒนธรรม ความเชื่อ สปิริตของความเป็นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าไปในหนังด้วย ...คือเราอยากรู้มากว่า ฝรั่งจะมองเราอย่างไร ผมอยากเห็นว่าเจ้าหญิงดิสนีย์ที่มีเชื้อสายอาเซียน จะออกมาเป็นแบบไหน (รู้มาว่ามีทีมคนไทยคือคุณฝน วีรสุนทร ที่เป็นหัวหอกสำคัญของงานชิ้นนี้ด้วย) ...ด้วยความอยากดู (มาก) เลยเคลียทุกสิ่งอย่าง เพื่อไปดูตั้งแต่วันแรกที่ฉาย ...ดูจบ ไม่แปลกใจเลยที่ Raya ทำเอาผมคลั่งไคล้ หลงรัก รายา หลงรักทุกตัวละครในหนัง หลงรักสิ่งที่สอดแทรกมากในหนัง ซึ่งมีความเป็นไทยแฝงอยู่เยอะมากๆ ด้วยความที่หนังมันสมัพันธ์กับความเป็นเรามากนี่แหละ เลยทำให้ Raya and the Last Dragon เป็นอะไรที่โคตรพิเศษมากๆ ในความรู้สึก ....ดูจบแล้วอยากจะตะโกนบอก เฮ้ย...มาดูเถอะ หนังสนุกมาก จริงๆ
Raya and the Last Dragon เล่าเรื่องราวของดินแดนที่ชื่อ คูมันตรา ที่มีเผ่าต่างๆ รวมกัน 5 เผ่า ตามอวัยวะสำคัญของมังกรที่ปกป้อง ดูแลดินแดนแห่งนี้ คือ เผ่าหัวใจ เผ่าเขี้ยว เผ่ากรงเล็บ เผ่าสันหลัง และ เผ่าหาง มีสายน้ำที่เชื่อมต่อความสัมพันธ์ของแต่ละเผ่าและรวมกันเป็นคูมันตรา แต่ก่อนดินแดนคูมันตรานั้นเคยเป็นปึกแผ่น อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข จนกระทั่งการรุกรานของดรุน อสูรร้าย ที่เข้ามาทำลายทุกอย่าง ทำลายทุกชีวิตให้กลายเป็นหิน พร้อมการแตกแยกดินแดนคูมันตราออกเป็นเสี่ยง ไม่สามารถรวมกันได้ ...มังกรที่คอยปกป้องก็สู้จนตัวตาย เหลือไว้แค่หินมณีมังกร ซึ่งเป็นหินที่รวมเอาพลังของมังกรพี่น้องทั้งสี่ตัวไว้ แล้วฝากไว้กับมังกรน้องนุชตัวสุดท้องที่ชื่อว่า ซิซู ที่ยังมีชีวิตอยู่แต่ได้หายสาบสูญไปกว่า 500 ปี ...ก่อนที่หิมมณีมังกรจะตกอยู่ในความดูแลของเผ่าหัวใจ ที่มีเบญจา เป็นราชันของเผ่า มีรายา เป็นลูกสาว ...เบญจามีความต้องการที่จะรวมทั้งห้าเผ่าขึ้นเป็นภูมันตราอีกครั้ง ก่อนที่จะถูก นัมมาอารี เจ้าหญิงเผ่าเขี้ยว หักหลังโดยอาศัยความไว้ใจ แย่งชิงหินมณีมังกรจนแตกเป็น 5 เสี่ยง พร้อมทั้งปลุกดรุนขึ้นมาทำลายชีวิตทุกคนให้กลายเป็นหินอีกครั้ง ...เวลาผ่านไป เจ้าหญิงรายา จึงได้ออกเดินทาง พร้อมตุ๊ก ตุ๊ก สัตว์เลี้ยวตัวสนิท ไปยังเผ่าต่างๆ เพื่อตามหาซิซูมังกรตัวสุดท้าย และรวมหินมณีมังกรให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อคืนชีวิตให้กับทุกชีวิตและคืนความเป็นปึกแผ่นให้กับดินแดนคูมันตราอีกครั้ง
จะว่าไปแล้วเนื้อเรื่องของ Raya and the Last Dragon เอง ก็ไม่ต่างอะไรกับแอนิเมชันสองเรื่องก่อนหน้าของดิสนีย์ทั้ง Frozen 2 หรือ Moana ...ด้วย Theme เรื่องที่ขับเคลื่อนให้ตัวละครเอกที่เป็นผู้หญิง ต้องออกผจญภัย ตามแก้ไขปัญหา ฝ่าฝันอุปสรรค และเชิดชูในความเป็น เฟมินิสต์ ผ่านความกล้าหาญ ความมั่นใจ เด็ดเดี่ยว พร้อมบทสรุปจบที่คลี่คลายด้วยความหวัง ความสุข ...แน่นอนว่า Raya เดินตามทางนี้ในสูตรสำเร็จของดิสนีย์ไม่ผิดเพี้ยน (ซึ่งไม่แปลกใจที่หลายคนบอกช่วงบทสรุป คลี่คลายง่ายและเดาทางได้) ...แต่สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้แตกต่างจากหนังแอนนิเมชั่นของดิสนีย์สองเรื่องก่อนหน้า นั่นคือ เสน่ห์ของตัวละครทุกตัว รวมถึงองค์ประกอบต่างๆ ที่หลอมรวมมาเป็น Raya and the Last Dragon ที่ทำให้ผมรู้สึกได้ว่า หนังเรื่องนี้ผ่านการวางหมากของบท เรื่องราว รวมถึงองค์ประกอบด้านขนบ วัฒนธรรม ความเชื่อในแบบอาเซียน ได้อย่างลงตัวและมีเสน่ห์มากๆ ...นี่คือหนังดิสนีย์ที่ทำให้ผมเพลิดเพลิน มีความสุข สนุก หัวเราะ ซึ้ง อิ่มเอม ในทุกๆ ส่วนได้อย่างไหลลื่น กลมกล่อม เป็นการดูการ์ตูนดิสนีย์ที่กล้าบอกได้เลยว่า มีความสุขมากๆๆ (มันคือการรวมเอาเสน่ห์ของการ์ตูนดิสนีย์แบบเดิมที่เคยชอบมาก กลับมาอยู่ในหนังเรื่องนี้ได้อย่างลงตัว)
Raya and the Last Dragon เก่งมาก ที่ทำให้คนดูอย่างผม หลงรักตัวละครทุกตัว และสร้างเสน่ห์ให้ทุกตัวละครได้มีสีสัน มีพลัง มีเสน่ห์ได้อย่างน่ารัก ...ไม่แปลกหรอกที่คนดูเมื่อดูจบ จะรัก น้องตุ๊ก ตุ๊ก ที่โคตรน่ารักมาก (คิดว่าตุ๊กตา น้องตุ๊กตุ๊ก ต้องขายดีแน่ๆ) หลงรัก น้องบุญ เด็กพายเรือ รักน้องน้อย แอนด์ เดอะแก๊งค์ฟันน้ำนม ตัวแสบที่ขโมยซีนสุดๆ รักพี่ทอง หนุ่มร่างใหญ่ (เป็นอีกตัวละครที่มีพัฒนาการจากร้ายมาสู่ดี) แม้แต่ตัวนัมมาอารี เจ้าหญิงตัวร้าย เราก็เกลียดนางไม่ลง ตัวมังกรซิซู ที่ได้ อควาฟิน่ามาพากย์เสียง ซึ่งโคตรรพีคสุดๆ อควาฟิน่าทำให้ตัวมังกรซิซู น่ารัก มีสีสัน มีความจัดจ้าน ราวกับว่าอควาฟิน่า อวตารมาเล่นเป็นมังกรด้วยตัวเองจริงๆ (รักนางมากๆ) ...รวมถึงตัว รายา นี่คือการดีไซน์คาแรกเตอร์ ตัวละครเจ้าหญิงที่โคตรมีเสน่ห์มาก รายาโคตรเท่ เป็นเจ้าหญิงที่เฟียสสุดๆ ห้าวหาญ บอกตรงๆ ผมดูหนังเรื่องนี้ในรอบภาษาอังกฤษ แต่เชื่อมั้ย ผมรู้สึกว่า ตัวรายา มีความคล้ายกับ น้องญาญ่า อุรัสยา อยู่ไม่น้อย ทั้งท่าทาง การพูดต่างๆ (ดูไปคิดถึงญาญ่าจริงๆ นะ ไม่น่าจะคิดไปเอง...มีข่าวว่า ตัวละคร รายา ได้แรงบันดาลใจส่วนหนึ่งจากญาญ่าในการดีไซน์คาแรกเตอร์ ...นี่ตั้งใจจะไปดูรอบพากย์ไทยอีกรอย เห็นว่าญาญ่า พากย์ดีมากๆ)
อีกหนึ่งจุดเด่นคืองานด้านโปรดักชั่น ดีไซน์ ที่ผสมผสานเอาวัฒนธรรมอาเซียน แบบเก็บนิด ผสมน้อย ให้รสชาติความเป็น Multi Culture เป็นแกงโฮะที่ปรุงได้อร่อย กลมกล่อมมาก ทั้งไทย ชวา บาหลี และอื่นๆ เช่นในเรื่องของอาหาร เราจะเห็นต้มยำกุ้งเอย ห่อหมกเอย สะเต๊ะเอย หรือการดีไซน์คอสตูม ดีไซน์ฉากที่มีทั้งวัดแบบไทยๆ ปราสาทที่คล้ายแบบขอม หรือบาหลี สีสันแบบชวา มีตลาดน้ำแบบบ้านเรา ผสมรวมกันเป็นคูมันตรา ดินแดนที่มีเสน่ห์สุดๆ ต้องชมทีม Research ที่ทำการบ้านมาดีมากๆ .บอกตรงๆ นะ นี่คืองานที่คนดูอย่างเราที่ภูมิใจและดีใจมากที่เห็นมิติความเป็นไทย ความเป็นอาเซียนในหนังเรื่องนี้ ...บอกเลย รายา นี่คือการ์ตูนที่ขึ้นหิ้งในใจผมไปแล้ว
อีกสิ่งที่ไม่พูดไม่ได้เลย คือแก่น ที่เป็นหัวใจสำคัญของหนัง คือเรื่องของความเชื่อใจ ไว้ใจ ผมว่าแก่นนี้ทำให้หนังนี้น่าสนใจ และแก่นนี้สะท้อนความเป็นตัวตนของคนในภูมิภาคนี้จริงๆ คิดดู ขนาดเป็นศัตรูกัน ยังตั้งใจเชิญเขามาบ้าน เชิญเขามาทานข้าว ...จริงๆ ความไว้ใจ ความเชื่อใจนี้ มันยังสะท้อนต่อไปยังการให้โอกาส และการให้อภัยซึ่งกันและกัน ซึ่งผมมองว่านี่คือหัวใจจริงๆ ของเรื่อง และการให้อภัยนี้เอง มันมีอยู่ในบริบทความเป็นคนไทยอย่างเราๆ นี่แหละ
Raya and the Last Dragon เป็นหนังที่กล้าพูดอย่างเต็มปากเลย ว่าดูแล้วมีความสุขมาก ดูจบแล้วอยากกรี๊ดดังๆ ว่า มันดีมากๆๆ อยากบอก อยากเชียร์ อยากให้ทุกคนได้ไปดูหนังเรื่องนี้จริงๆ ...มันเป็นหนังที่เชื่อว่า ใครได้ดูต้องรัก ต้องชอบ ต้องมีความสุขแน่ๆ ...(แนะนำอีกอย่าง ว่าอย่างพลาด US Again การ์ตูนสั้นปะหัวของหนังเรื่องนี้ โคตรดีจริงๆ ..เพราะฉะนั้นรีบเข้าโรงให้เร็วนะครับ) ...นี่คือดิสนีย์ ที่กลับมาท๊อป ฟอร์มาก ท๊อป ฟอร์มแบบสุดๆ ...จนกล้าบอกได้เลยว่า ถ้าใครพลาดดู เสียดายแทนจริงๆ
#RayaandtheLastDragon
#เอ้อระเหยลอยลม
ฝากติดตามเพจนะครับ
https://www.facebook.com/urrahoei