เมื่อไหร่ก็ตามที่มีการจัดอันดับ ทำเนียบนักแสดงหญิงมากฝีมือในประเทศไทย
ชื่อของ "เบลล่า-ราณี แคมเปน" ต้องติดอยู่ในนั้นด้วยอย่างแน่นอน
การันตีได้จากรางวัลนาฏราช สาขานักแสดงหญิงยอดเยี่ยม ปี 2560 และความเป็นขวัญใจมหาชน
ที่ ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน ผู้คนต่างเรียกว่า “แม่นาย” หรือไม่ก็ต้อง “เรณู” กันทั้งนั้น
แม้ระยะเวลา 10 ปี ที่ไม่มากและไม่น้อย ในการเดินสายอยู่ในวงการบันเทิงของเบลล่าจะมีผู้คนเข้าและออกตลอดเวลา
หากสิ่งที่ทำให้เธอยังคงโดดเด่นและเปล่งประกายอยู่เสมอ ไม่ใช่แค่ฝีมือในการทำงาน
แต่ คือความเป็นตัวเองอย่างเสมอต้นเสมอปลาย และความสามารถมากมายที่ซุกซ่อนอยู่ในตัว
จึงไม่น่าแปลกใจที่วันนี้ เธอไม่แค่โดดเด่นในแวดวงการแสดง
แต่รวมถึงวงการแฟชั่นและจิวเวลรี ที่ยังได้ร่วมทำงานอย่างสนิทสนมกับแบรนด์ Bulgari อีกด้วย
V: ความสัมพันธ์ของเบลล่าและแบรนด์ Bulgari เริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไหร่
B: น่าจะสัก 3 ปีที่แล้วค่ะ เบลได้มีโอกาสทำงานกับบุลการีที่ต่างประเทศ ครั้งนั้นก็ทำร่วมกับโว้กด้วยเป็น Vogue x Bulgari เลยค่ะ
ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ใหม่มาก เรียกว่าเป็นอีเว้นท์ระดับโลก ที่เราได้ไปในฐานะตัวแทนของคนไทยเลย
ยังมีอีกหนึ่งโมเมนต์ที่เบลภูมิใจมากๆ คือตอนไปงานประกาศรางวัลนาฏราชครั้งที่ 10 ที่เบลได้ใส่แบรนด์บุลการีไปด้วย
ทำให้เรารู้สึกมั่นใจมากขึ้นในการไปขึ้นเวทีใหญ่ที่เราได้รับรางวัลนักแสดงนำหญิง
V: แล้วความประทับใจทั้งก่อน-หลังที่ได้รู้จักและร่วมงานกับ Bulgari
B: ก่อนได้มีโอกาสทำงานร่วมกัน เบลก็ชอบอยู่แล้วนะคะ เป็นจิวเวลรี่ที่เรารู้สึกว่าจับต้องได้ เข้าใจง่ายและมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองที่ค่อนข้างโดดเด่น
พอได้มาทำงานร่วมกันเบลยิ่งประทับใจมาก เพราะรู้สึกว่าบุลการีเขาเสริมลุคให้กับผู้หญิงทุกคนได้หมด
จะเป็นสาวหวานหรือสาวเท่ เขาจะมีสไตล์ที่ช่วยเติมเต็มให้เราได้ทุกลุคเลย
V. ส่วนตัวเบลล่าคิดว่ามีจุดไหนที่ตัวเองเหมือนกับแบรนด์ Bulgari บ้าง
B: เบลว่าด้วยสัญลักษณ์ของเขาที่เป็นงูด้วย เป็นทั้งความอ่อนหวานและความแข็งแกร่งในตัวเอง เบลว่าจุดนี้แหละที่เราคล้ายกัน
และถ้าจะให้นิยาม เบลว่าเขาคือความฉลาดที่มั่นใจ โฉบเฉี่ยว ด้วยความที่เป็นแบรนด์จิวเวลรี เขาเลยมีความอ่อนหวานในตัวเอง
แต่ด้วยคาแร็กเตอร์ของเขาที่มีลูกเล่น มีเอกลักษณ์ เลยมีความเท่ผสมอยู่ในตัว
V: คุยเรื่องการแสดงบ้าง อยู่ในวงการบันเทิงมา 10 ปีแล้วคิดว่าทักษะด้านการแสดงพัฒนาไปถึงขั้นไหนแล้ว
B: เบลว่าก็พัฒนาค่อนข้างเยอะนะ ด้วยเวลาและประสบการณ์ที่เบลได้รับรวมกับงานของเบลที่หลากหลายมากๆ มีทุกแนวเลย
เบลได้พัฒนาตัวเองค่อนข้างเยอะมากๆ แต่ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าเราพัฒนาไปถึงขั้นไหน เพราะว่าในทุกๆ วัน เราก็ทำผลงานปัจจุบันของเราให้ดีที่สุด
พองานใหม่ออกมาเราก็ต้องทำงานใหม่ให้ดีที่สุด คือมันจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ เหมือนเราได้พัฒนาตัวเองขึ้นไปเรื่อยๆ
V: ความสนุกของการเป็นคนหน้ากล้องอยู่ที่ตรงไหน
B: ได้ทำอะไรหลากหลายมาก ค่อนข้างมีอิสระในการทำงานเช่น เราสามารถเติมแต่งอะไรหลายๆ อย่างได้
อย่างการใช้เสียงในแต่ละวัน เรายังใช้เสียงไม่เหมือนกันในแต่ละเรื่องเลย ได้ทดลองทำอะไรใหม่ๆ ตลอดเวลา
เหมือนเรียนรู้ที่จะได้เป็นคนนั้นคนนี้ ได้ทำงานหลายอย่างและทำกับคนหลากหลาย สนุกค่ะ ท้าทายดี
V: คิดเห็นอย่างไรกับคำพูดที่ว่า “วงการบันเทิงประเทศไทยให้เครดิตการเป็นนางเอก-พระเอกมากกว่าบทอื่นๆ”
B: เอาจริงตามความคิดของเบลนะ
การทำงาน 1 ชิ้น มันเหมือนการปรุงอาหาร ถ้าเราขาดวัตถุดิบใดวัตถุดิบหนึ่ง มันก็ไม่ได้เป็นอาหารจานที่สมบูรณ์ ที่คนกินแล้วอร่อย
การที่เราจะทำผลงานหนึ่งชิ้น มันจะขาดวัตถุดิบใดหรือองค์ประกอบใดไปไม่ได้ มันคงจะออกมาไม่สมบูรณ์
เบลคิดว่าทุกๆ คนที่มีส่วนในการทำงานร่วมกัน ทุกคนสำคัญหมด แต่คนเขาอาจจะชูโรงที่พระเอกนางเอกนิดหนึ่งด้วยบทบาท
แต่เบลรู้สึกว่าถ้าจะให้เครดิตหรือความสำคัญต้องให้ทุกคนเท่ากันหมด
V: ท่ามกลางเด็กรุ่นใหม่ที่เข้ามาและรุ่นเก่าที่ยังคงอยู่ เบลล่าทำอย่างไรให้ตัวเองยังกระตือรือร้นและโดดเด่นในการทำงานอยู่เสมอ
B: เบลว่าการมีคนรุ่นใหม่เข้ามาเป็นเรื่องที่ดี
เหมือนเราได้เห็นมุมมองใหม่ๆ ได้เห็นวิธีการทำงานใหม่ๆ ที่เรารู้สึกว่ามันเป็นพลังที่ทำให้คนดูได้สนุกมากขึ้น มันมีลูกเล่นมากขึ้น
ซึ่งบางทีเรายังรู้สึกเลยว่า เหมือนเราได้สลับกันเป็นครูให้กันและกัน เราได้เรียนรู้จากกัน และร่วมกันทำงาน ให้คนดูได้มีสีสันและสนุกสนานมากขึ้น
V: สิ่งสำคัญที่เบลล่าได้เรียนรู้จากการเป็นนักแสดงในยุคปัจจุบัน
B: เบลว่ามันคือความไม่หยุดนิ่ง เราต้องแอคทีฟตลอดเวลา ปรับตัวตลอดเวลา
ทุกอย่างมันไปมาเข้าออกเร็วมาก มันมีอะไรที่ไม่คาดคิดหลายอย่างที่จะเกิดขึ้นตลอด เหมือนเราต้องมีสติในทุกโมเมนต์
ยิ่งถ้าเราได้รับโอกาสมา เรายิ่งต้องทำให้ดี เพราะเราก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉะนั้นทำสิ่งที่เรามีอยู่ในมือต้องทำให้ดีที่สุด
แล้ว เราต้องไม่หยุดตัวเองด้วยความสำเร็จของเมื่อวาน เพราะความสำเร็จของผลงานที่แล้ว มันก็ไม่ได้นับเป็นความสำเร็จของวันต่อๆ ไปแล้ว
V: มีวิธีรับมือกับพลังงานลบอย่างไร
B: เบลว่ามันเป็นเรื่องปกติ มีคนชอบก็มีทั้งคนไม่ชอบ มองให้มันเป็นเรื่องธรรมดาที่สุด
ถ้าเรารับพลังงานลบมาแล้ว เราจะส่งพลังงานบวกให้คนอื่นต่อได้อย่างไร แต่มันก็ไม่ใช่ว่าเราจะบวกอย่างเดียว โดยไม่ได้ดูความจริงนะ
ถ้าเราอ่านแล้ว ไตร่ตรองหน่อยว่าสิ่งที่เขาพูดจริงไหม ลองมาสังเกตตัวเองเพื่อปรับปรุงให้มันดีขึ้น
V: คิดว่าตอนนี้เบลล่าประสบความสำเร็จในชีวิตแล้วหรือยัง
B: เรียกว่าเคยแล้วกัน เบลเคยประสบความสำเร็จแล้วครั้งหนึ่งในใจตัวเอง ยังอยากที่จะทำมันต่อไปให้ดีเรื่อยๆ
อย่างที่บอกไปค่ะ ว่าประสบความสำเร็จเมื่อวานแล้ววันนี้มันก็ไม่เหมือนกันแล้ว เราก็ต้องมีเป้าหมายต่อไปที่เราจะได้เดินต่อไปเรื่อยๆ
โดยที่เป้าหมายมันไม่ได้อยู่ไกลเกินไป หรือว่านานเกินไปที่จะให้เราสามารถไปถึงเป้าให้ได้
ช่างภาพ : เอกรัตน์ อุบลศรี
สไตลิสต์ : ตะวัน ก้อนแก้ว
นางแบบ : ราณี แคมเปน
แต่งหน้า : จิรายุ ดีสาระ
ทำผม : เบญจพร คำพับ
ผู้ช่วยสไตลิสต์ : จันทิสา วุฒิพันธ์เรืองชัย
เรื่องและสัมภาษณ์ : พรรณธร ธรรมนิภานนท์
อาร์ตไดเร็กเตอร์ : วิวาน วรศิริ
กราฟิกดีไซเนอร์ : บพิตร วิเศษน้อย
Who is she ? ทายสิ Cover Girl ของ VOGUE EXTRA ฉบับที่ 3 คือใคร
เอียร์คัฟล์ ทองคำ สลับไวท์โกลด์และพิงค์โกลด์ ตุ้มหูพิงค์โกลด์ตกแต่งเซรามิก แหวนพิงค์โกลด์ตกแต่งเซรามิก
กำไลทองคำและแหวนทองคำประดับเพชร แหวนทองคำประดับเพชร รุ่น “B.zero 1”
สร้อยคอไวท์โกลด์รูปงูประดับเพชร ทับทิบ พร้อมพู่ลูกปัดทับทิมสลับเพชร จาก Bulgari High Jewllery
สร้อยคอไวท์โกลด์ประดับเพชรทั้งตัวเรือนรุ่น “Serpenti Viper”
นาฬิกาตัวเรือนไวท์โกลด์ประดับเพชร หน้าปัดเปลือกหอยมุกรุ่น “Serpenti”
กำไลไวท์โกลด์ประดับเพชรและประดับเพชรทั้งตัวเรือนพันสองรอบ
แหวนไวท์โกลด์ประดับเพชรทั้งตัวเรือนและตัวเรือนพันสองรอบ รุ่น “Serpenti Viper”
เอียร์คัฟล์ ทองคำ สลับไวท์โกลด์และพิงค์โกลด์
นาฬิกาตัวเรือนเซรามิกสลับพิงค์โกลด์ หน้าปัดเซารามิกประดับเพชร รุ่น “Sepenti Spiga”
แหวนพิงค์โกลด์ตกแต่งเซรามิกรุ่น “B.zero 1”
สร้อยคอพิงค์โกลด์ประดับเพชรสลับลูกปัดรูบิไลท์และลูกปัดพิงค์ทัวร์มารีน จาก Bulgari High Jewllery
นาฬิกาตัวเรือนทองคำสานประดับเพชร หน้าปัดเปลือกหอยมุกรุ่น “Serpenti Spiga”
กำไลพิงค์โกลด์ประดับเพชร และประดับเพชรทั้งตัวเรือน
แหวนพิงค์โกลด์และไวท์โกล์ดประดับเพชรทั้งตัวเรือนพันสองรอบ รุ่น “Serpenti Viper”
🔎 VOGUE EXTRA เปิดโลกนักแสดงของเบลล่า-ราณี กับ 10 ปีในวงการที่เคยไม่หยุดพัฒนาตัวเอง
B: น่าจะสัก 3 ปีที่แล้วค่ะ เบลได้มีโอกาสทำงานกับบุลการีที่ต่างประเทศ ครั้งนั้นก็ทำร่วมกับโว้กด้วยเป็น Vogue x Bulgari เลยค่ะ
ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ใหม่มาก เรียกว่าเป็นอีเว้นท์ระดับโลก ที่เราได้ไปในฐานะตัวแทนของคนไทยเลย
ยังมีอีกหนึ่งโมเมนต์ที่เบลภูมิใจมากๆ คือตอนไปงานประกาศรางวัลนาฏราชครั้งที่ 10 ที่เบลได้ใส่แบรนด์บุลการีไปด้วย
ทำให้เรารู้สึกมั่นใจมากขึ้นในการไปขึ้นเวทีใหญ่ที่เราได้รับรางวัลนักแสดงนำหญิง
V: แล้วความประทับใจทั้งก่อน-หลังที่ได้รู้จักและร่วมงานกับ Bulgari
B: ก่อนได้มีโอกาสทำงานร่วมกัน เบลก็ชอบอยู่แล้วนะคะ เป็นจิวเวลรี่ที่เรารู้สึกว่าจับต้องได้ เข้าใจง่ายและมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองที่ค่อนข้างโดดเด่น
พอได้มาทำงานร่วมกันเบลยิ่งประทับใจมาก เพราะรู้สึกว่าบุลการีเขาเสริมลุคให้กับผู้หญิงทุกคนได้หมด
จะเป็นสาวหวานหรือสาวเท่ เขาจะมีสไตล์ที่ช่วยเติมเต็มให้เราได้ทุกลุคเลย
V. ส่วนตัวเบลล่าคิดว่ามีจุดไหนที่ตัวเองเหมือนกับแบรนด์ Bulgari บ้าง
B: เบลว่าด้วยสัญลักษณ์ของเขาที่เป็นงูด้วย เป็นทั้งความอ่อนหวานและความแข็งแกร่งในตัวเอง เบลว่าจุดนี้แหละที่เราคล้ายกัน
และถ้าจะให้นิยาม เบลว่าเขาคือความฉลาดที่มั่นใจ โฉบเฉี่ยว ด้วยความที่เป็นแบรนด์จิวเวลรี เขาเลยมีความอ่อนหวานในตัวเอง
แต่ด้วยคาแร็กเตอร์ของเขาที่มีลูกเล่น มีเอกลักษณ์ เลยมีความเท่ผสมอยู่ในตัว
B: เบลว่าก็พัฒนาค่อนข้างเยอะนะ ด้วยเวลาและประสบการณ์ที่เบลได้รับรวมกับงานของเบลที่หลากหลายมากๆ มีทุกแนวเลย
เบลได้พัฒนาตัวเองค่อนข้างเยอะมากๆ แต่ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าเราพัฒนาไปถึงขั้นไหน เพราะว่าในทุกๆ วัน เราก็ทำผลงานปัจจุบันของเราให้ดีที่สุด
พองานใหม่ออกมาเราก็ต้องทำงานใหม่ให้ดีที่สุด คือมันจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ เหมือนเราได้พัฒนาตัวเองขึ้นไปเรื่อยๆ
V: ความสนุกของการเป็นคนหน้ากล้องอยู่ที่ตรงไหน
B: ได้ทำอะไรหลากหลายมาก ค่อนข้างมีอิสระในการทำงานเช่น เราสามารถเติมแต่งอะไรหลายๆ อย่างได้
อย่างการใช้เสียงในแต่ละวัน เรายังใช้เสียงไม่เหมือนกันในแต่ละเรื่องเลย ได้ทดลองทำอะไรใหม่ๆ ตลอดเวลา
เหมือนเรียนรู้ที่จะได้เป็นคนนั้นคนนี้ ได้ทำงานหลายอย่างและทำกับคนหลากหลาย สนุกค่ะ ท้าทายดี
V: คิดเห็นอย่างไรกับคำพูดที่ว่า “วงการบันเทิงประเทศไทยให้เครดิตการเป็นนางเอก-พระเอกมากกว่าบทอื่นๆ”
B: เอาจริงตามความคิดของเบลนะ
การทำงาน 1 ชิ้น มันเหมือนการปรุงอาหาร ถ้าเราขาดวัตถุดิบใดวัตถุดิบหนึ่ง มันก็ไม่ได้เป็นอาหารจานที่สมบูรณ์ ที่คนกินแล้วอร่อย
การที่เราจะทำผลงานหนึ่งชิ้น มันจะขาดวัตถุดิบใดหรือองค์ประกอบใดไปไม่ได้ มันคงจะออกมาไม่สมบูรณ์
เบลคิดว่าทุกๆ คนที่มีส่วนในการทำงานร่วมกัน ทุกคนสำคัญหมด แต่คนเขาอาจจะชูโรงที่พระเอกนางเอกนิดหนึ่งด้วยบทบาท
แต่เบลรู้สึกว่าถ้าจะให้เครดิตหรือความสำคัญต้องให้ทุกคนเท่ากันหมด
V: ท่ามกลางเด็กรุ่นใหม่ที่เข้ามาและรุ่นเก่าที่ยังคงอยู่ เบลล่าทำอย่างไรให้ตัวเองยังกระตือรือร้นและโดดเด่นในการทำงานอยู่เสมอ
B: เบลว่าการมีคนรุ่นใหม่เข้ามาเป็นเรื่องที่ดี
เหมือนเราได้เห็นมุมมองใหม่ๆ ได้เห็นวิธีการทำงานใหม่ๆ ที่เรารู้สึกว่ามันเป็นพลังที่ทำให้คนดูได้สนุกมากขึ้น มันมีลูกเล่นมากขึ้น
ซึ่งบางทีเรายังรู้สึกเลยว่า เหมือนเราได้สลับกันเป็นครูให้กันและกัน เราได้เรียนรู้จากกัน และร่วมกันทำงาน ให้คนดูได้มีสีสันและสนุกสนานมากขึ้น
V: สิ่งสำคัญที่เบลล่าได้เรียนรู้จากการเป็นนักแสดงในยุคปัจจุบัน
B: เบลว่ามันคือความไม่หยุดนิ่ง เราต้องแอคทีฟตลอดเวลา ปรับตัวตลอดเวลา
ทุกอย่างมันไปมาเข้าออกเร็วมาก มันมีอะไรที่ไม่คาดคิดหลายอย่างที่จะเกิดขึ้นตลอด เหมือนเราต้องมีสติในทุกโมเมนต์
ยิ่งถ้าเราได้รับโอกาสมา เรายิ่งต้องทำให้ดี เพราะเราก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉะนั้นทำสิ่งที่เรามีอยู่ในมือต้องทำให้ดีที่สุด
แล้ว เราต้องไม่หยุดตัวเองด้วยความสำเร็จของเมื่อวาน เพราะความสำเร็จของผลงานที่แล้ว มันก็ไม่ได้นับเป็นความสำเร็จของวันต่อๆ ไปแล้ว
V: มีวิธีรับมือกับพลังงานลบอย่างไร
B: เบลว่ามันเป็นเรื่องปกติ มีคนชอบก็มีทั้งคนไม่ชอบ มองให้มันเป็นเรื่องธรรมดาที่สุด
ถ้าเรารับพลังงานลบมาแล้ว เราจะส่งพลังงานบวกให้คนอื่นต่อได้อย่างไร แต่มันก็ไม่ใช่ว่าเราจะบวกอย่างเดียว โดยไม่ได้ดูความจริงนะ
ถ้าเราอ่านแล้ว ไตร่ตรองหน่อยว่าสิ่งที่เขาพูดจริงไหม ลองมาสังเกตตัวเองเพื่อปรับปรุงให้มันดีขึ้น
V: คิดว่าตอนนี้เบลล่าประสบความสำเร็จในชีวิตแล้วหรือยัง
B: เรียกว่าเคยแล้วกัน เบลเคยประสบความสำเร็จแล้วครั้งหนึ่งในใจตัวเอง ยังอยากที่จะทำมันต่อไปให้ดีเรื่อยๆ
อย่างที่บอกไปค่ะ ว่าประสบความสำเร็จเมื่อวานแล้ววันนี้มันก็ไม่เหมือนกันแล้ว เราก็ต้องมีเป้าหมายต่อไปที่เราจะได้เดินต่อไปเรื่อยๆ
โดยที่เป้าหมายมันไม่ได้อยู่ไกลเกินไป หรือว่านานเกินไปที่จะให้เราสามารถไปถึงเป้าให้ได้