สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้เราจะมารีวิวทริปหลวงพระบางที่เราไปมาเมื่อปลายปี 2562 ก่อนที่จะมีโควิดระบาด ตอนนั้นเรารู้สึกว่าชีวิตตัวเองวุ่นวายมาก เลยอยากจะหาสถานที่พักผ่อนที่สงบ ที่เราจะสามารถใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยแบบที่เราชอบได้ เราก็เลยคิดถึงหลวงพระบาง เพราะเป็นที่ที่เราอยากไปมานานแล้ว แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้ไปสักที ว่าแล้วเราก็รีบหาข้อมูล จัดการจองตั๋วเครื่องบิน จองที่พักเลยค่ะ
ตอนนั้นแอร์เอเชียกำลังมีโปรพอดีเลยค่ะ ถือว่าเราโชคดีจริงๆ การมาเที่ยวหลวงพระบางนี้แทบไม่ต่างอะไรจากการเที่ยวในประเทศไทยเลย เพราะว่าเรามีวัฒนธรรมที่คล้ายกันมาก ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน หรือภาษา เราพูดไทย คนที่นี่พูดลาว แต่ก็คุยกันรู้เรื่องดีค่ะ
คนไทยเราสามารถมาเที่ยวหลวงพระบางได้โดยไม่ต้องขอวีซ่านะคะ ใช้แค่พาสปอร์ตอย่างเดียวคนไทยก็สามารถเข้ามาเที่ยวในประเทศลาวได้ครั้งละไม่เกิน 30 วัน และสำหรับชาวโซเชียล ซิมอินเตอร์เน็ตที่นี่มีขายตามร้านค้าทั่วไปเลยค่ะ แต่ว่าเรามี sim2fly เหลืออยู่จากทริปอื่น ก็เลยไม่ได้ซื้อค่ะ เงินที่นี่ใช้เงินกีบ แต่ว่าจริงๆ แล้วสามารถใช้ได้ทั้งสกุลเงินบาท หรือดอลล่าร์ ร่วมด้วยก็ได้ แต่ของเราแลกเป็นเงินกีบค่ะ เพราะว่าพอแลกแล้วรู้สึกว่าตัวเองรวยยังไงก็ไม่รู้ค่ะ 😊
จากสนามบินมาตัวเมืองเรานั่งรถตู้มาค่ะ บอกเขาว่าเราพักที่ไหนเขาก็จะมาส่งถึงที่พักเลยค่ะ ค่ารถตู้นั้นต้องขอโทษจริงๆ ที่เราจำไม่ได้แล้วค่ะ แต่ว่าไม่แพงอะไรมาก
เราจองห้องพักผ่าน booking.com ค่ะ เข้าพักที่ Villa Senesouk ที่อยู่ตรงข้ามวัดแสนสุขเลยค่ะ ราคาย่อมเยาว์ ที่พักดีงามสมราคาค่ะ รูปห้องพักนั้นน่าเสียดายที่เราไม่ได้เก็บไว้ เลยไม่มีรูปมาให้เพื่อนๆ ดูเลยค่ะ
การเที่ยวในตัวเมืองหลวงพระบางนั้น จะเดินหรือปั่นจักรยานก็ได้ค่ะ แต่เราเป็นคนที่ชอบเดินมากกว่า ที่พักเราก็อยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ พอที่จะเดินไปได้สบายๆ เลยค่ะ
เรามาถึงหลวงพระบางในวันแรกก็เป็นช่วงบ่ายแก่ๆ แล้ว เช็คอินที่พักเก็บของเรียบร้อยแล้วก็ออกมาเดินเล่นที่ถนนคนเดินค่ะ มีเสื้อผ้าของกินขายมากมายทีเดียว พอตกเย็นเราก็เดินขึ้นไปที่จุดชมวิวพระธาตุพูสี เราก็ไปพบกับมวลมหาชลที่นั่นซึ่งมานั่งรอชมวิวพระอาทิตย์ตกกันอยู่ ทำให้เราได้เข้าร่วมชมวิวด้วยแบบห่างๆ ค่ะ
หลังจากนั้นเราก็กลับไปเดินตลาดหาของกินต่อค่ะ ระหว่างทางกลับที่พักก็จะผ่านบริษัททัวร์ที่เค้าจะจัดทริปไปตามจุดต่างๆ นอกตัวเมือง เราเลยเข้าไปถามว่าเค้ามีทริปไปน้ำตกบ้างหรือป่าว เพราะเราอยากไปน้ำตกกวางสีหรือตาดกวางสีมากๆ แต่เรามาคนเดียวจะเช่ารถขับหรือเหมารถไปคงจะแพง ก็เลยไปร่วมทริปกับคนอื่นน่าจะดีกว่า สรุปว่าที่บริษัททัวร์เค้าก็มีรถตู้พานักท่องเที่ยวไปน้ำตกจริงๆ ค่ะ เราก็เลยจองเอาไว้แล้วออกเดินทางพรุ่งนี้ น่าเสียดายที่เราก็จำค่ารถตู้ไม่ได้อีกเหมือนกันค่ะ ช่างเป็นกระทู้รีวิวที่ข้อมูลน้อยมาก 😅 เพื่อนๆ ถือซะว่าอ่านไปเพลินๆ แล้วกันนะคะ
ตอนเช้าวันรุ่งขึ้นเราก็มาขึ้นรถตู้ที่บริษัททัวร์ เพื่อนร่วมทริปของเราเป็นฝรั่งเป็นส่วนใหญ่ แล้วมีคู่สามีภรรยาที่เป็นคนจีนคู่นึงคะ มีเราเป็นคนไทยคนเดียว ซักพักเราก็มาถึงน้ำตก ตาดกวางสีเป็นน้ำตกที่สวยมากค่ะ น้ำสีเขียวใสน่าเล่นมากๆ แต่ตอนที่เราไปเป็นเดือนพฤศจิกายน อากาศค่อนข้างเย็นเราเลยไม่ได้ลงไปเล่น แต่ว่าก็มีคนลงไปเล่นน้ำเยอะพอสมควรทีเดียวค่ะ เราก็เดินถ่ายรูปไปเรื่อย และขอให้ผู้หญิงคนจีนที่มารถคันเดียวกันถ่ายรูปให้ เธอถ่ายออกมาได้ดีทีเดียว จากประสบการณ์ของเรา นักท่องเที่ยวชาวจีนที่วัยรุ่นหน่อย จะถ่ายรูปออกมาได้สวยมากค่ะ
เราใช้เวลาอยู่ที่น้ำตกประมาณครึ่งวันค่ะ หลังจากนั้นก็กลับมาทานอาหารในตัวเมือง เราเคยอ่านรีวิวมาว่าร้านตำบักหุ่ง ป้าติ๋ม (หรือแม่ติ๋ม หรือน้าติ๋ม แล้วแค่ใครจะเรียกนะคะ) นั้นดังมาก เราเลยต้องไปลองค่ะ พอไปถึงร้านก็พบว่าน่าจะดังมากจริง เพราะที่ร้านมีรูปดาราไทยที่เคยไปทานแป่ะโชว์ไว้เต็มเลยค่ะ เราสั่งตำหลวงพระบาง ไก่และข้าวเหนียวมาทาน โดยส่วนตัวแล้วเราชอบส้มตำที่ใช้มะละกอเป็นเส้นสับๆ มากกว่าเส้นแบนๆ แบบนี้ แต่ว่ารสชาติของส้มตำก็ถือว่าโอเคค่ะ
ส่วนนี่เป็นอาหารมื้ออื่นๆ ที่หลวงพระบางทีเรายังมีรูปเก็บไว้ค่ะ โดยสรุปแล้วอาหารที่นั่นเราชอบข้าวซอยไก่มากที่สุดค่ะ
ตกเย็นวันนั้นเราเดินเล่นในตัวเมืองไปเรื่อยๆ และไปชมพระอาทิตย์ตกริมแม่น้ำโขงบ้าง หวังว่าคนคงไม่เยอะเหมือนที่พระธาตุพูสี
ระหว่างที่เรายืนชมพระอาทิย์ตกอยู่ริมฝั่งโขงนั้น ก็มีคนลาวมาคุยกับเราว่า "มาจากไทยเหรอ นี่ไง ข้ามแม่น้ำโขงตรงนี้ไปฝั่งนู้นก็ไทยแล้ว" เราบอกว่าไม่ใช่ ไทยไม่ได้อยู่แถวนี้ เขาหัวเราะแล้วบอกว่า "ทำไมรู้ล่ะ ปกติคนไทยชอบคิดว่าอีกฝั่งของแม่น้ำโขงคือประเทศไทย" จริงเหรอคะ 🤔
วันสุดท้ายก่อนกลับบ้านเรามาเดินเล่นในตลาดเช้าหาของกินค่ะ ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง มีของกินขายเยอะทีเดียว
และเดินต่อมาวัดเชียงทองที่แสนโด่งดังกับมุมถ่ายรูปตรงหน้าต่างที่ไม่ว่าใครๆ ถ้ามาหลวงพระบางก็ต้องมาถ่ายรูปตรงนี้
หลังจากนั้นก็ได้เวลากลับบ้านแล้วค่ะ เป็นอันจบทริปเดินเล่นเรื่อยเปื่อยที่หลวงพระบางของเราแล้ว สุดท้ายนี้ถ้ามีข้อมูลอะไรผิดพลาดหรือมีคำผิดตรงไหน เราต้องขอโทษด้วยนะคะ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาดูนะคะ
[CR] กาลครั้งหนึ่งที่หลวงพระบาง หลบความวุ่นวายไปเที่ยวคนเดียว
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้