[CR] รีวิวบ้านขนิษฐา-Moon Glass Bistro & Grill และ The Missing Piece Cafe ทั้ง 3 ร้านอยู่ในซอยสุขุมวิท 53

น้าชายผมเพิ่งกลับมาจากการทำงานที่ต่างประเทศทำการกักตัวและเข้าตรวจเชื้อ Covid-19 ภายในโรงแรมที่รัฐบาลจัดหาให้จนครบ 14 วันเสร็จเรียบร้อย หลังจากนั้นก็รบกวนให้เราช่วยหาร้านอาหารไทย-นานาชาติที่อร่อยๆจะได้พากันไปทานยกทั้งครอบครัว (ส่วนเรื่องราคานั้นไม่เกี่ยงเพราะมื้อนี้น้าผมเป็นคนเลี้ยงเอง) จำได้ว่าภายในซอยสุขุมวิท 53 ใกล้ๆกับร้านที่ผมเคยไปรีวิวมีร้านอาหาร 3 แห่งอยู่ภายในรั้วเดียวกันก็คือ Baan Khanitha - Moon Glass Bistro & Grill และ The Missing Piece Cafe มีทั้งเมนูอาหารไทยแท้ขึ้นชื่อ/อาหารฝรั่ง-นานาชาติและคาเฟ่เครื่องดื่ม-ขนมหวานครบทุกๆอย่างจบได้ในที่เดียวเรียกว่าตอบโจทย์มื้อนี้มากที่สุด วิธีการเดินทางมาที่ร้านถ้ามาด้วยรถยนต์ส่วนตัวมีลานจอดรถกว้างขวางพร้อมต้นไม้ใหญ่ปกคลุมเกือบเต็มพื้นที่ไม่ต้องกลัวร้อนหรือถ้ามาด้วยบริการขนส่งสาธารณะให้ที่สถานีทองหล่อแล้วเดินย้อนกลับมาเข้าซอยสุขุมวิท 53 เดินมาประมาณ 250 เมตร ก็จะเจอป้าย 3 ร้านอาหารเรียงกันเป็นแนวยาวแบบนี้แสดงว่ามาถึงแล้วครับ วันนี้ผมนัดเจอคนละครึ่งทางโดยฝั่งเรานั่ง BTS มารอก่อนที่ร้านได้สะดวกมากๆ แต่ฝั่งน้าผมต้องขับรถมากับครอบครัวคนอื่นๆตรงมาจากรามอินทราทำให้ยังมีเวลาถ่ายรูปเก็บบรรยากาศร้านตามมุมต่างๆกันก่อน จะสวยงามขนาดไหนเดี๋ยวเราไปชมด้านในพร้อมกันเลยครับ

เดินเข้ารั้วมาก็จะพบกับร้านแรกติดริมถนนคือ The Missing Piece Cafe ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นร้านเครื่องดื่ม-ขนมหวานบรรยากาศชวนนั่งสบายๆ โดยแบ่งปลีกย่อยไปอีก 3 โซนคือ Outdoor ด้านนอกนั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ฟังเสียงน้ำพุรับลมเย็นตามธรรมชาติ Indoor ห้องแอร์เย็นฉ่ำล้อมรอบด้วยกระจกพร้อมเก้าอี้บุนวมนุ่มชวนให้นั่งนานสบายๆพร้อมถ่ายรูปกับน้องตุ๊กตาหมีที่เป็นมาสคอตของที่ร้าน สุดท้ายคือโซน Grab & Go มีประตูเชื่อมกับถนนในซอยสุขุมวิท 53 เป็นครัวหลักขายกาแฟ/เครื่องดื่ม/ขนมหวานและขนมอบต่างๆ มีโต๊ะเล็กๆให้นั่งติดริมกระจกชมวิวต้นไม้กับน้ำพุกลางร้านหรือถ้ารีบมากก็สั่งเครื่องดื่ม-ของหวานจากจุดนี้ไปทานต่อนอกร้านได้ทันทีสะดวกดีครับผม

ติดๆกันเป็นร้านอาหารฝรั่ง-นานาชาติชวนนั่งดื่มชิลล์ๆอย่าง Moon Glass Bistro & Grill บรรยากาศคล้ายกับเรือนกระจกแบ่งออกเป็น 4 โซนคือ 1. Outdoor รับลมธรรมชาติภายใต้ชายคาร้านโต๊ะที่ใช้เป็นหินอ่อน/เก้าอี้ไม้เบาะสีน้ำเงินหนานุ่มพร้อมหมอนสีเหลืองเหมาะสำหรับนั่งดื่มสบายๆ 2. Indoor ชั้น 1 อยู่ภายในบ้านเรือนกระจกที่มีการตกแต่งดูหรูหราสไตล์ยุโรปมีบาร์เครื่องดื่มและเวทีสำหรับเล่นดนตรีสด เหมาะกับการพาคู่รักมานั่งดินเนอร์ 3. Indoor ชั้น 2 ขึ้นบันไดมาอีกชั้นก็จะได้บรรยากาศเป็นแบบโมเดิร์นดูทันสมัยพื้นไม้สีเข้มตัดกับเฟอร์นิเจอร์สมัยใหม่เหมาะกับการพาผู้ใหญ่มานั่งทานข้าวคุยกับครอบครัวแบบเงียบๆแต่ละโต๊ะเว้นห่างกันทำให้รู้สึกไม่อึดอัดมากจนเกินไป 4. ระเบียงสวนชั้น 2 เป็นโต๊ะสำหรับคู่รักที่ต้องการความเงียบสงบเป็นลานหญ้าเทียมสีเขียวแต่ดูร่มรื่นเพราะอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ของร้าน The Missing Piece ฟังเสียงน้ำพุไหลเบาๆตอนกลางคืนเปิดไฟสีส้มชวนโรแมนติกน่าดูครับ

ร้านที่อยู่ด้านในสุดคือบ้านขนิษฐาที่หลายๆคนมักจะมีภาพจำเก่าๆว่าแพงและลูกค้าหลักของที่ร้านนี้คือชาวต่างชาติเท่านั้น ซึ่งเราขอบอกตามตรงว่าไม่เคยทานร้านนี้มาก่อนแต่เห็นตอนนี้ทางร้านจัดบุฟเฟ่ต์ราคาเริ่มต้นที่ 590++ ถึง 1,790++ แต่ละสาขาก็จัดอาหารแตกต่างกันออกไป ส่วนสาขานี้มีบุฟเฟ่ต์ซีฟู๊ดมื้อเย็นราคาคนละ 999++ เริ่มตั้งแต่ 17.30 น. เป็นต้นไปนั่งทานได้ 2 ชั่วโมงเต็ม ส่วนรายละเอียดอื่นๆถ้าหากสนใจลองดูที่ Facebook ของทางร้านแทนนะครับ ภายนอกร้านนั้นดูเหมือนเป็นบ้านปูนโบราณส่วนภายในนั้นดูมีความเป็นไทยผสมยุโรปคล้ายกับการตกแต่งบ้านในสมัยรัชกาลที่ 4-5 บรรยากาศแตกต่างจาก 2 ร้านที่เดินผ่านมาอย่างสิ้นเชิง เพราะที่ร้านนี้เขาเน้นไปที่เมนูอาหารไทยโบราณโต๊ะ-เก้าอี้-พื้นทำจากไม้สีเข้มตัดกับผนังสีครีมเบาะนั่งสีแดงดูน่าเกรงขาม ส่วนชั้น 2 ที่ร้านเปิดให้บริการเป็นห้องส่วนตัวที่ต้องจองล่วงหน้าจึงไม่อนุญาตให้ขึ้นไปถ่ายข้างบน ตอนนี้ครอบครัวผมเดินทางใกล้จะถึงกันแล้วเราไปขอเปิดดูเล่มเมนูของทั้ง 3 ร้านกันครับว่ามีเมนูอะไรที่น่าทานและราคาจะแพงอย่างที่คิดเอาไว้มั้ย

พนักงานยกเล่มเมนูออกมาให้รวมทั้งหมด 3 เล่มใหญ่และ 3 เมนูเล่มย่อย เริ่มเปิดจากเล่มของบ้านขนิษฐาสีส้มดูสดใสหน้าแรกบ่งบอกความเป็นมาของร้าน/ผักที่ใช้ส่งมาจากบ้านพนาลัยเขาใหญ่ที่ทางร้านปลูกแบบสะอาดปลอดสารพิษส่งให้กับร้านบ้านขนิษฐาและ Moon Glass ทุกสาขาทั่วทั้งกรุงเทพมหานคร หมวดแรกเป็นเมนูเรียกน้ำย่อยสไตล์ไทยราคาเริ่มต้นที่ 220 แพงสุดเป็นชุดของทอดรวมใหญ่ราคา 630 บาท หมวดต่อมาเป็นเมนูยำไทยราคาเริ่มต้นที่ 210 แพงสุดคือส้มตำกุ้งลายเสือราคา 790 บาท ราคาถูก-แพงขึ้นก็อยู่กับความพรีเมี่ยมของวัตถุดิบที่ใช้ครับ

 หมวดต่อไปเป็นเมนูอาหารไทยจานผัดต่างๆราคาเริ่มต้นที่ 210 แพงสุดคือหมึกไข่คั่วพริกเกลือราคา 490 บาท หมวดต่อมาเป็นต้มยำ/แกงส้ม/แกงจืด มีขนาดให้เลือก 3 ไซส์คือ S/M/L เริ่มต้นที่ 240 บาท แพงสุดคือต้มยำและต้มข่ากุ้งนาง (กุ้งแม่น้ำ) หม้อใหญ่ไซส์ L ราคา 940 บาท ซึ่งถือว่าเป็นเมนู Signature ที่ใครๆมาร้านบ้านขนิษฐาก็ต้องสั่งทุกคน หมวดต่อไปเป็นแกงเผ็ดมีทั้งสูตรของภาคกลาง/ภาคใต้และภาคตะวันออกของประเทศไทยรวมอยู่ในร้านนี้ที่เดียวราคาเริ่มต้นที่ 160 บาทกับเมนูแกงคั่วสับปะรดกุ้ง แพงที่สุดคือแกงคั่วปูทะเลใส่ใบชะพลูราคา 1,200 บาท เคยทานเมนูนี้แพงสุดหม้อละ 650 บาท (เนื้อปูม้า) แต่ร้านนี้ใช้เนื้อปูทะเลที่อร่อยกว่าก็ต้องขึ้นราคาอย่างที่เห็น

หมวดต่อไปเป็นเมนูที่ทำจากปลากระพง/ปลาสำลีและปลาหิมะขายเป็นแบบทั้งตัว (ยกเว้นปลาหิมะที่ตัดเป็นชิ้นใหญ่) สำหรับปลากระพงทุกเมนูราคา 640 บาท ปลาสำลีทุกเมนูราคา 690 บาท ส่วนปลาหิมะที่ราคาแพงสุดนำมาปรุงราคาจานละ 940 บาท นอกจากนี้ยังมีเมนูปลาเก๋า/ปลาจาระเม็ด/ปูนิ่มและปูทะเล สำหรับปลาเก๋าทุกเมนูที่ร้านขายตัวละ 840 บาท ปลาจาระเม็ดเสิร์ฟทั้งตัวราคาเมนูละ 790 บาท เมนูอาหารไทยปรุงจากปูนิ่มขายราคาจานละ 640 บาท แพงสุดคือปูทะเลหรือที่เรียกอีกชื่อว่าปูดำ/ปูเนื้อ/ปูป่าชายเลนที่ร้านนี้ขายตัวละ 1,200 บาททุกเมนูครับ

หมวดต่อไปเป็นกุ้งนาง(กุ้งแม่น้ำ)/กุ้งลายเสือ/หอยเชลล์และอาหารทะเลนำมาปรุงเป็นอาหารไทย เริ่มจากเมนูกุ้งนางราคาจานละ 640 บาท เมนูอาหารไทยที่ปรุงจากกุ้งลายเสือราคาจานละ 790 บาท ห่อหมกทะเลราคา 980 บาท แพงสุดคือรวมมิตรทะเลเผาชุดใหญ่ยักษ์ราคา 2,500 บาท (ดูจากรูปในเมนูแล้วยิ่งใหญ่อลังการสมราคาครับ) หมวดต่อไปเป็นกุ้งอยุธยาและกุ้งมังกรภูเก็ตที่เราสอบถามกับน้องพนักงานร้านได้ความมาว่าเอามาจากต้นกำเนิดไม่นำจากแหล่งอื่นมาขายแทนที่ร้าน (ถึงขนาดแยกเมนูกุ้งนางกับกุ้งอยุธยาออกจากกันแสดงว่าต้องแตกต่าง) ราคานั้นก็พุ่งทะยานไปมาก ทั้งกุ้งมังกรภูเก็ตทุกเมนูราคาตัวละ 3,200 บาท กุ้งมังกรแคนาเดียน (แบบเดียวกับที่เสิร์ฟตามโรงแรม) ราคาตัวละ 1,900 บาท ส่วนตัวเคยทานมาทั้ง 2 แบบแนะนำว่ากุ้งมังกรบ้านเราอร่อยกว่าเยอะ เมนูที่ปรุงจากกุ้งอยุธยาที่ร้านเสิร์ฟจานละ 1 กิโลกรัมคัดขนาดพิเศษมาให้ราคาจานละ 1,100 บาท ราคาสูงกว่าร้านริมแม่น้ำเจ้าพระยาเล็กน้อยเมื่อเทียบกับค่าน้ำมันรถแล้วยอมจ่ายได้ครับ หมวดต่อไปเป็นน้ำพริกจิ้มผักสดๆมีให้เลือกทั้งหมด 4 เมนูราคาเริ่มต้นที่ 320 บาท แพงสุดคือน้ำพริกกุ้งเผาราคา 360 บาท มาพร้อมผักชุดใหญ่/กุ้งเผาสมราคาดีครับ

หมวดต่อมาเป็นก๋วยเตี๋ยวและข้าวผัดที่ร้านบ้านขนิษฐามีเมนูขึ้นชื่ออยู่อีกอย่างนั่นก็คือ"ผัดไทยกุ้งสด"ราคาจานละ 320 บาท นอกนั้นเป็นผัดไทยหมู/ไก่/เนื้อ/ข้าวผัดและข้าวอบต่างๆราคาเริ่มต้นที่ 240 บาท มีไซส์ S/M/L เมนูที่แพงสุดคือ"ผัดไทยกุ้งลายเสือ"ราคา 790 บาท นอกจากนี้ยังมีหมวดอาหารมังสวิรัติสำหรับคนที่งดทานเนื้อสัตว์หลากหลายเมนูเริ่มต้นที่ 260 บาท แพงสุดคือต้มยำเห็ดหม้อใหญ่ไซส์ L ราคา 390 บาท หมวดสุดท้ายในเล่มนี้คือขนมหวานของร้านนี้เน้นไปที่ไอศครีมและขนมไทยราคาเริ่มต้นที่ 120-230 บาท แพงที่สุดก็คือชุดผลไม้สดๆไซส์ L ราคา 290 บาท นอกจากนี้ทางร้านยังมีเมนูย่อยที่เพิ่มเมนูอาหารใหม่เข้ามาแต่ขายราคาถูกลงทั้งออเดิร์ฟ/ยำ/ทอด/ตำ/แกง/ผัด/น้ำพริก/อาหารจานเดียว/เมนูเด็ด/ขนมหวานเครื่องดื่มราคาเริ่มต้นแค่เพียง 75 บาท สำหรับเมนูขนมหวานแพงสุดคือปลาช่อนนานึ่งจิ้มแจ่วผักลวกราคาตัวละ 395 บาท เรียกได้ว่าถูกกว่าในเล่มเมนูปกติเกือบครึ่งครับ

เมนูเล่มหลักต่อไปมาจากร้าน Moon Glass ที่เน้นเป็นอาหารฝรั่ง/ฟัวชั่น/กับแกล้มต่างๆไว้ทานคู่กับเครื่องดื่มแอลกอฮออล์ หน้าแรกบอกความเป็นมาของร้านแบบเดียวกับในเล่มของบ้านขนิษฐาเพราะผักสดปลูกและถูกส่งมาจากแหล่งเดียวกัน หมวดแรกเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยและอาหารทานเล่นราคาเริ่มต้นที่ 150 บาทสำหรับเมนูผักโขมอบชีส แพงที่สุดคือเมนูหอยเชลล์ฮอกไกโดอบซอสไวท์ทรัฟเฟิลออยล์ราคา 390 บาท (แค่เมนูราคาเริ่มต้นก็ถูกกว่าร้านบ้านขนิษฐาแล้วครับ) หน้าต่อไปเป็นสลัดผักสดต่างๆราคาเริ่มต้นที่ 180 บาท สำหรับเมนูซีซ่าร์สลัดแบบดั้งเดิมเพิ่มเติมด้วยมะเขือเทศตากแห้ง ส่วนเมนูที่แพงสุดคือปูนิ่มทอดกรอบบนผักสดเสิร์ฟกับฮันนี่มัสตาร์ตและอิตาเลียนเดรสซิ่งราคา 320 บาท นอกจากนี้ยังมีเมนูพาสต้าผัดร้อนๆเริ่มต้นที่ 220-320 บาท พิซซ่าหน้าต่างๆราคาเริ่มต้นที่ถาดละ 220-320 บาท และพรีเมี่ยมเมนูอย่างสปาเก็ตตี้หน้าแคนาเดียนล๊อบสเตอร์ย่างราคาตัวละ 1,900 บาท

****** เกิน 10,000 ตัวอักษร ขอรีวิวต่อในช่อง Comment นะครับ ******
ชื่อสินค้า:   บ้านขนิษฐา-Moon Glass Bistro & Grill และ The Missing Piece Cafe ซอยสุขุมวิท 53
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่