iLaw เปิดแนวทางการใช้กระสุนยางตามหลักสากล
https://prachatai.com/journal/2021/03/91908
iLaw เปิดแนวทางการใช้กระสุนยางตามหลักสากล ระบุใช้ต่อคนที่ใช้ความรุนแรง กรณีที่กำลังจะเกิดอันตรายต่อตำรวจหรือสาธารณะ เล็งที่ท้องส่วนล่างหรือขา การเล็งที่หน้าหรือหัว อาจทำให้กระโหลกศรีษะแตก ตาบอดหรือเสียชีวิตได้ การยิงทีละหลายๆ นัด ไม่มีความแม่นนำ ขัดต่อหลักความจำเป็นและได้สัดส่วน
28 ก.พ.2564 โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือ iLaw โพสต์ถึง แนวปฏิบัติด้านสิทธิมนุยชนของสหประชาชาติว่าด้วยการใช้อาวุธที่มีความร้ายแรงต่ำในการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งกำหนด
วิธีการใช้กระสุนยาง (KINETIC IMPACT PROJECTILES) https://www.ohchr.org/Documents/HRBodies/CCPR/LLW_Guidance.pdf ไว้ว่า ใช้ต่อคนที่ใช้ความรุนแรง กรณีที่กำลังจะเกิดอันตรายต่อตำรวจหรือสาธารณะ เล็งที่ท้องส่วนล่างหรือขา การเล็งที่หน้าหรือหัว อาจทำให้กระโหลกศรีษะแตก ตาบอดหรือเสียชีวิตได้ การยิงทีละหลายๆ นัด ไม่มีความแม่นยำ ขัดต่อหลักความจำเป็นและได้สัดส่วน
โดยมีรายละเอียดดังนี้
[b]วิธีการใช้และการออกแบบ[/b]
7.5.1 ขอบเขตของการใช้กระสุนยางต้องใช้โดยเจ้าหน้าที่รัฐ (ตำรวจ) เพื่อใช้รับมือกับบุคคลที่ใช้ความรุนแรง รวมถึงการใช้ทางเลือกอื่นที่มีความรุนแรงน้อยกว่าอาวุธที่ทำให้อันตรายถึงชีวิตได้ กระสุนดัดแปลงมีหลายชื่อ เช่น กระสุนยาง กระสุนพลาสติก ฯลฯ
สถานการณ์ที่อาจนำกระสุนยางมาใช้ได้โดยชอบด้วยกฎหมาย
7.5.2 กระสุนยางควรถูกใช้ในการยิงที่เล็งไปที่ช่วงท้องส่วนล่าง หรือ ขา ของบุคคลที่ใช้ความรุนแรงเท่านั้น และเฉพาะในกรณีที่เล็งเห็นว่ากำลังจะเกิดอันตรายต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือสาธารณชน
[b]ความเสี่ยงเป็นพิเศษ[/b]
7.5.3 การเล็งไปที่หน้าหรือหัว อาจส่งผลให้กระโหลกศีรษะแตกและสมองบาดเจ็บ เกิดอันตรายต่อดวงตา รวมไปถึงอาจก่อให้เกิดอาการตาบอดถาวร หรืออาจเสียชีวิตได้ การยิงกระสุนยางจากทางอากาศหรือที่สูง เช่น ระหว่างการชุมนุม มีแนวโน้มจะเพิ่มความเสี่ยงที่จะยิงโดนศีรษะของผู้ชุมนุม การยิงไปที่ลำตัวผู้ชุมนุมอาจก่อให้เกิดอันตรายต่ออวัยวะสำคัญ และอาจทะลุลำตัวผู้โดนยิง โดยเฉพาะเมื่อยิงในระยะใกล้ ขนาดของลำกล้องและความเร็วของวิถีการยิง รวมไปถึงส่วนประกอบอื่น ล้วนส่งผลต่อการก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บและความรุนแรงของการบาดเจ็บนั้นทั้งสิ้น
การใช้กระสุนยางที่จะเป็นไปตามหลักสากล ต้องเป็นการยิงจากกระสุนที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 10 เซนติเมตรและยิงตรงไปยังเป้าเท่านั้น การยิงกระสุนลงพื้นอาจสร้างให้เกิดความเสียหายที่ไม่อาจยอมรับได้เนื่องจากความไม่แม่นยำของวิถีกระสุน
[b]สถานการณ์ที่การนำกระสุนยางมาใช้อาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย[/b]
[b]7.5.5 กระสุนยางไม่ควรใช้ยิงในโหมดอัตโนมัติ[/b]
7.5.6 การยิงทีละหลายๆ นัด ในคราวเดียวกันนั้นโดยทั่วไปไม่มีความแม่นยำ การยิงเช่นนั้นยังขัดต่อหลักความจำเป็นและได้สัดส่วน กระสุนโลหะ เช่น ที่ยิงจากปืนสั้น (shotguns) ไม่ควรนำมาใช้
7.5.7 กระสุนควรมีการนำไปทดสอบและได้รับการอนุมัติให้ใช้ เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีความแม่นยำเพียงพอที่จะใช้ยิงไปในบริเวณที่ปลอดภัยต่อเป้าหมายที่มีขนาดเท่ามนุษย์ ในระยะที่กำหนด และโดยไม่ใช้รุนแรงเกินควร ซึ่งอาจก่อให้เกิดการบาดเจ็บ
7.5.8 การใช้กระสุนยางไม่ควรเล็งไปที่หัว หน้าหรือคอ กระสุนโลหะหุ้มยางเป็นอันตราย ไม่ควรนำมาใช้
iLaw ระบุด้วยว่า #ม็อบ28กุมภา เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การสลายการชุมนุมปี 2553 ที่เห็นเจ้าหน้าที่รัฐนำ กระสุนยาง มาใช้กับประชาชน โดยมีภาพและคลิปจำนวนมาก ที่ตำรวจใช้ปืนยิงไปทางผู้ชุมนุม มีเสียงดังและประกายไฟออกจากปากกระบอกปืนชัดเจน มีผู้พบปลอกกระสุน และลูกกระสุนยางหลายแห่งที่เป็นจุดปะทะ รวมทั้งมีผู้บาดเจ็บเป็นรอยแผลฟกช้ำสีแดงเข้ม ภาพการใช้กระสุนยางเกิดขึ้นหลายครั้งระหว่างการชุมนุม รวมทั้งหลังการชุมนุมยุติแล้ว แต่เหลือผู้ชุมนุมที่ยังไม่กลับบ้าน และยาวมาจนถึงหลังเวลา 23.00 น. ที่หน้า สน.ดินแดง ก็ยังมีภาพการใช้กระสุนยางยิงใส่ผู้ชุมนุมอยู่
สหรัฐ เตือนเพิ่มมาตรการกดดัน คนเบื้องหลังรัฐประหารพม่า-สลายม็อบรุนแรง
https://www.matichon.co.th/foreign/news_2601540
สหรัฐ เตือนเพิ่มมาตรการกดดัน คนเบื้องหลังรัฐประหารพม่า-สลายม็อบรุนแรง
แชนแนลนิวส์ เอเชีย รายงานเมื่อวันที่ 1 มีนาคม อ้างนายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา ที่ระบุเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ว่า
รัฐบาลสหรัฐกำลังเตรียมที่จะดำเนินมาตรการเพิ่มเตอม กับผู้ที่อยู่เบื้องหลังการสลายการชุมนุมที่รุนแรง และการรัฐประหารในเมียนมา
นาย
ซัลลิแวน ระบุว่า สหรัฐจะร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับพันธมิตร หุ้นส่วนในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกและทั่วโลกนำตัวผู้อยู่เบื้องหลังความรุนแรงมารับผิดชอบ เวลานี้สหรัฐกำลังเตรียมมาตรการเพิ่มเตอมกับผู้อยู่เบื้องหลังความรุนแรงและการรัฐประหาร และจะเปิดเผยในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้
ทั้งนี้สหรัฐอเมริกา มีมาตรการคว่ำบาตรบรรดาผู้นำทหารเมียนมา ไปก่อนหน้านี้แล้วครั้งหนึ่งนับตั้งแต่กองทัพทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ขณะที่นาย
แอนโทนี บลินเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ระบุเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ประณามการก่อความรุนแรงที่น่ารังเกียจ ต่อผู้ชุมนุม ของกองทัพเมียนมา และย้ำด้วยว่า สหรัฐจะนำตัวผู้อยู่เบื้องหลังมารับผิดชอบด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ ล่าสุดรายงานระบุว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเมียนมาใช้กระสุนจริงยิงใส่ผู้ประท้วงเสียชีวิตแล้ว 18 ราย
JJNY : iLawเปิดแนวทางการใช้กระสุนยางตามหลักสากล│สหรัฐเตือนเพิ่มกดดันพม่า│หนี้สาธารณะปริ่มคอหอย│‘ก้าวไกล’ เยี่ยมถนนคนเดิน
https://prachatai.com/journal/2021/03/91908
28 ก.พ.2564 โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือ iLaw โพสต์ถึง แนวปฏิบัติด้านสิทธิมนุยชนของสหประชาชาติว่าด้วยการใช้อาวุธที่มีความร้ายแรงต่ำในการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งกำหนดวิธีการใช้กระสุนยาง (KINETIC IMPACT PROJECTILES) https://www.ohchr.org/Documents/HRBodies/CCPR/LLW_Guidance.pdf ไว้ว่า ใช้ต่อคนที่ใช้ความรุนแรง กรณีที่กำลังจะเกิดอันตรายต่อตำรวจหรือสาธารณะ เล็งที่ท้องส่วนล่างหรือขา การเล็งที่หน้าหรือหัว อาจทำให้กระโหลกศรีษะแตก ตาบอดหรือเสียชีวิตได้ การยิงทีละหลายๆ นัด ไม่มีความแม่นยำ ขัดต่อหลักความจำเป็นและได้สัดส่วน
7.5.1 ขอบเขตของการใช้กระสุนยางต้องใช้โดยเจ้าหน้าที่รัฐ (ตำรวจ) เพื่อใช้รับมือกับบุคคลที่ใช้ความรุนแรง รวมถึงการใช้ทางเลือกอื่นที่มีความรุนแรงน้อยกว่าอาวุธที่ทำให้อันตรายถึงชีวิตได้ กระสุนดัดแปลงมีหลายชื่อ เช่น กระสุนยาง กระสุนพลาสติก ฯลฯ
สถานการณ์ที่อาจนำกระสุนยางมาใช้ได้โดยชอบด้วยกฎหมาย
7.5.2 กระสุนยางควรถูกใช้ในการยิงที่เล็งไปที่ช่วงท้องส่วนล่าง หรือ ขา ของบุคคลที่ใช้ความรุนแรงเท่านั้น และเฉพาะในกรณีที่เล็งเห็นว่ากำลังจะเกิดอันตรายต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือสาธารณชน
[b]ความเสี่ยงเป็นพิเศษ[/b]
7.5.3 การเล็งไปที่หน้าหรือหัว อาจส่งผลให้กระโหลกศีรษะแตกและสมองบาดเจ็บ เกิดอันตรายต่อดวงตา รวมไปถึงอาจก่อให้เกิดอาการตาบอดถาวร หรืออาจเสียชีวิตได้ การยิงกระสุนยางจากทางอากาศหรือที่สูง เช่น ระหว่างการชุมนุม มีแนวโน้มจะเพิ่มความเสี่ยงที่จะยิงโดนศีรษะของผู้ชุมนุม การยิงไปที่ลำตัวผู้ชุมนุมอาจก่อให้เกิดอันตรายต่ออวัยวะสำคัญ และอาจทะลุลำตัวผู้โดนยิง โดยเฉพาะเมื่อยิงในระยะใกล้ ขนาดของลำกล้องและความเร็วของวิถีการยิง รวมไปถึงส่วนประกอบอื่น ล้วนส่งผลต่อการก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บและความรุนแรงของการบาดเจ็บนั้นทั้งสิ้น
การใช้กระสุนยางที่จะเป็นไปตามหลักสากล ต้องเป็นการยิงจากกระสุนที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 10 เซนติเมตรและยิงตรงไปยังเป้าเท่านั้น การยิงกระสุนลงพื้นอาจสร้างให้เกิดความเสียหายที่ไม่อาจยอมรับได้เนื่องจากความไม่แม่นยำของวิถีกระสุน
[b]สถานการณ์ที่การนำกระสุนยางมาใช้อาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย[/b]
[b]7.5.5 กระสุนยางไม่ควรใช้ยิงในโหมดอัตโนมัติ[/b]
7.5.6 การยิงทีละหลายๆ นัด ในคราวเดียวกันนั้นโดยทั่วไปไม่มีความแม่นยำ การยิงเช่นนั้นยังขัดต่อหลักความจำเป็นและได้สัดส่วน กระสุนโลหะ เช่น ที่ยิงจากปืนสั้น (shotguns) ไม่ควรนำมาใช้
7.5.7 กระสุนควรมีการนำไปทดสอบและได้รับการอนุมัติให้ใช้ เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีความแม่นยำเพียงพอที่จะใช้ยิงไปในบริเวณที่ปลอดภัยต่อเป้าหมายที่มีขนาดเท่ามนุษย์ ในระยะที่กำหนด และโดยไม่ใช้รุนแรงเกินควร ซึ่งอาจก่อให้เกิดการบาดเจ็บ
7.5.8 การใช้กระสุนยางไม่ควรเล็งไปที่หัว หน้าหรือคอ กระสุนโลหะหุ้มยางเป็นอันตราย ไม่ควรนำมาใช้
iLaw ระบุด้วยว่า #ม็อบ28กุมภา เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การสลายการชุมนุมปี 2553 ที่เห็นเจ้าหน้าที่รัฐนำ กระสุนยาง มาใช้กับประชาชน โดยมีภาพและคลิปจำนวนมาก ที่ตำรวจใช้ปืนยิงไปทางผู้ชุมนุม มีเสียงดังและประกายไฟออกจากปากกระบอกปืนชัดเจน มีผู้พบปลอกกระสุน และลูกกระสุนยางหลายแห่งที่เป็นจุดปะทะ รวมทั้งมีผู้บาดเจ็บเป็นรอยแผลฟกช้ำสีแดงเข้ม ภาพการใช้กระสุนยางเกิดขึ้นหลายครั้งระหว่างการชุมนุม รวมทั้งหลังการชุมนุมยุติแล้ว แต่เหลือผู้ชุมนุมที่ยังไม่กลับบ้าน และยาวมาจนถึงหลังเวลา 23.00 น. ที่หน้า สน.ดินแดง ก็ยังมีภาพการใช้กระสุนยางยิงใส่ผู้ชุมนุมอยู่
สหรัฐ เตือนเพิ่มมาตรการกดดัน คนเบื้องหลังรัฐประหารพม่า-สลายม็อบรุนแรง
https://www.matichon.co.th/foreign/news_2601540
สหรัฐ เตือนเพิ่มมาตรการกดดัน คนเบื้องหลังรัฐประหารพม่า-สลายม็อบรุนแรง
แชนแนลนิวส์ เอเชีย รายงานเมื่อวันที่ 1 มีนาคม อ้างนายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา ที่ระบุเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ว่า
รัฐบาลสหรัฐกำลังเตรียมที่จะดำเนินมาตรการเพิ่มเตอม กับผู้ที่อยู่เบื้องหลังการสลายการชุมนุมที่รุนแรง และการรัฐประหารในเมียนมา
นายซัลลิแวน ระบุว่า สหรัฐจะร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับพันธมิตร หุ้นส่วนในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกและทั่วโลกนำตัวผู้อยู่เบื้องหลังความรุนแรงมารับผิดชอบ เวลานี้สหรัฐกำลังเตรียมมาตรการเพิ่มเตอมกับผู้อยู่เบื้องหลังความรุนแรงและการรัฐประหาร และจะเปิดเผยในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้
ทั้งนี้สหรัฐอเมริกา มีมาตรการคว่ำบาตรบรรดาผู้นำทหารเมียนมา ไปก่อนหน้านี้แล้วครั้งหนึ่งนับตั้งแต่กองทัพทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ขณะที่นายแอนโทนี บลินเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ระบุเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ประณามการก่อความรุนแรงที่น่ารังเกียจ ต่อผู้ชุมนุม ของกองทัพเมียนมา และย้ำด้วยว่า สหรัฐจะนำตัวผู้อยู่เบื้องหลังมารับผิดชอบด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ ล่าสุดรายงานระบุว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเมียนมาใช้กระสุนจริงยิงใส่ผู้ประท้วงเสียชีวิตแล้ว 18 ราย