JJNY : คลังรับโจทย์ยากแก้หนี้ขรก.│ป.ป.ช.จ่อแจ้งข้อกล่าวหาทุจริตถุงมือยาง│ก้าวไกลชี้ยันไม่ขับออก│ป้อมถกด่วนลงดาบดาวฤกษ์

คลังรับโจทย์ยากแก้หนี้ ขรก. ดึงสหกรณ์รับภาระ แลกแบงก์ “ถอนฟ้อง”
https://www.prachachat.net/finance/news-617005
 

 
แบงก์รัฐเจอโจทย์ยากแก้หนี้ข้าราชการ คลังชี้ปม “สหกรณ์ปล่อยกู้ชนเพดาน-ไม่เข้าเครดิตบูโร” กดดันแบงก์ทำใจลำบาก-เสี่ยงหนี้เสียสูง แถมอายัดเงินเดือนไม่ได้ ชี้เป็นสาเหตุทำให้ต้องฟ้องล้มละลายมากขึ้นช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ “ออมสิน” แบกพอร์ตหนี้ข้าราชการกว่า 4.5 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นหนี้ครู “แก้ยาก” ชี้รัฐบาลอาจต้องเข้ามาช่วยโดยตรง เดินหน้าแก้หนี้ตำรวจก่อน เหตุแก้ง่ายกว่า ดึงสหกรณ์เข้ามารีไฟแนนซ์รับหนี้ข้าราชการที่ถูกฟ้องล้มละลายไปแลกให้แบงก์ถอนฟ้อง
 
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การแก้ไขปัญหาหนี้สินของข้าราชการครู ตำรวจ และทหาร ที่รัฐบาลมีนโยบายให้ธนาคารออมสินกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) มาดำเนินการนั้นค่อนข้างแก้ไขได้ยาก เนื่องจากลูกหนี้ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์
 
ซึ่งที่ผ่านมาแบงก์จะมีข้อตกลงอยู่กับสหกรณ์ออมทรัพย์เรื่องหักเงินชำระหนี้ แต่ปรากฏว่าระยะหลังมานี้แบงก์เก็บหนี้จากข้าราชการกลุ่มดังกล่าวไม่ได้ เพราะสหกรณ์ออมทรัพย์มีการไปปล่อยกู้ให้ลูกหนี้เพิ่มเติมจนเต็มเพดาน ส่งผลให้แบงก์ต้องดำเนินการฟ้องล้มละลาย ซึ่งข้าราชการจะเสียประวัติและต้องถูกออกจากราชการ
 
สหกรณ์สามารถหักเงินเดือนได้ 70% ซึ่งหลายปีมานี้ก็ปล่อยกู้กันจนเต็ม ส่วนเงินเดือนลูกหนี้ที่เหลืออีก 30% ก็เหลือไม่พอไปชำระให้แบงก์ ส่วนแบงก์จะอายัดก็ไม่ได้เพราะมีกฎหมายคุ้มครองอยู่ แบงก์ต่าง ๆ จึงเลือกแนวทางการฟ้องล้มละลาย
 
อย่างข้าราชการตำรวจก็ถูกฟ้องมีหลายหมื่นราย จนรัฐบาลต้องให้มีการแก้ไขหนี้ร่วมกัน ซึ่งเริ่มต้นจะแก้หนี้ตำรวจก่อน เพราะแก้ง่ายกว่าหนี้ครู และมีลูกหนี้ที่ถูกฟ้องอยู่แค่หลักหมื่นราย โดยจะมีการให้สหกรณ์เข้ามารับภาระด้วยการมารีไฟแนนซ์หนี้ออกไปรวมหนี้ไว้อยู่ที่สหกรณ์แทน ซึ่งแบงก์เมื่อได้รับการชำระหนี้มาแล้วก็จะถอนฟ้อง และลดดอกเบี้ย ลดเบี้ยปรับต่าง ๆ ให้” แหล่งข่าวกล่าว
 
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ปัญหาที่พบอีกอย่างหนึ่ง คือ สหกรณ์ออมทรัพย์ไม่ยอมเข้าเป็นสมาชิกบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (เครดิตบูโร) ทำให้การตรวจสอบสถานะหนี้ของลูกหนี้ข้าราชการทำได้ยากและมีความเสี่ยงสูง โดยในช่วงหลายปีมานี้พบว่าสหกรณ์ออมทรัพย์มีสัดส่วนการให้สินเชื่อสูงกว่า 20% ของสินเชื่อทั้งระบบแล้ว ซึ่งเมื่อสหกรณ์ไม่ยอมเข้าระบบก็ทำให้บริหารจัดการแก้ปัญหาหนี้ได้ยาก
 
เรื่องหนี้ข้าราชการเป็นเรื่องใหญ่ โดยเฉพาะหนี้สินครูที่มีกว่า 4 แสนล้านบาทในพอร์ตของธนาคารออมสิน เพราะในอดีตรัฐบาลเคยมีนโยบายให้รวมหนี้ครูไว้ที่ออมสิน แต่ปัญหาตอนนี้ถ้าให้แบงก์แก้เองรัฐบาลไม่เข้ามาช่วยโดยตรงก็น่าจะลำบาก” แหล่งข่าวกล่าว
 
ด้าน นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธอส.กล่าวว่า หลังจากที่ ธอส.ได้เข้าไปทำความตกลงร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการตำรวจและลูกจ้างประจำ ตั้งแต่เมื่อเดือน ธ.ค. 2563 ที่ผ่านมา ขณะนี้มีข้อมูลข้าราชการตำรวจที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ติดต่อเข้ามาที่แบงก์แล้วจำนวน 12 ราย โดยธนาคารจะเร่งดำเนินการแก้ปัญหาให้เสร็จภายในไตรมาส 1 ปี 2564 นี้
 
ตามโมเดลที่ธนาคารทำอยู่ คือ สหกรณ์ตำรวจจะเป็นตัวกลาง มาหารือร่วมกับ ธอส. แล้วนำเงินของสหกรณ์ที่ปล่อยกู้อยู่มาสะสาง เพื่อให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้ให้กับตำรวจได้ จากนั้นระยะต่อไปจะดำเนินการแก้หนี้กลุ่มข้าราชการทหารต่อไป
 
ทั้งนี้ ธอส.มีพอร์ตหนี้สินข้าราชการ ทั้งตำรวจ ทหาร และครู รวมกว่า 1 แสนล้านบาท สำหรับแนวทางที่แบงก์ใช้แก้ปัญหาประกอบด้วย 
1. การปรับโครงสร้างหนี้ 
2. การลดดอกเบี้ย 
3. การขยายเวลาชำระหนี้ 
และ 4. การผ่อนปรนการชำระหนี้
 

 
ป.ป.ช.จ่อแจ้งข้อกล่าวหาขบวนการทุจริตถุงมือยาง
https://news.thaipbs.or.th/content/301682
 
รอง เลขาธิการ ป.ป.ช เผยคณะอนุกรรมการไต่สวนเรียกสอบเจ้าหน้าที่ อคส.ที่เกี่ยวข้องกับคดีทุจริตถุงมือยาง และอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เบื้องต้นพบว่ามีมูล คาดจะแจ้งข้อกล่าวหาในเร็ว ๆ นี้
 
วันนี้ (21 ก.พ.2564) นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีทุจริตการจัดซื้อถุงมือยางขององค์การคลังสินค้า หรือ อคส. จำนวน 500 ล้านกล่องมูลค่า 112,500 ล้านบาท โดยระบุว่า หลังนายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการ อคส. ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 23 ก.ย.2563 ถึงการใช้อำนาจหน้าที่ในทางทุจริตของ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ อดีตรักษาราชการแทน ผู้อำนวยการ อคส. กับพวก โดยต้องการให้ ป.ป.ช.กล่าวหาและดำเนินคดีตามกฎหมายนั้น
 
ขณะนี้คณะอนุกรรมการไต่สวน ได้เรียกสอบสวนหาข้อเท็จจริงเจ้าหน้าที่ อคส.ที่เกี่ยวข้องแล้ว และอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เบื้องต้นพบว่า มีมูล คาดว่าจะแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกกล่าวหาให้ทราบในเร็วนี้ ส่วนจะแจ้งใครนั้นต้องรอสรุปแต่อย่างน้อยมีผู้เกี่ยวข้อง 2 คน ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาจะต้องมาให้ข้อมูลและเอกสาร
 
ส่วนกรณีที่ ส.ส.เพื่อไทย พรรคฝ่ายค้านอภิปรายการทุจริตถุงมือยางโดยเชื่อมโยงถึงนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์นั้น จะต้องพิจารณาจากข้อมูลที่ฝ่ายค้านนำมายื่นว่า มีหลักฐานเชื่อมโยงกับเรื่องนี้อย่างไรน่าเชื่อถือหรือไม่
 
นอกจากนี้ นายนิวัติไชย ยังระบุอีกว่า ในการอภิปรายที่ผ่านมา ป.ป.ช.ได้ตั้งวอร์รูมเกาะติดตามการอภิปรายเพื่อรวบรวมข้อมูลการอภิปรายทั้งหมดในทุกประเด็น เพื่อดูว่า ประเด็นใดที่มีพยานหลักฐานชัดจะมีการยกเหตุอันควรสงสัยขึ้น และรอให้ ส.ส.ฝ่ายค้านที่อภิปรายยื่นหลักฐานมาให้ เช่น พยานเอกสาร บุคคลที่อ้างอิงถึง
 
สำหรับการจัดซื้อถุงมือยางของ อคส.เกิดขึ้นในช่วงที่ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ เป็นรักษาการผอ. อคส. โดยวันที่ 31 สิงหาคม 2563 ได้ทำสัญญากับการ์เดียนโกลฟส์ ผู้ผลิต และผู้ซื้อถุงมือยางจาก อคส. เพื่อไปขายต่อให้ 7 บริษัท และได้นำเงินของ อคส. 2,000 ล้านบาท จ่ายให้บริษัทการ์เดียนโกลฟส์เป็นค่ามัดจำสินค้าไปก่อน โดยไม่ผ่านการพิจารณาของบอร์ด อคส. โดยอ้างว่ามีอำนาจสามารถดำเนินการได้
 
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่