เนื่องในโอกาสครบรอบหนึ่งปีการออกอากาศของซีรีส์วายสุดฮิตแห่งปี 2020 อย่าง “เพราะเราคู่กัน (คั่นกู)” หรือ “2gether The Series” ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ กระทู้นี้จึงขอพาทุกท่านย้อนรำลึกถึงความเป็นมาของซีรีส์ดังเรื่องนี้กันอีกครั้ง รวมถึงบอกเล่ามุมมองต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่างๆ กับซีรีส์เรื่องนี้ นับจากวันที่ซีรีส์ออกอากาศและจบลงได้สร้างปรากฏการณ์และการพูดถึงอย่างไรให้กับวงการทีวีบ้านเราบ้าง
**หมายเหตุ : เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล**
คั่นกู - การขึ้นมาอยู่บนกระแสหลักของซีรีส์วายไทย
ก่อนหน้านี้หากมีใครซักคนบอกว่าซีรีส์วายจะกลายมาเป็นความบันเทิงกระแสหลักทัดเทียมกับละคร/ซีรีส์ชายหญิงที่มีมาก่อนหน้าแล้วล่ะก็ คงจะเป็นคำพูดที่ดูน่าขำและดูมั่นเกินไปหน่อย เพราะถึงแม้ไทยจะผลิตซีรีส์วายออกสู่สายตาผู้ชมทั้งในไทยและต่างประเทศมาแล้วมากมาย แต่กระแสและความนิยมยังคงถูกจำกัดไว้เฉพาะในกลุ่มผู้ชมที่เป็นสาววาย/หนุ่มวายเท่านั้น ยังไม่สามารถเจาะกลุ่มไปยังผู้ชมทั่วไปหรือเป็นกระแสหลักของเทรนด์ทีวีในประเทศได้
จนกระทั่งการมาถึงของซีรีส์เพราะเราคู่กันในปีที่ผ่านมาก็ได้ช่วยทำให้คำกล่าวข้างต้นเริ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้น เมื่อซีรีส์วายเริ่มเป็นที่รู้จักและพูดถึงในวงกว้างในฐานะอีกหนึ่งความบันเทิงที่สามารถดูได้ทุกเพศทุกวัย ไม่จำเป็นต้องเป็นสาววายเท่านั้นอย่างที่แล้วมา และกลายเป็นหมุดไมล์สำคัญให้กับวงการซีรีส์วายไทยที่สร้างกันมาอย่างต่อเนื่องยาวนานอีกด้วย
ก่อนจะมาเป็นซีรีส์สุดฮิตของผู้ชม
ย้อนกลับไปช่วงกลางปี 2019 ที่เริ่มมีการประกาศสร้างและแคสต์ตัวนักแสดงเพื่อรับบทต่างๆ ในซีรีส์ คั่นกูซึ่งตอนนั้นยังเป็นเพียงว่าที่ซีรีส์วายเรื่องหนึ่งที่ GMMTV ประกาศจะทำการสร้าง ยังไม่ได้มีกระแสหรือได้รับความสนใจจากคนนอกมากเท่าไรนักหากไม่ใช่แฟนนิยายหรือสาววายที่เป็นแฟนคลับซีรีส์ของค่ายมาก่อน แต่กระนั้นก็ไม่อาจกล่าวได้ว่าคั่นกูเป็นซีรีส์โนเนมที่เริ่มจากศูนย์ซะทีเดียว เพราะถ้าพูดถึงเฉพาะในกลุ่มแฟนนิยายวายแล้วล่ะก็ คั่นกูค่อนข้างมีชื่อเสียงเป็นทุนเดิมในฐานะนิยายวายยอดนิยม มีแฟนคลับจำนวนไม่น้อยที่เฝ้ารอการขึ้นจอเป็นครั้งแรกของนิยายดังเรื่องนี้ ดังนั้นในฐานะคนที่รู้จักหรือคุ้นเคยกับนิยายวาย/ซีรีส์วายมาก่อน คั่นกูนับเป็นหนึ่งในซีรีส์ที่น่าจับตามองอีกเรื่องหนึ่งของปีนั้น
กระแสตอบรับที่ไม่ดี
ถึงแม้ซีรีส์จะสร้างจากนิยายวายขายดีที่ค่อนข้างเป็นที่รู้จักในหมู่ผู้อ่านนิยายวายมาก่อนแล้วก็ตาม นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผู้อ่านทุกคนจะให้การต้อนรับหรือกระแสบวกต่อซีรีส์เรื่องนี้ไปซะทั้งหมด โดยเฉพาะเมื่อตอนที่ทีเซอร์ตัวแรกปรากฏสู่สายตาแฟนๆ กระแสตอบรับแบ่งออกเป็นสองฝั่งอย่างเห็นได้ชัด คือ ถ้าไม่รู้สึกเฉยๆ กับตัวอย่างก็จะไม่ชอบไปเลย เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะซีรีส์นำเสนอมุมมองที่แตกต่างจากสิ่งที่ผู้อ่านจินตนาการเอาไว้ ทั้งยังพยายามใส่ความดราม่าลงไปในเรื่องมากจนหลุดตีมการเป็นนิยายฟีลกู๊ดเดิมอย่างที่ควรจะเป็น แต่ไม่ว่าจะด้วยเพราะเหตุผลใดก็ตามซีรีส์ก็ได้เสียรังวัดไปพอสมควรกับกระแสตอบรับแรกที่ออกมา ทำให้จากเดิมที่ควรจะเป็นซีรีส์จากนิยายวายที่น่าติดตาม กลายเป็นซีรีส์ที่ถูกกระแสตีกลับมากที่สุดเรื่องหนึ่ง จนมีคำเสียดสีติดตลกในหมู่แฟนคลับมาจนถึงทุกวันนี้ว่า
“คั่นกู ซีรีส์เบอร์รองที่จีเอ็มเอ็มไม่ได้หวังให้ดังตั้งแต่แรก” เพราะหลังจากกระแสตอบรับที่ไม่ดีนี่เอง ทำให้ดูเหมือนหลังจากนั้นค่ายก็ไม่ได้ใส่ใจหรือทุ่มโปรโมตให้กับซีรีส์เรื่องนี้อย่างที่ควรจะเป็น เมื่อเทียบกับซีรีส์วายค่ายเดียวกันอีกเรื่องที่ถูกวางสถานะไว้เป็นซีรีส์วายเรือธงตั้งแต่แรก
ออกสตาร์ทพร้อมกับโรคระบาด
แม้จะถูกมองเป็นซีรีส์เบอร์รอง กระนั้นผู้ชมก็ยังให้โอกาสในการติดตามซีรีส์ตั้งแต่สัปดาห์แรกที่ออกฉาย ทำให้คั่นกูกลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้งในหมู่สาววายที่ยังติดตาม ทำให้ค่ายได้พอเบาใจขึ้นว่าซีรีส์ก็ไม่ได้ถูกเมินไปซะทีเดียว อย่างไรก็ตามการมาถึงของโรคระบาดไวรัสโคโรนา (โควิด 19) ในขณะนั้นก็ดูเหมือนจะทำให้สิ่งที่น่ากังวลสำหรับซีรีส์ไม่ใช่กระแสตอบรับจากแฟนคลับอีกต่อไป
การอุบัติขึ้นของโควิด 19 ส่งผลกระทบต่อคนทั่วทุกมุมโลกทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และชีวิตความเป็นอยู่ของคนทุกอาชีพ ทุกวงการ สำหรับวงการโทรทัศน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับวงการซีรีส์วาย การแพร่ระบาดของโควิด 19 กระทบโดยตรงต่อโอกาสหลายๆ อย่างที่ซีรีส์ควรจะได้รับโดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกอีเวนท์ เแต่ไหนแต่ไรซีรีส์วายต้องพึ่งพาการพบปะกับแฟนๆ ตามงานอีเวนท์ต่างๆ เพื่อเป็นการเช็คกระแสและโปรโมตนักแสดง/ซีรีส์ไปในตัว แต่ด้วยมาตรการการควบคุมโรครวมถึงคำสั่งปิดเมือง/ปิดการเดินทาง ก็ทำให้กิจกรรมและอีเวนท์ต่างๆ ในที่สาธารณะต้องถูกระงับไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งจุดนี้เองที่ส่งผลกระทบโดยต่อซีรีส์วายที่กำลังออกอากาศ ทั้งยังทำให้รายได้และเม็ดเงินที่ค่ายและนักแสดงควรจะได้รับหดหายไปด้วย อย่างไรก็ตามท่ามกลางวิกฤตที่ปิดโอกาสให้กับซีรีส์ ก็ยังเกิดอีกหนึ่งโอกาสขึ้นมาทดแทน ซึ่งจะเปลี่ยนให้ซีรีส์เบอร์รองนี้กลายเป็นซีรีส์แถวหน้านับแต่นั้น
โควิดให้โชค
การกักตัวอยู่บ้านของประชาชนตามมาตรการภาครัฐเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 เมื่อมองอีกมุมทำให้ผู้คนเริ่มหาอะไรทำในช่วงที่กักตัวอยู่บ้านมากขึ้น และการเสพความบันเทิงจากโทรทัศน์หรือยูทูปก็ดูจะเป็นช่องทางที่ง่ายและสะดวกที่สุด จุดนี้ทำให้ซีรีส์ ละคร หรือรายการหลายอย่างมียอดรับชมเพิ่มขึ้นและบางส่วนกลายมาเป็นไวรัลอย่างรวดเร็วบนโลกโซเชียล คั่นกูเองก็ได้รับอานิสงส์จากจุดๆ นี้ด้วยเช่นกัน
คั่นกูพลิกจังหวะในช่วงที่คนเสพความบันเทิงมากขึ้นในช่วงโควิดสร้างกระแสและการรับรู้ให้กับตัวเองไปเรื่อยๆ บนโลกโซเชียลในแต่ละสัปดาห์ที่ซีรีส์ออกอากาศ จากเดิมที่มีฐานคนดูเป็นแฟนคลับและกลุ่มสาววายรองรับอยู่แล้ว ยังได้ฐานเพิ่มจากผู้ชมกลุ่มใหม่ๆ ที่ทดลองดูซีรีส์วายเป็นครั้งแรกอีกด้วย ยิ่งโควิดทำให้คนต้องใช้เวลากักตัวอยู่บ้านมากเท่าไร คั่นกูก็ค่อยๆ แทรกเข้าไปอยู่ในหน้าความสนใจของผู้คนมากเท่านั้น จนมาถึงจุดที่สื่อและเพจต่างๆ พากันรีวิวและพูดถึงซีรีส์/นักแสดงกันโดยทั่วหน้า ชื่อของคั่นกูจึงเริ่มอยู่ในกระแสหลักนับแต่นั้น
เนื้อหาที่น่าติดตาม เหมาะสำหรับคนที่เริ่มดูซีรีส์วาย
ถึงจะปฎิเสธไม่ได้ว่าการที่ซีรีส์เริ่มเป็นที่รู้จักในกลุ่มคนทั่วไปส่วนหนึ่งมาจากโชคและการออกอากาศในจังหวะที่ประจวบเหมาะ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าซีรีส์จะไม่มีศักยภาพหรือความน่าสนใจในตัวพอที่จะดึงดูดผู้ชม เพราะถ้าพิจารณาดีๆ จะพบว่ายังมีปัจจัยหลายอย่างที่ช่วยส่งให้ซีรีส์มีความน่าสนใจพอที่จะเรียกแขกได้
ประการแรกที่เห็นได้ชัดคือเนื้อหาของซีรีส์ที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน มีความเป็นคอเมดี้อยู่ในตัวสูง มีปมและภารกิจที่ดูสนุกน่าติดตาม แม้คนที่ไม่เคยดูซีรีส์วายมาก่อนแต่ก็สามารถเข้าใจในสิ่งที่ซีรีส์ต้องการนำเสนอได้ไม่ยาก อีกทั้งยังนับเป็นซีรีส์วายไม่กี่เรื่องที่ไม่ได้มีจุดขายเป็นฉากอีโรติกวาบหวิวให้คนดูสาย conservative ต้องกระอักกระอ่วม เพราะถึงแม้โลกจะก้าวเข้าสู่ปี 2021 ที่เริ่มเปิดกว้างกับความหลากหลายทางเพศมากขึ้น แต่ก็ต้องยอมรับว่ายังไม่ใช่ทุกคนที่จะเปิดทั้งหมด โดยเฉพาะกับซีรีส์วายหรือประเด็นชายรักชาย ดังนั้นการค่อยๆ เริ่มทำความรู้จักโลกของซีรีส์วายด้วยคั่นกูจึงถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีและซีรีส์เองก็ตอบโจทย์ตรงนี้ได้เช่นกัน
นักแสดงที่ดึงดูด
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้คั่นกูกลายเป็นที่พูดถึงปากต่อปากมากที่สุดคงจะหนีไม่พ้นสองนักแสดงนำของเรื่องอย่าง “ไบร์ท วชิรวิชญ์” และ “วิน เมธวิน” ในบทสารวัตรและไทน์ สองคู่พระนายที่สะกดสายตาผู้ชมตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นด้วยรูปร่างหน้าตาอันดึงดูดและเคมีที่เข้ากันอย่างเป็นธรรมชาติยามเมื่ออยู่บนจอ
สำหรับ “ไบร์ท วชิรวิชญ์” ผู้ชมอาจพอคุ้นหน้าคุ้นตากันมาบ้างกับบทบาทหมอเป้งวัยรุ่นในรักฉุดใจนายฉุกเฉิน แต่ก่อนหน้านั้นเจ้าตัวก็ได้ดำผุดดำว่ายอยู่ในวงการบันเทิงมาแล้วซักพักในบทบาทต่างๆ จึงไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นหน้าใหม่ไร้ฝีมือซะทีเดียว แต่การรับบทสารวัตรในคั่นกูนี้จะเป็นครั้งแรกในฐานะนักแสดงนำเดินเรื่องอย่างเป็นทางการ และด้วยชั่วโมงบินที่สะสมมาในระดับหนึ่งของเจ้าตัวก็ช่วยเติมเต็มให้บทสารวัตรเป็นที่รักของคนดูได้อย่างไม่ยาก
ที่น่าเซอร์ไพร์สที่สุดคงหนีไม่พ้นนายเอกของเรื่องอย่าง “วิน เมธวิน” ซึ่งแม้จะเปิดตัวในฐานะนักแสดงเป็นเรื่องแรกกับซีรีส์คั่นกู ทว่าฝีไม้ลายมือนั้นกลับไม่ธรรมดาและไปไกลเกินคำว่านักแสดงหน้าใหม่แล้วก็ว่าได้ แม้จะมีกระแสด้านลบถึงความไม่เหมาะสมของวินในการมารับบทไทน์ในตอนแรกว่าไม่ตรงตามคาแรกเตอร์ในนิยาย แต่กระแสดังกล่าวก็ถูกตีกลับและเงียบหายไปในที่สุดเมื่อยามที่เจ้าตัวได้โชว์เสน่ห์ของตัวเองผ่านการแสดงอันยอดเยี่ยมเคียงคู่ไปกับไบร์ทได้อย่างไร้ที่ติ หากไบร์ทสามารถทำให้ตัวละครสารวัตรตีหัวคนให้เข้ามาดูซีรีส์ได้ในก๊อกแรกแล้วล่ะก็ วินก็รับไม้ต่อก๊อกสองในการใช้เสน่ห์ของตนมัดใจคนดูให้ติดตามซีรีส์ได้ต่อจนจบ เป็นเคมีที่แทบไม่ต้องปรุงแต่งแต่ให้ผลลัพธ์เกินคาด
เพลงสครับ - ความเข้ากันดีระหว่างเพลงกับซีรีส์
อีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยทำให้ซีรีส์เข้าถึงผู้ชมทั่วไปได้อย่างง่ายดายนั่นคือการใช้บทเพลงของวงสครับมาเป็นองค์ประกอบหลักของการเล่าเรื่อง ซึ่งนอกจากจะ “เข้ากันดี” กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในซีรีส์แล้วยังส่งผลให้ชื่อของวงสครับกลับมาเป็นที่พูดถึงในหมู่ผู้ฟังหน้าใหม่ได้อีกครั้ง
แต่ทั้งนี้ความลงตัวของเพลงสครับกับเนื้อหาของคั่นกูไม่ใช่สิ่งที่เพิ่งใส่เข้ามาในซีรีส์แต่อย่างใด เพราะแต่เดิมเพลงสครับถือเป็นวัตถุดิบตั้งต้นที่มีมาแต่นิยาย ซึ่งเกิดจากการที่ผู้แต่ง (Jittirain) ได้ inspired บทเพลงของสครับต่างๆ เป็นเรื่องราวความรักของสารวัตรและไทน์ ดังนั้นเมื่อนิยายถูกนำมาสร้างเป็นซีรีส์ เพลงของสครับจึงเปรียบเสมือนวัตถุดิบบังคับที่ต้องใส่เข้ามาด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้ และผลลัพธ์ของมันเมื่อมาอยู่ในซีรีส์ก็ยิ่งช่วยเติมเต็มเรื่องราวความรักของสารวัตรและไทน์ได้อย่างลงตัว ทั้งยังทำให้ผู้ชมอินไปกับซีรีส์ได้ยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ประโยคเด็ด ฉากประทับใจ มีมที่น่าจดจำ
“ลองไหม ลองมาเรียนรู้กัน” เชื่อว่าหากขึ้นต้นประโยคนี้มา คนที่เคยดูซีรีส์มาก่อนจะต้องร้องอ๋อขึ้นมาทันที หรือถ้าไม่เคยดูซีรีส์อย่างน้อยก็คงต้องเคยได้ยินหรือเห็นรูปแบบประโยคนี้ (ในเชิงนำไปดัดแปลงหรือล้อเลียนต่างๆ) บนโซเชียลกันซักครั้ง คั่นกูถือเป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่ประสบความสำเร็จในการสร้าง reference เป็นของตัวเองผ่านมีมและวรรคทองต่างๆ ที่ปรากฏในเรื่อง บางประโยคในบางฉากอาจเป็นเพียงคำพูดธรรมดาที่ตัวละครใช้พูด แต่สามารถกลายเป็นภาพจำให้กับตัวละครไปในทันที เช่น ไอ้เชี่ย (โดยไทน์), สารเลว (โดยไทน์อีกเช่นกัน), ไทน์จ๋า (ลากเสียงยาวแบบกรีน), ไอ้ตัววุ่นวาย (โดยสารวัตร) ฯลฯ เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่ง mass factor ที่ไม่ใช่ซีรีส์วายทุกเรื่องจะทำได้
(มีต่อด้านล่าง)
2gether 1 Year of Memories – หนึ่งปีเพราะเราคู่กัน
**หมายเหตุ : เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล**
คั่นกู - การขึ้นมาอยู่บนกระแสหลักของซีรีส์วายไทย
ก่อนหน้านี้หากมีใครซักคนบอกว่าซีรีส์วายจะกลายมาเป็นความบันเทิงกระแสหลักทัดเทียมกับละคร/ซีรีส์ชายหญิงที่มีมาก่อนหน้าแล้วล่ะก็ คงจะเป็นคำพูดที่ดูน่าขำและดูมั่นเกินไปหน่อย เพราะถึงแม้ไทยจะผลิตซีรีส์วายออกสู่สายตาผู้ชมทั้งในไทยและต่างประเทศมาแล้วมากมาย แต่กระแสและความนิยมยังคงถูกจำกัดไว้เฉพาะในกลุ่มผู้ชมที่เป็นสาววาย/หนุ่มวายเท่านั้น ยังไม่สามารถเจาะกลุ่มไปยังผู้ชมทั่วไปหรือเป็นกระแสหลักของเทรนด์ทีวีในประเทศได้
จนกระทั่งการมาถึงของซีรีส์เพราะเราคู่กันในปีที่ผ่านมาก็ได้ช่วยทำให้คำกล่าวข้างต้นเริ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้น เมื่อซีรีส์วายเริ่มเป็นที่รู้จักและพูดถึงในวงกว้างในฐานะอีกหนึ่งความบันเทิงที่สามารถดูได้ทุกเพศทุกวัย ไม่จำเป็นต้องเป็นสาววายเท่านั้นอย่างที่แล้วมา และกลายเป็นหมุดไมล์สำคัญให้กับวงการซีรีส์วายไทยที่สร้างกันมาอย่างต่อเนื่องยาวนานอีกด้วย
ก่อนจะมาเป็นซีรีส์สุดฮิตของผู้ชม
ย้อนกลับไปช่วงกลางปี 2019 ที่เริ่มมีการประกาศสร้างและแคสต์ตัวนักแสดงเพื่อรับบทต่างๆ ในซีรีส์ คั่นกูซึ่งตอนนั้นยังเป็นเพียงว่าที่ซีรีส์วายเรื่องหนึ่งที่ GMMTV ประกาศจะทำการสร้าง ยังไม่ได้มีกระแสหรือได้รับความสนใจจากคนนอกมากเท่าไรนักหากไม่ใช่แฟนนิยายหรือสาววายที่เป็นแฟนคลับซีรีส์ของค่ายมาก่อน แต่กระนั้นก็ไม่อาจกล่าวได้ว่าคั่นกูเป็นซีรีส์โนเนมที่เริ่มจากศูนย์ซะทีเดียว เพราะถ้าพูดถึงเฉพาะในกลุ่มแฟนนิยายวายแล้วล่ะก็ คั่นกูค่อนข้างมีชื่อเสียงเป็นทุนเดิมในฐานะนิยายวายยอดนิยม มีแฟนคลับจำนวนไม่น้อยที่เฝ้ารอการขึ้นจอเป็นครั้งแรกของนิยายดังเรื่องนี้ ดังนั้นในฐานะคนที่รู้จักหรือคุ้นเคยกับนิยายวาย/ซีรีส์วายมาก่อน คั่นกูนับเป็นหนึ่งในซีรีส์ที่น่าจับตามองอีกเรื่องหนึ่งของปีนั้น
กระแสตอบรับที่ไม่ดี
ถึงแม้ซีรีส์จะสร้างจากนิยายวายขายดีที่ค่อนข้างเป็นที่รู้จักในหมู่ผู้อ่านนิยายวายมาก่อนแล้วก็ตาม นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผู้อ่านทุกคนจะให้การต้อนรับหรือกระแสบวกต่อซีรีส์เรื่องนี้ไปซะทั้งหมด โดยเฉพาะเมื่อตอนที่ทีเซอร์ตัวแรกปรากฏสู่สายตาแฟนๆ กระแสตอบรับแบ่งออกเป็นสองฝั่งอย่างเห็นได้ชัด คือ ถ้าไม่รู้สึกเฉยๆ กับตัวอย่างก็จะไม่ชอบไปเลย เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะซีรีส์นำเสนอมุมมองที่แตกต่างจากสิ่งที่ผู้อ่านจินตนาการเอาไว้ ทั้งยังพยายามใส่ความดราม่าลงไปในเรื่องมากจนหลุดตีมการเป็นนิยายฟีลกู๊ดเดิมอย่างที่ควรจะเป็น แต่ไม่ว่าจะด้วยเพราะเหตุผลใดก็ตามซีรีส์ก็ได้เสียรังวัดไปพอสมควรกับกระแสตอบรับแรกที่ออกมา ทำให้จากเดิมที่ควรจะเป็นซีรีส์จากนิยายวายที่น่าติดตาม กลายเป็นซีรีส์ที่ถูกกระแสตีกลับมากที่สุดเรื่องหนึ่ง จนมีคำเสียดสีติดตลกในหมู่แฟนคลับมาจนถึงทุกวันนี้ว่า “คั่นกู ซีรีส์เบอร์รองที่จีเอ็มเอ็มไม่ได้หวังให้ดังตั้งแต่แรก” เพราะหลังจากกระแสตอบรับที่ไม่ดีนี่เอง ทำให้ดูเหมือนหลังจากนั้นค่ายก็ไม่ได้ใส่ใจหรือทุ่มโปรโมตให้กับซีรีส์เรื่องนี้อย่างที่ควรจะเป็น เมื่อเทียบกับซีรีส์วายค่ายเดียวกันอีกเรื่องที่ถูกวางสถานะไว้เป็นซีรีส์วายเรือธงตั้งแต่แรก
ออกสตาร์ทพร้อมกับโรคระบาด
แม้จะถูกมองเป็นซีรีส์เบอร์รอง กระนั้นผู้ชมก็ยังให้โอกาสในการติดตามซีรีส์ตั้งแต่สัปดาห์แรกที่ออกฉาย ทำให้คั่นกูกลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้งในหมู่สาววายที่ยังติดตาม ทำให้ค่ายได้พอเบาใจขึ้นว่าซีรีส์ก็ไม่ได้ถูกเมินไปซะทีเดียว อย่างไรก็ตามการมาถึงของโรคระบาดไวรัสโคโรนา (โควิด 19) ในขณะนั้นก็ดูเหมือนจะทำให้สิ่งที่น่ากังวลสำหรับซีรีส์ไม่ใช่กระแสตอบรับจากแฟนคลับอีกต่อไป
การอุบัติขึ้นของโควิด 19 ส่งผลกระทบต่อคนทั่วทุกมุมโลกทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และชีวิตความเป็นอยู่ของคนทุกอาชีพ ทุกวงการ สำหรับวงการโทรทัศน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับวงการซีรีส์วาย การแพร่ระบาดของโควิด 19 กระทบโดยตรงต่อโอกาสหลายๆ อย่างที่ซีรีส์ควรจะได้รับโดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกอีเวนท์ เแต่ไหนแต่ไรซีรีส์วายต้องพึ่งพาการพบปะกับแฟนๆ ตามงานอีเวนท์ต่างๆ เพื่อเป็นการเช็คกระแสและโปรโมตนักแสดง/ซีรีส์ไปในตัว แต่ด้วยมาตรการการควบคุมโรครวมถึงคำสั่งปิดเมือง/ปิดการเดินทาง ก็ทำให้กิจกรรมและอีเวนท์ต่างๆ ในที่สาธารณะต้องถูกระงับไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งจุดนี้เองที่ส่งผลกระทบโดยต่อซีรีส์วายที่กำลังออกอากาศ ทั้งยังทำให้รายได้และเม็ดเงินที่ค่ายและนักแสดงควรจะได้รับหดหายไปด้วย อย่างไรก็ตามท่ามกลางวิกฤตที่ปิดโอกาสให้กับซีรีส์ ก็ยังเกิดอีกหนึ่งโอกาสขึ้นมาทดแทน ซึ่งจะเปลี่ยนให้ซีรีส์เบอร์รองนี้กลายเป็นซีรีส์แถวหน้านับแต่นั้น
โควิดให้โชค
การกักตัวอยู่บ้านของประชาชนตามมาตรการภาครัฐเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 เมื่อมองอีกมุมทำให้ผู้คนเริ่มหาอะไรทำในช่วงที่กักตัวอยู่บ้านมากขึ้น และการเสพความบันเทิงจากโทรทัศน์หรือยูทูปก็ดูจะเป็นช่องทางที่ง่ายและสะดวกที่สุด จุดนี้ทำให้ซีรีส์ ละคร หรือรายการหลายอย่างมียอดรับชมเพิ่มขึ้นและบางส่วนกลายมาเป็นไวรัลอย่างรวดเร็วบนโลกโซเชียล คั่นกูเองก็ได้รับอานิสงส์จากจุดๆ นี้ด้วยเช่นกัน
คั่นกูพลิกจังหวะในช่วงที่คนเสพความบันเทิงมากขึ้นในช่วงโควิดสร้างกระแสและการรับรู้ให้กับตัวเองไปเรื่อยๆ บนโลกโซเชียลในแต่ละสัปดาห์ที่ซีรีส์ออกอากาศ จากเดิมที่มีฐานคนดูเป็นแฟนคลับและกลุ่มสาววายรองรับอยู่แล้ว ยังได้ฐานเพิ่มจากผู้ชมกลุ่มใหม่ๆ ที่ทดลองดูซีรีส์วายเป็นครั้งแรกอีกด้วย ยิ่งโควิดทำให้คนต้องใช้เวลากักตัวอยู่บ้านมากเท่าไร คั่นกูก็ค่อยๆ แทรกเข้าไปอยู่ในหน้าความสนใจของผู้คนมากเท่านั้น จนมาถึงจุดที่สื่อและเพจต่างๆ พากันรีวิวและพูดถึงซีรีส์/นักแสดงกันโดยทั่วหน้า ชื่อของคั่นกูจึงเริ่มอยู่ในกระแสหลักนับแต่นั้น
เนื้อหาที่น่าติดตาม เหมาะสำหรับคนที่เริ่มดูซีรีส์วาย
ถึงจะปฎิเสธไม่ได้ว่าการที่ซีรีส์เริ่มเป็นที่รู้จักในกลุ่มคนทั่วไปส่วนหนึ่งมาจากโชคและการออกอากาศในจังหวะที่ประจวบเหมาะ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าซีรีส์จะไม่มีศักยภาพหรือความน่าสนใจในตัวพอที่จะดึงดูดผู้ชม เพราะถ้าพิจารณาดีๆ จะพบว่ายังมีปัจจัยหลายอย่างที่ช่วยส่งให้ซีรีส์มีความน่าสนใจพอที่จะเรียกแขกได้
ประการแรกที่เห็นได้ชัดคือเนื้อหาของซีรีส์ที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน มีความเป็นคอเมดี้อยู่ในตัวสูง มีปมและภารกิจที่ดูสนุกน่าติดตาม แม้คนที่ไม่เคยดูซีรีส์วายมาก่อนแต่ก็สามารถเข้าใจในสิ่งที่ซีรีส์ต้องการนำเสนอได้ไม่ยาก อีกทั้งยังนับเป็นซีรีส์วายไม่กี่เรื่องที่ไม่ได้มีจุดขายเป็นฉากอีโรติกวาบหวิวให้คนดูสาย conservative ต้องกระอักกระอ่วม เพราะถึงแม้โลกจะก้าวเข้าสู่ปี 2021 ที่เริ่มเปิดกว้างกับความหลากหลายทางเพศมากขึ้น แต่ก็ต้องยอมรับว่ายังไม่ใช่ทุกคนที่จะเปิดทั้งหมด โดยเฉพาะกับซีรีส์วายหรือประเด็นชายรักชาย ดังนั้นการค่อยๆ เริ่มทำความรู้จักโลกของซีรีส์วายด้วยคั่นกูจึงถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีและซีรีส์เองก็ตอบโจทย์ตรงนี้ได้เช่นกัน
นักแสดงที่ดึงดูด
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้คั่นกูกลายเป็นที่พูดถึงปากต่อปากมากที่สุดคงจะหนีไม่พ้นสองนักแสดงนำของเรื่องอย่าง “ไบร์ท วชิรวิชญ์” และ “วิน เมธวิน” ในบทสารวัตรและไทน์ สองคู่พระนายที่สะกดสายตาผู้ชมตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นด้วยรูปร่างหน้าตาอันดึงดูดและเคมีที่เข้ากันอย่างเป็นธรรมชาติยามเมื่ออยู่บนจอ
สำหรับ “ไบร์ท วชิรวิชญ์” ผู้ชมอาจพอคุ้นหน้าคุ้นตากันมาบ้างกับบทบาทหมอเป้งวัยรุ่นในรักฉุดใจนายฉุกเฉิน แต่ก่อนหน้านั้นเจ้าตัวก็ได้ดำผุดดำว่ายอยู่ในวงการบันเทิงมาแล้วซักพักในบทบาทต่างๆ จึงไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นหน้าใหม่ไร้ฝีมือซะทีเดียว แต่การรับบทสารวัตรในคั่นกูนี้จะเป็นครั้งแรกในฐานะนักแสดงนำเดินเรื่องอย่างเป็นทางการ และด้วยชั่วโมงบินที่สะสมมาในระดับหนึ่งของเจ้าตัวก็ช่วยเติมเต็มให้บทสารวัตรเป็นที่รักของคนดูได้อย่างไม่ยาก
ที่น่าเซอร์ไพร์สที่สุดคงหนีไม่พ้นนายเอกของเรื่องอย่าง “วิน เมธวิน” ซึ่งแม้จะเปิดตัวในฐานะนักแสดงเป็นเรื่องแรกกับซีรีส์คั่นกู ทว่าฝีไม้ลายมือนั้นกลับไม่ธรรมดาและไปไกลเกินคำว่านักแสดงหน้าใหม่แล้วก็ว่าได้ แม้จะมีกระแสด้านลบถึงความไม่เหมาะสมของวินในการมารับบทไทน์ในตอนแรกว่าไม่ตรงตามคาแรกเตอร์ในนิยาย แต่กระแสดังกล่าวก็ถูกตีกลับและเงียบหายไปในที่สุดเมื่อยามที่เจ้าตัวได้โชว์เสน่ห์ของตัวเองผ่านการแสดงอันยอดเยี่ยมเคียงคู่ไปกับไบร์ทได้อย่างไร้ที่ติ หากไบร์ทสามารถทำให้ตัวละครสารวัตรตีหัวคนให้เข้ามาดูซีรีส์ได้ในก๊อกแรกแล้วล่ะก็ วินก็รับไม้ต่อก๊อกสองในการใช้เสน่ห์ของตนมัดใจคนดูให้ติดตามซีรีส์ได้ต่อจนจบ เป็นเคมีที่แทบไม่ต้องปรุงแต่งแต่ให้ผลลัพธ์เกินคาด
เพลงสครับ - ความเข้ากันดีระหว่างเพลงกับซีรีส์
อีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยทำให้ซีรีส์เข้าถึงผู้ชมทั่วไปได้อย่างง่ายดายนั่นคือการใช้บทเพลงของวงสครับมาเป็นองค์ประกอบหลักของการเล่าเรื่อง ซึ่งนอกจากจะ “เข้ากันดี” กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในซีรีส์แล้วยังส่งผลให้ชื่อของวงสครับกลับมาเป็นที่พูดถึงในหมู่ผู้ฟังหน้าใหม่ได้อีกครั้ง
แต่ทั้งนี้ความลงตัวของเพลงสครับกับเนื้อหาของคั่นกูไม่ใช่สิ่งที่เพิ่งใส่เข้ามาในซีรีส์แต่อย่างใด เพราะแต่เดิมเพลงสครับถือเป็นวัตถุดิบตั้งต้นที่มีมาแต่นิยาย ซึ่งเกิดจากการที่ผู้แต่ง (Jittirain) ได้ inspired บทเพลงของสครับต่างๆ เป็นเรื่องราวความรักของสารวัตรและไทน์ ดังนั้นเมื่อนิยายถูกนำมาสร้างเป็นซีรีส์ เพลงของสครับจึงเปรียบเสมือนวัตถุดิบบังคับที่ต้องใส่เข้ามาด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้ และผลลัพธ์ของมันเมื่อมาอยู่ในซีรีส์ก็ยิ่งช่วยเติมเต็มเรื่องราวความรักของสารวัตรและไทน์ได้อย่างลงตัว ทั้งยังทำให้ผู้ชมอินไปกับซีรีส์ได้ยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ประโยคเด็ด ฉากประทับใจ มีมที่น่าจดจำ
“ลองไหม ลองมาเรียนรู้กัน” เชื่อว่าหากขึ้นต้นประโยคนี้มา คนที่เคยดูซีรีส์มาก่อนจะต้องร้องอ๋อขึ้นมาทันที หรือถ้าไม่เคยดูซีรีส์อย่างน้อยก็คงต้องเคยได้ยินหรือเห็นรูปแบบประโยคนี้ (ในเชิงนำไปดัดแปลงหรือล้อเลียนต่างๆ) บนโซเชียลกันซักครั้ง คั่นกูถือเป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่ประสบความสำเร็จในการสร้าง reference เป็นของตัวเองผ่านมีมและวรรคทองต่างๆ ที่ปรากฏในเรื่อง บางประโยคในบางฉากอาจเป็นเพียงคำพูดธรรมดาที่ตัวละครใช้พูด แต่สามารถกลายเป็นภาพจำให้กับตัวละครไปในทันที เช่น ไอ้เชี่ย (โดยไทน์), สารเลว (โดยไทน์อีกเช่นกัน), ไทน์จ๋า (ลากเสียงยาวแบบกรีน), ไอ้ตัววุ่นวาย (โดยสารวัตร) ฯลฯ เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่ง mass factor ที่ไม่ใช่ซีรีส์วายทุกเรื่องจะทำได้
(มีต่อด้านล่าง)