สวัสดีค่ะ วันนี้มาชวนดู ซีรี่ส์เกาหลี Dark Comedy เรื่อง Vincenzo ที่เพิ่งฉายตอนแรกไปเมื่อวันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาค่ะ โดยส่วนตัว เพิ่งเข้าวังวนของการดูซีรี่ส์เอเชีย ได้ไม่ถึงสองปี ตอนนี้ดูซีรี่ส์ไต้หวันอยู่ค่ะ แต่เพิ่งจะ crossover มาดูซีรี่ส์เกาหลี ได้ไม่กี่อาทิตย์ ดูไปได้แค่สองเรื่องเองมั้งคะ
ด้วยการที่เรามีโอกาสได้ดูซีรี่ส์ต่างชาติ ในเสียง original soundtrack และอ่านซับภาษาอังกฤษ เพียงอย่างเดียว ทำให้การดูซีรี่ส์ต่างชาติ หลายภาษา พร้อมๆกันในช่วงเวลาใกล้ๆกัน จะทำให้หัวสมองของเราสับสน อลม่าน ดังนั้นในช่วงแรก เราเลยเลือกดูซีรี่ส์จีนไต้หวันก่อน จะดูซีรี่ส์จีน mainland ก็มีอยู่บ้างแต่ไม่มากเท่าไหร่ เราดูซีรี่ส์จีนในเสียง original soundtrack มาเกือบสองปี ทำให้เริ่มเข้าใจภาษาจีนมากขึ้น หลังๆฟังรู้เรื่องก็ไม่ต้องก้มหน้าก้มตาอ่านซับ พอมีเวลาเงยหน้าดูหนังจริงๆบ้างในช่วงหลังๆ
เมื่อสองอาทิตย์ก่อนเกิดเบื่อๆ หรือยังไงไม่ทราบ เลยหันมาเปิดซีรี่ส์เกาหลีดู น่าจะเพราะอยากรู้ด้วยว่า ซีรี่ส์เกาหลี ต่างจากซีรี่ส์ ไต้หวัน จีน และไทย อย่างไร ทำไมคนไทยถึงได้ชอบดูกันนัก ก็เลยลองดูไปสองเรื่อง ดูเรื่องแรกสนุกดีค่ะ เรื่อง My Secret Romance
ประสบการณ์ การดูซีรี่ส์เกาหลีเรื่องแรกใน origonal soundtrack นี่คือเหวอเลยค่ะ ฟังภาษาเกาหลีไม่ออกสักคำ เลยได้แต่ก้มหน้าก้มตาอ่านซับอย่างเดียวเลยค่ะ ต่างจากการดูซีรี่ส์จีนมากๆ ถึงตอนนั้นทีดูซีรี่ส์จีนเรื่องแรก ไม่รู้ภาษาจีนเลย แต่ก็ยังมีคำศัพท์จีนที่เราคุ้นเคยบ้าง เพราะเคยได้ยินมาจากคนจีนที่อยู่ในไทย หรือคนไทย ที่เขาพูดกันบ้าน ตอนนั้นเลยเป็นเหตุผลหนึ่งที่เลือกดูซีรี่ส์ที่มีภาษาจีน mandarin ก่อน ซีรี่ส์ภาษาอื่น
เกริ่นออกตัวมายาวมาก เรามาเข้าเรื่องนี้เลยค่ะ Vincenzo ซีรี่ส์ Dark Comedy ของเกาหลี
Vincenzo หรือ 빈센조 หรือ RR: Binsenjo นำแสดงโดย Song Joong-ki, Jeon Yeo-been และ Ok Taec-yeon เพิ่งฉายไปในวันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สามารถรับชมได้ที่ Netflix นะคะ
เมื่ออายุแปดขวบ Park Joo-hyung (Song Joong-ki) ได้ถูกรับอุปการะ รับเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม และได้ไปอยู่ที่ประเทศอิตาลี่ ซึ่งพอโตมา คนที่นั่นรู้จักเขาในนาม Vincenzo Cassano ในฐานะของทนายความหนุ่ม ของเจ้าพ่อมาเฟียอิตาลี เนื่องจากสงครามมาเฟียระหว่างแก้งค์ ทำให้เขาตัดสินใจกลับมาเกาหลี และมาได้พบกับทนายความสาว ที่ชอบเอาชนะ และยอมทำได้ทุกอย่างได้ เพื่อชัยชนะ Hong Cha-young (Jeon Yeo-been) ส่วนตัวของเขาเอง เขาก็ชอบเอาชนะในแบบของเขาเองเช่นกัน ดังนั้นมาเอาใจช่วย Vincenzo ว่าความสำเร็จที่ตั้งเป้าไว้ ในการที่เขากลับมาเกาหลีใต้นั้น จะประสบความสำเร็จหรือไม่ ติดตามชมได้ ทุกวันเสาร์ ที่ Netflix ค่ะ
สำหรับเรา ที่ดู EP แรกไปแล้ว เป็นตอนแรกที่ตีหัวลากเข้าบ้านได้อย่างประสบความสำเร็จของซีรี่ส์เรื่องนี้ เราชอบเนื้อหา และเรื่องราว ฉาก แสง สี และทุกๆองค์ประกอบในช่วงที่ Vincenzo อยู่ที่อิตาลี ดูสวยดูแพง ดู international มากๆ แต่พอตัดมาฝั่งเกาหลีปั๊บ.. ผ่าม ผ่าม ผ่าม.. เกาหลีมากๆค่ะ 555 ปรับเปลี่ยนอามรมณ์แทบไม่ทัน เนื่องจากตอนต้นเรื่องนี่แบบ James Bond แบบ The Godfather มากๆ แต่พอตัดมาเกาหลีนี่คือ.. Kawaii น่ารักหน่อมแน้ม มากๆค่ะ ... สำหรับคนดูซีรี่ส์เกาหลีมือใหม่อย่างเรา เราว่าเรื่องนี้ดีเลย สนุกมาก เราแนะนำให้ดูค่ะ คาดว่าน่าจะไม่ทำให้ผิดหวัง แม้ว่าจะไม่รู้จักดาราสักคนในเรื่องนี้ แต่ก็เคยเห็นหน้า เห็นตา ผ่านไปผ่านมาบ้าง ตอนนี้ได้โอกาสดู Song Joong Ki แบบเต็มๆสักที ก็ไม่รู้ว่าจะโดนตกใส่หรือเปล่า ก็คงต้องติดตามดูกันต่อไปค่ะ
ถ้าใครได้ดูแล้วก็มาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นนะคะ คาดว่าจะมีทั้งหมด 20 ตอนค่ะ
ชวนดูซีรี่ส์เกาหลี Dark Comedy เรื่อง Vincenzo
สวัสดีค่ะ วันนี้มาชวนดู ซีรี่ส์เกาหลี Dark Comedy เรื่อง Vincenzo ที่เพิ่งฉายตอนแรกไปเมื่อวันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาค่ะ โดยส่วนตัว เพิ่งเข้าวังวนของการดูซีรี่ส์เอเชีย ได้ไม่ถึงสองปี ตอนนี้ดูซีรี่ส์ไต้หวันอยู่ค่ะ แต่เพิ่งจะ crossover มาดูซีรี่ส์เกาหลี ได้ไม่กี่อาทิตย์ ดูไปได้แค่สองเรื่องเองมั้งคะ
ด้วยการที่เรามีโอกาสได้ดูซีรี่ส์ต่างชาติ ในเสียง original soundtrack และอ่านซับภาษาอังกฤษ เพียงอย่างเดียว ทำให้การดูซีรี่ส์ต่างชาติ หลายภาษา พร้อมๆกันในช่วงเวลาใกล้ๆกัน จะทำให้หัวสมองของเราสับสน อลม่าน ดังนั้นในช่วงแรก เราเลยเลือกดูซีรี่ส์จีนไต้หวันก่อน จะดูซีรี่ส์จีน mainland ก็มีอยู่บ้างแต่ไม่มากเท่าไหร่ เราดูซีรี่ส์จีนในเสียง original soundtrack มาเกือบสองปี ทำให้เริ่มเข้าใจภาษาจีนมากขึ้น หลังๆฟังรู้เรื่องก็ไม่ต้องก้มหน้าก้มตาอ่านซับ พอมีเวลาเงยหน้าดูหนังจริงๆบ้างในช่วงหลังๆ
เมื่อสองอาทิตย์ก่อนเกิดเบื่อๆ หรือยังไงไม่ทราบ เลยหันมาเปิดซีรี่ส์เกาหลีดู น่าจะเพราะอยากรู้ด้วยว่า ซีรี่ส์เกาหลี ต่างจากซีรี่ส์ ไต้หวัน จีน และไทย อย่างไร ทำไมคนไทยถึงได้ชอบดูกันนัก ก็เลยลองดูไปสองเรื่อง ดูเรื่องแรกสนุกดีค่ะ เรื่อง My Secret Romance
ประสบการณ์ การดูซีรี่ส์เกาหลีเรื่องแรกใน origonal soundtrack นี่คือเหวอเลยค่ะ ฟังภาษาเกาหลีไม่ออกสักคำ เลยได้แต่ก้มหน้าก้มตาอ่านซับอย่างเดียวเลยค่ะ ต่างจากการดูซีรี่ส์จีนมากๆ ถึงตอนนั้นทีดูซีรี่ส์จีนเรื่องแรก ไม่รู้ภาษาจีนเลย แต่ก็ยังมีคำศัพท์จีนที่เราคุ้นเคยบ้าง เพราะเคยได้ยินมาจากคนจีนที่อยู่ในไทย หรือคนไทย ที่เขาพูดกันบ้าน ตอนนั้นเลยเป็นเหตุผลหนึ่งที่เลือกดูซีรี่ส์ที่มีภาษาจีน mandarin ก่อน ซีรี่ส์ภาษาอื่น
เกริ่นออกตัวมายาวมาก เรามาเข้าเรื่องนี้เลยค่ะ Vincenzo ซีรี่ส์ Dark Comedy ของเกาหลี
Vincenzo หรือ 빈센조 หรือ RR: Binsenjo นำแสดงโดย Song Joong-ki, Jeon Yeo-been และ Ok Taec-yeon เพิ่งฉายไปในวันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สามารถรับชมได้ที่ Netflix นะคะ
เมื่ออายุแปดขวบ Park Joo-hyung (Song Joong-ki) ได้ถูกรับอุปการะ รับเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม และได้ไปอยู่ที่ประเทศอิตาลี่ ซึ่งพอโตมา คนที่นั่นรู้จักเขาในนาม Vincenzo Cassano ในฐานะของทนายความหนุ่ม ของเจ้าพ่อมาเฟียอิตาลี เนื่องจากสงครามมาเฟียระหว่างแก้งค์ ทำให้เขาตัดสินใจกลับมาเกาหลี และมาได้พบกับทนายความสาว ที่ชอบเอาชนะ และยอมทำได้ทุกอย่างได้ เพื่อชัยชนะ Hong Cha-young (Jeon Yeo-been) ส่วนตัวของเขาเอง เขาก็ชอบเอาชนะในแบบของเขาเองเช่นกัน ดังนั้นมาเอาใจช่วย Vincenzo ว่าความสำเร็จที่ตั้งเป้าไว้ ในการที่เขากลับมาเกาหลีใต้นั้น จะประสบความสำเร็จหรือไม่ ติดตามชมได้ ทุกวันเสาร์ ที่ Netflix ค่ะ
สำหรับเรา ที่ดู EP แรกไปแล้ว เป็นตอนแรกที่ตีหัวลากเข้าบ้านได้อย่างประสบความสำเร็จของซีรี่ส์เรื่องนี้ เราชอบเนื้อหา และเรื่องราว ฉาก แสง สี และทุกๆองค์ประกอบในช่วงที่ Vincenzo อยู่ที่อิตาลี ดูสวยดูแพง ดู international มากๆ แต่พอตัดมาฝั่งเกาหลีปั๊บ.. ผ่าม ผ่าม ผ่าม.. เกาหลีมากๆค่ะ 555 ปรับเปลี่ยนอามรมณ์แทบไม่ทัน เนื่องจากตอนต้นเรื่องนี่แบบ James Bond แบบ The Godfather มากๆ แต่พอตัดมาเกาหลีนี่คือ.. Kawaii น่ารักหน่อมแน้ม มากๆค่ะ ... สำหรับคนดูซีรี่ส์เกาหลีมือใหม่อย่างเรา เราว่าเรื่องนี้ดีเลย สนุกมาก เราแนะนำให้ดูค่ะ คาดว่าน่าจะไม่ทำให้ผิดหวัง แม้ว่าจะไม่รู้จักดาราสักคนในเรื่องนี้ แต่ก็เคยเห็นหน้า เห็นตา ผ่านไปผ่านมาบ้าง ตอนนี้ได้โอกาสดู Song Joong Ki แบบเต็มๆสักที ก็ไม่รู้ว่าจะโดนตกใส่หรือเปล่า ก็คงต้องติดตามดูกันต่อไปค่ะ
ถ้าใครได้ดูแล้วก็มาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นนะคะ คาดว่าจะมีทั้งหมด 20 ตอนค่ะ