5 ข้อคิด เมื่อท้อแท้ กับชีวิต วิธีคิดที่คุณอาจมองข้าม | แรงบันดาลใจและกำลังใจ ในการใช้ชีวิต
คุณเคยรู้สึกท้อแท้ สิ้นหวัง หมดแรงในการทำงานบ้างหรือไม่?!
ถ้าเคย!! ให้คุณลองอ่านบทความนี้ดู เผื่อว่าคุณจะได้มีข้อคิดดี ๆ กลับไป
ไม่แน่ว่า คุณอาจมองข้ามข้อคิดดี ๆ เหล่านี้อยู่ก็เป็นได้…
จะถือว่าเป็นเรื่องปกติได้หรือไม่?! ที่คน ๆ หนึ่งจะผิดหวังท้อแท้ หมดกำลังใจ เป็นจำนวนหลาย ๆ ครั้ง หลาย ๆ เรื่องในเวลาเดียวกัน ยกตัวอย่าง ถ้าหากใครที่มีโอกาสได้ติดตามผมจะรู้เลยว่าผมมีประสบการณ์ในการทำธุรกิจไทย-จีน มาแล้ว 14 ธุรกิจ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะล้มเหลวและเหลือเพียงไม่กี่ธุรกิจซึ่งส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่เกี่ยวกับออนไลน์ แต่ที่จริงแล้วมันไม่ใช่แค่เรื่องธุรกิจ ผมเชื่อว่าทุกคนล้วนเคยผิดหวังในเรื่องอื่น ๆ ที่คล้ายกันกับผมไม่ว่าจะเรื่อง ทางด้านความสัมพันธ์ หรือล้มเหลวในด้านสุขภาพ และอีกมากมายที่ทำให้ผมท้อแท้และหมดกำลังใจ ฉะนั้น ผมจึงเข้าใจได้ถึงคนที่มีปัญหาประดังเข้ามาไม่มากก็น้อย วันนี้เลยผมได้รวบรวม 5 ข้อคิด เมื่อท้อแท้ กับชีวิต และเป็นวิธีคิดที่คุณอาจมองข้ามมาตลอด แต่จะเป็นข้อคิดอะไรนั้นดูกันเลยครับ…
ข้อคิดที่ 1 คนที่ท้อแท้ไม่ได้มีคุณแค่คนเดียว : อย่างที่ผมได้เกริ่นมาแล้วในบทความนี้ว่าผมก็เคยท้อแท้มาก่อน ซึ่งแปลได้ว่าคุณก็ไม่ได้ท้อแท้เพียงแค่คนเดียว เพราะฉะนั้น สิ่งที่จะสามารถทำให้คุณไม่ต้องรู้สึกว่าคุณท้อแท้เพียงคนเดียวได้ นั่นก็คือ ให้คุณลองสังเกตคนที่อยู่รอบ ๆ ตัวคุณ หลาย ๆ คน ว่าแท้จริงแล้วที่คุณเห็นว่าเขายิ้ม เห็นเขารวย บางครั้งเขาอาจจะทุกข์ใจก็เป็นได้ซึ่งเป็นเรื่องที่เดาได้ยาก แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เขาบ่นหรือมีสีหน้าที่ทุกข์ใจ คุณสามารถที่จะถามหรือรับฟังเขาดูได้ แล้วคุณจะรู้ว่าในบางครั้งคนอื่น ๆ อาจทุกข์หรือท้อแท้มากกว่าคุณหลายร้อยเท่า เช่น ธุรกิจล้มละลาย บ้านจะโดนยึด ก็มีให้คุณเห็นได้หลากหลายรูปแบบ ดังนั้น ผมอยากจะบอกว่า “คุณไม่ได้ท้อแท้เพียงคนเดียว”
ข้อคิดที่ 2 อารมณ์ที่มีขึ้นและลงในตัวคุณ : ข้อคิดข้อนี้บ่งบอกได้ถึงความไม่แน่นอน สมมุติว่าคุณตื่นนอนในตอนเช้าคุณรู้สึกว่าสดชื่นที่ได้นอนเต็มอิ่ม แต่พอเวลาผ่านไปคุณทานข้าวกลางวันเสร็จ อยู่ ๆ คุณก็คิดถึงเรื่องที่ทำให้คุณหงุดหงิดไม่ว่าจะเรื่องงาน เจ้านายบ่น ทะเลาะกับแฟน ก็สามารถทำให้คุณท้อแท้ขึ้นมาได้ ฉะนั้น แน่นอนว่าบางคนเดือนนี้มีพลังในการทำงาน เดือนหน้าท้อแท้สินหวัง ให้คุณพึงระลึกไว้เลยถ้าเป็นเช่นนี้ให้คุณคิดอยู่เสมอว่า “เป็นเรื่องของอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ของคุณ” นั่นเอง ถ้าครั้งไหนที่คุณท้อแท้ อีกสักพักคุณก็จะดีขึ้นได้ด้วยตัวคุณเองซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ
ข้อคิดที่ 3 ชีวิตคือการเดินทางไกล : สำหรับใครที่ได้อ่านบทความจนมาถึงบรรทัดนี้ คุณคิดว่าคุณได้ใช้ชีวิตมาแล้วกี่ปี?! สมมติว่า ตอนนี้คุณอายุ 20 ปี ก็แสดงว่าคุณเดินทางมาแล้ว 20 ปี หรือถ้าตอนนี้คุณอายุ 60 ปี ก็แสดงว่าคุณเดินทางมาไกลพอสมควร ถ้าถามว่าจะต้องเดินทางไกลขนาดไหน?! ผมตอบได้เลยครับว่า จนกว่าคุณจะลาจากโลกนี้ไปหรือเสียชีวิตลงนั่นเอง ให้คุณลองสังเกตดูนะครับว่าทุกครั้งที่คุณเดินทาง ไม่ว่าจะด้วย รถยนต์ รถไฟ รถจักรยาน หรืออย่างใดก็แล้วแต่ ไม่มีทางที่ถนนเส้นนั้นจะเรียบหรือตรงไปได้ตลอดเวลา มันจะต้องมีขรุขระบ้าง มีหลุมบ้าง ลงเหวบ้าง เป็นเรื่องปกติของบนท้องถนน ดังนั้น ในชีวิตจริงก็เหมือนกัน เพราะไม่มีอะไรที่แน่นอน ไม่มีทางที่คุณจะแย่แล้วจะแย่อีกซ้ำ ๆ ถึงอย่างไรคุณก็ต้องมีขึ้นหรือดีได้บ้าง ให้คุณคิดไว้เสมอว่า “ยิ่งคุณผ่านอะไรมามากก็จะยิ่งเห็นเส้นทางได้ชัดกว่าคนที่อายุน้อยอย่างแน่นอน ว่าเส้นทางที่จะไปถึงความสำเร็จนั้น มันไม่ได้มาง่าย ๆ เลย”
ข้อคิดที่ 4 ปัญหาที่เข้ามาพร้อม ๆ กันจนทำให้คุณหมดกำลังใจ ท้อใจ : ปกติคุณเจอปัญหาแค่ปัญหาเดียวก็อาจจะสามารถผ่านมันไปได้ แต่ส่วนใหญ่เหตุการณ์นี้มักจะเกิดขึ้นกับคนในวัยทำงาน ที่ว่างานเก่ายังไม่เสร็จดีงานใหม่ก็เพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ จนทับถมกันในหลาย ๆ เรื่อง ที่จริงแล้วคุณลอง นั่งคิด นอนคิดหรือลองทบทวนตัวคุณอีกสักหน่อยดีไหมว่าในอดีตที่ผ่านมา “คุณทำตัว สบาย เกินไปหรือเปล่า?!” ซึ่งความหมายในที่นี้คือ ที่ผ่านมาคุณไม่ได้วางแผนให้กับตัวเองเลย เช่น ในอีก 2-3 เดือนข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณ คุณอาจจะใช้ชีวิตไปวัน ๆ คิดว่าค่อย ๆ แก้ไปทีละเรื่องซึ่งไม่ผิดเลย แต่ถ้าคุณไม่มีการวางแผนมาก่อน แล้วอนาคตหากเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาพร้อม ๆ กัน คุณจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ในเวลาอันสั้นได้อย่างไร สมมุติว่า 5 ปีที่แล้ว คุณเก็บเงินออมเงินไว้เยอะพอที่คุณจะไม่ต้องทำงานอีกหลายปี สิ่งที่คุณทำตอนนั้น ก็คือ กิน เที่ยว ดื่ม ติดกันมาเป็นเวลานาน จนตอนนี้เงินเก็บคุณเริ่มหมด สุขภาพเริ่มแย่ แฟนของคุณเริ่มมองไม่เห็นอนาคต เสียเวลาในการไปทำงานหาเงินสร้างครอบครัว และอีกมากมายที่เกิดปัญหามาพร้อม ๆ คุณเห็นไหมครับว่า บางครั้งแค่เรื่อง ๆ เดียวสามารถสร้างปัญหาได้ในหลาย ๆ เรื่อง ฉะนั้น การที่คุณทำตัวสบายมากจนเกินไปและไม่มีการวางแผนในอนาคตอันใกล้อันไกลว่ามันจะเป็นอย่างไรผลลัพธ์ที่คุณจะได้ก็คือ ตัวคุณเองจะท้อแท้กับปัญหาที่เกิดขึ้นและเริ่มหลงทางจนไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาเรื่องใดก่อนดี
ข้อคิดที่ 5 โทษสิ่งอื่นมากกว่าตัวเอง : สมมติว่า คุณไม่มีเงินจนต้องไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่นเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้แล้วคุณมักจะโทษสิ่งรอบข้างเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง เศรษฐกิจไม่ดี โดนที่ทำงานไล่ออก มีหุ้นส่วนโกงเงินบ้าง หรืออะไรก็ตามที่คุณกำลังบอกว่าคนอื่นเป็นคนที่ทำให้คุณเป็นแบบนี้ ถึงแม้คุณจะโทษคนอื่นมากแค่ไหนคุณก็ไม่สามารถย้อนเวลาหรือไปจัดการคนเหล่านี้ได้ พอคุณจัดการกับพวกเขาไม่ได้ความท้อแท้หมดกำลังใจนี้ ก็จะติดตัวคุณไปตลอดชีวิตหรืออีกนานแสนนาน เพราะคุณแก้ไขเรื่องราวในอดีตไม่ได้ ซึ่งในทางกลับกันถ้าหากคุณถูกที่ทำงานไล่ออก แทนที่คุณจะจมปักว่าทำไมถึงไล่คุณออกให้คุณคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นสิ่งที่ดีที่จะทำให้คุณได้ไปหางานที่คุณชอบ หรือคุณจะเริ่มทำธุรกิจเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คุณรักก็ได้ ผมเชื่อว่าถ้าคุณกัดฟันสู้ในสิ่งที่คุณเจอปัญหาในการท้อแท้ของคุณก็จะลดน้อยลง
ดังนั้น หากคุณได้ฟังหรือได้รับข้อคิดทั้ง 5 ข้อนี้แล้ว ผมเชื่อว่าหากคุณนำข้อคิดข้อใดข้อหนึ่งนำไปใช้ ให้เกิดประโยชน์ คุณจะสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับคุณเองได้อยู่ไม่น้อย หรือคุณคิดว่ายังมีข้อคิดอื่นที่สามารถทำให้คุณมีกำลังใจได้มากกว่านี้ สามารถคอมเมนต์แสดงความคิดเห็นมาตามด้านล่างนี้ได้เลยนะครับ
=================================================
สำหรับใครที่อยากได้รับอรรถรสเพิ่มมากขึ้น สามารถคลิกวีดีโอได้ตามด้านล่างนี้เลยครับ
5 ข้อคิด เมื่อท้อแท้ กับชีวิต วิธีคิดที่คุณอาจมองข้าม | แรงบันดาลใจและกำลังใจ ในการใช้ชีวิต