[BTS] เรื่องราวของ อาร์เอ็ม (RM) ลีดเดอร์ผู้นำทีม BTS สู่การเป็นที่รู้จักระดับโลก


อาร์เอ็ม (RM) เป็นศิลปินอีกหนึ่งคนที่น่าสนใจ เขามักมีทักษะหลากหลายด้าน และนำมันมาผสมผสานเข้ากับผลงานเพลง หลายครั้งหลายหนอาร์เอ็มเหมือนเป็นตัวแทนที่ออกมาพูดแทนวัยรุ่นวัย 10-20 ปี หรือแม้กระทั่งปัญหาที่คนทุกเพศทุกวัยต้องเผชิญเขานำมันมาถ่ายทอดผ่านบทเพลง หรือบทสัมภาษณ์ที่ทำให้ทุกคนได้รับรู้และเริ่มคิดแก้ปัญหาเหล่านั้นร่วมกัน

อาร์เอ็มมีความฝันอยากเป็นกวีตั้งแต่เด็ก เขาเคยแต่งกลอนที่ชื่อว่า “เสือแห่งคาบสมุทรเกาหลีและการเป็นหนึ่งเดียว” เขาโพสมันบนโลกออนไลน์ตอนเรียนอยู่ประมาณ ป.5 และตอนนี้กลอนนั้นยังคงได้รับคำชื่นชม เขามีความสามารถในการถ่ายทอดมุมมองที่แตกต่างมาตั้งแต่เด็ก กลอนที่เขาเคยเขียนมีข้อความว่า “ไม่ใช่กระต่าย แต่เป็นเสือที่ตื่นกลัว มีรอยแผลอยู่บนตัวของเสือ (หมายถึง จีน ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ) ถูกมองว่าเป็นแค่กระต่ายตัวจ้อยไม่ใช่เสือ แต่วันใดที่รอยแผลนั้นหายไป เราจะไม่ถูกโลกมองอย่างต่ำต้อยอีกต่อไป”

ตอนเรียนอยู่ชั้น ป.6 อาร์เอ็มได้ฟังเพลง Fly ของ รุ่นพี่ Epik High และทำให้เขาสนใจงานเพลงขึ้นมา ก่อนจะเริ่มต้นความฝันในการเป็นศิลปิน เริ่มจากการเป็นแร๊ปเปอร์ใต้ดินตอนที่เรียนอยู่มัธยมต้น เขาได้ไปออดิชั่นและได้รับเลือกจาก Big Hit เมื่อปี 2010 เขาได้เข้าใกล้วงการเพลงมากขึ้น ตามฝันในการเป็นแร็ปเปอร์ แต่ก็ไม่ทิ้งการเรียน เขามุ่งมั่นทั้ง 2 ด้าน ในด้านการเรียน เขาสามารถทำคะแนน TOEIC ได้ 850 คะแนน และอยู่ในกลุ่ม 1.3% ของคนที่มีคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยสูงสุด ระดับ IQ ของเขาอยู่ที่ 148 

หลังจากฝึกฝนอย่างยากลำบาก เขาก็ได้เดบิวต์กับ "BTS" เมื่อปี 2013 วงใช้ชื่อ BTS เพื่อนำเสนอแนวคิดป้องกันการถูกสังคมตัดสินและกดดันของกลุ่มวัยรุ่น พวกเขาจะทำตัวเป็นเกราะกันกระสุนให้เอง ทำให้ตั้งแต่เริ่มแรก BTS เป็นวงที่กล้าออกมาพูดถึงปัญหาของวัยรุ่น ตั้งแต่เพลงเดบิวต์อย่าง No More Dream ไปจนถึง N.O และ Boy In Luv ต่างสะท้อนถึงความรักและความสุขของวัยหนุ่มสาว

หลังจากเดบิวต์ BTS ได้รางวัลศิลปินหน้าใหม่ 4 รางวัลจาก Melon Music Awards, Golden Disc, Seoul Music Awards และ Gaon Chart Awards

อาร์เอ็มเคยให้สัมภาษณ์หลังจากได้รับรางวัลว่า
“ผมมีความสุขและยังสั่นอยู่เลย มันเหมือนมีเวทย์มนตร์ ยังไม่เชื่อเลยว่าเราจะได้รับรางวัล ตอนพิมพ์ชื่อวงใน Naver ผมเห็นลิสต์ของรางวัลที่เราได้ ผมยังไม่อยากเชื่อเลยครับ สงสัยต้องได้ซัก 10 รางวัลก่อน ผมถึงจะรู้สึกว่านี่คือเรื่องจริง ตอนที่เราเพิ่งเดบิวต์ เราเคยพูดกันว่าเราจะทำงานหนักเพื่อให้ได้รางวัลศิลปินรุกกี้ แต่พอได้แล้ว เรารู้สึกพูดไม่ออกครับ ตอนนี้ยังคงเหมือนฝันไปเลยครับ แค่คิดว่าแฟนคลับ ศิลปิน และตัวแทนจากวงการเพลงกำลังฟังพวกเรากล่าวรับรางวัล”

นอกจากนี้เขายังเคยบอกว่า “ตอนนี้ถ้าคิดถึงเรื่องความนิยม ผมคิดว่าหลายคนคงคิดแค่ อ่อ BTS หน่ะเหรอ? เหมือนจะเคยได้ยินชื่อนะ อะไรประมาณนั้นใช่ไหมครับ แต่ว่าผมอยากจะทำให้ทุกคนรู้จักวงของเรา เราจะกลายเป็น BTS ที่ทำให้คุณเชื่อมั่นในผลงานเพลง”


BTS ค่อยๆเติบโต เริ่มจากคอนเสิร์ตครั้งแรกของพวกเขาที่จัดขึ้นที่ Yes24 Live Hall เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2014 โดยมีจำนวนที่นั่ง 2,000 ที่นั่ง จากนั้นในปี 2015 วงได้รับรางวัลแรกจากรายการเพลง ช่วงโปรโมทเพลง I NEED U จากนั้นในปี 2016 คอนเสิร์ต The Most Beautiful Moment in Life ได้ถูกจัดขึ้นที่ Olympic Gymnastics Arena ตามมาด้วยการปล่อยอัลบั้ม Wings อัลบั้มเต็มในปี 2016 เช่นกัน โดย Wings ได้แรงบันดาลใจมาจากนวนิยายที่พูดถึงการเติบโตเป็นผู้ใหญ่เรื่อง Demain

อาร์เอ็มเคยบอกไว้ว่า “ถ้าจะต้องเลือกสีให้กับวัยรุ่น ผมขอเลือกสีเทา มันเป็นช่วงที่คลุมเครือในการค้นหาสีที่แท้จริงของชีวิต ผมคิดว่าถ้าคุณยังคงใช้ชีวิตให้เหมือนกับคุณยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว จะทำให้คุณกล้าที่จะรักและออกเดินทาง แต่ถ้าคุณไม่ทำแบบนั้น ผมว่าชีวิตก็ไม่มีอะไรน่าสนใจแล้ว”

เพลงที่เริ่มได้รับความนิยมของ BTS น่าจะเป็นเพลง Boy in Luv และกระแสดีอย่างต่อเนื่องจนได้รับความนิยมไปทั่วโลก คือ ซีรี่ส์อัลบั้มเพลง LOVE YOURSELF อาร์เอ็มได้พูดถึงอัลบั้มนี้เอาไว้ว่า

“สิ่งที่เราอยากถ่ายทอดก็คือ ถ้าคุณไม่รักตัวเอง คุณก็รักคนอื่นไม่ได้ ผมเคยอ่านเรื่องราวของคุณบางคนที่เข้าใจความรักแบบผิดๆและต้องเสียใจหลายต่อหลายครั้ง ผมคิดเกี่ยวกับความรักเยอะมาก และคิดได้ว่าการรักตัวเองนี่แหละคือคำตอบของหลายสิ่ง และถึงแม้ผมจะยังไม่เจอประสบการณ์นั้นด้วยตัวเอง แต่เราก็หวังว่าคุณจะเจอคำตอบของคุณจากบทเพลงในซีรีส์ LOVE YOURSELF”

LOVE YOURSELF เริ่มโปรโมทตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2017 และมีการเปลี่ยนแปลงคือ อาร์เอ็มเปลี่ยนสเตจเนมของเขาจาก "Rap Monster" (แร็ปมอนสเตอร์) มาเป็นชื่อปัจจุบัน เขาเล่าถึงเหตุผลที่เปลี่ยนที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2012 ว่า
“ชื่อนี้เป็นชื่อที่ผมคิดขึ้นตอนแต่งเพลงช่วงเป็นเด็กฝึกหัด ผมเลยรักชื่อนี้มาก แต่ว่าเพลงที่ผมทำในช่วง 5 ปีที่ผ่านมานั้นดูเหมือนจะเปลี่ยนไปจากเพลงที่ผมอยากจะทำในอนาคต แล้วผมก็เริ่มแนะนำตัวเองง่ายๆในชื่อของ แร็ปม่อน หรือไม่ก็อาร์เอ็ม แทนแร็ปมอนสเตอร์ ผมเลยตัดสินใจเปลี่ยนสเตจเนมของตัวเองเพื่อให้เหมาะกับแนวเพลงที่หลากหลายขึ้นและการโปรโมทในอนาคต”

แนวเพลงของ BTS เติบโตขึ้นและเปลี่ยนไป และพวกเขาก็ประสบความสำเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ จนติดอันดับ 1 ชาร์ตใหญ่ระดับโลกอย่าง Billboard, คว้ารางวัลแดซังจากงานประกาศรางวัล, จัดคอนเสิร์ตในระดับสเตเดี้ยมในหลายประเทศ และอีกมากมาย
แฟนคลับหลายคนทั้งในและต่างประเทศต่างบอกว่าชีวิตของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปเมื่อได้ฟังเพลงของ BTS อาร์เอ็มได้สัญญาว่าจะทำเพลงที่ดีมากยิ่งขึ้นไปอีกในอนาคต
“ตอนแรกที่เริ่มทำเพลง ผมไม่ได้คิดหรอกว่าเพลงของเราจะเปลี่ยนชีวิตใครได้ แค่อยากจะเล่าเรื่องของตัวเองเท่านั้น แต่ว่าหลังจากนั้นผมได้เรียนรู้และเห็นแล้วว่าเพลงเปลี่ยนเพลงชีวิตของแฟนคลับของพวกเรามากเพียงใด ความสัมพันธ์ของเรากับแฟนคลับเหมือนต่างคนต่างเป็นแบตเตอรี่ช่วยเติมไฟให้แก่กันและกัน เราคือความเข้มแข็งของกันและกัน ผมก็รู้สึกตื่นเต้นไม่ต่างจากแฟนคลับหรอกครับ ต้องขอบคุณพวกเขาเพราะชีวิตของเราก็เปลี่ยนไปเพราะพวกเขาเช่นกัน”

ถึงแม้ตอนนี้ BTS จะกลายเป็นวงที่มีชื่อเสียงระดับโลก แต่สมาชิกยังคงคอยปรับปรุงตัวเองและพูดถึงความกังวลใจของพวกเขาอยู่ตลอด

“เวลาที่คุณอยู่สูงขึ้น คุณก็จะอยู่ไกลจากเงาของตัวเองมากขึ้น คุณอยู่ห่างจากมัน แต่ก็ไม่ควรลืมมัน ถ้าคุณรักงานของคุณ คุณต้องเป็นเพื่อนกับเงาของคุณด้วย ที่ผมจะบอกกคือ คุณต้องยอมรับเรื่องที่ไม่เป็นไปตามใจคิดด้วยเช่นกัน”

อาร์เอ็ม มีสิ่งที่เป็นความสุขเล็กๆน้อยๆของเขาที่ชอบ คือเขามักจะไปพิพิธภัณฑ์หรือไม่ก็สวนสาธารณะเพื่อหล่อเลี้ยงความคิดสร้างสรรค์ตัวเอง

อาร์เอ็ม และ BTS เดินอยู่บนเส้นที่ที่มีแสงสว่างจาก ARMY (อาร์มี่) คอยนำทาง หลายสายตาต่างจ้องมองมาที่ผลงานชิ้นต่อไปของวง และคิดว่า BTS กับ ARMY จะจูงมือกันทำความฝันที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมในอนาคตได้อย่างแน่นอน

🔗Source
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่