เปิดประสบการณ์ 1 ปี ลดการดื่มกาแฟสด ลดค่าใช้จ่ายได้เท่าไร...

แบ่งปันประสบการณ์ตลอด 1 ปี ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มกาแฟ

จากเดิมที่ดื่มกาแฟสดในทุกๆ วัน มาดื่มกาแฟสำเร็จรูปแทน ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้เท่าไร...



“เราดื่มกาแฟไปเพื่ออะไรกัน…”
คำถามนี้ เป็นผลพวงมาจากเป้าหมายในการทำบันทึกรายรับ-รายจ่าย ที่ในสัปดาห์แรกๆ สังเกตเห็นสัดส่วนของค่ากาแฟ ที่มากพอๆ กับค่าอาหาร อันเป็นผลมาจากการดื่มกาแฟดื่มกาแฟสดเป็นประจำ หรือในบางครั้งเลือกดื่มกาแฟสดจากเมล็ดพันธุ์ดีๆ (ปกติแล้วนิยม อเมริกาโนแบบไม่ใส่น้ำตาล หรือ เอสเพรสโซช็อต)

นึกย้อนดูแล้ว ก็มีคำตอบของตัวเองอยู่ในใจ 2 ข้อ คือ
ข้อที่ 1 เพื่อดื่มด่ำกับรสชาติและสุนทรียภาพ ในการสูดกลิ่นกาแฟสดหอมๆ ลิ้มรสชาติกาแฟจากเมล็ดกาแฟชั้นดี ด้วยกรรมวิธีการคั่วอันสุดแสนพิเศษ พร้อมไปกับการดื่มด่ำกับบรรยากาศดีๆ ภายในร้าน…
หรือว่าจะเป็น...
ข้อที่ 2 เพื่อแก้ง่วง…

แม้ว่าคำตอบในข้อที่ 2 จะสั้นเกินไป และขัดใจสำหรับคอกาแฟหลายๆ คน
แต่โดยส่วนตัวแล้ว นับได้ว่าคำตอบข้อนี้ตอบโจทย์ความต้องการในการดื่มกาแฟของตัวเองมากที่สุด
เพราะแต่ละครั้งที่ดื่มกาแฟในทุกๆ วัน เพียงแค่ต้องการทำงานที่กาแฟมอบให้ เพื่อบรรเทาความง่วงในการทำงานให้ผ่านพ้นไปได้ตลอดวัน
จุดเริ่มต้นนี้เอง ทำให้ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มกาแฟ โดยเปลี่ยนจากการดื่มกาแฟสดในทุกๆ วัน มาเลือกดื่มกาแฟสำเร็จรูป
โดยเลือกที่จะซื้อกาแฟกระป๋องมาดื่มแทน…

ในช่วงแรกของการปรับเปลี่ยนนั้นไม่ง่ายเลย เพราะการเปลี่ยนมาดื่มกาแฟสำเร็จรูปนั้น ต้องแลกมาด้วยกลิ่นและรสชาติที่สู้กับกาแฟสดไม่ได้เลย รวมถึงสูตรที่มีจำหน่าย ก็ไม่ตอบโจทย์การดื่มสักเท่าไร (อาจมีสูตรที่เป็นอเมริกาโนแบบไม่มีน้ำตาล แต่ด้วยรสชาติแล้ว ไม่คุ้มกับราคาที่พอๆ กับการซื้อกาแฟสด)

หลังจากดื่มกาแฟกระป๋องมาได้สักระยะ จึงพยายามมองหาตัวเลือกอื่นๆ ในการดื่มกาแฟสำเร็จรูป ที่น่าจะให้ความรู้สึกในการดื่มกาแฟที่ดีกว่าการดื่มกาแฟกระป๋อง จึงหาข้อมูลเพิ่มเติม และได้ตัวเลือกในการดื่มกาแฟสำเร็จรูปเพิ่มเติม
นั่นคือ ซื้อกาแฟสำเร็จรูปแบบผงมาชงดื่มแทน…

โดยตัวเลือกนี้ ถือว่าตรงกับความต้องการ ที่สามารถชงเป็นกาแฟดำแบบไม่ใส่น้ำตาลได้ จึงได้เลือกซื้อกาแฟสำเร็จรูปแบบผง ตามที่มีผู้ให้คำแนะนำหลายๆ แบบที่แตกต่างกันไปมาทดลองชงเพื่อดื่มเอง
โดยหลายๆ แบบที่ซื้อมาลองตามคำแนะนำ แม้จะไม่ค่อยถูกใจสักเท่าไร แต่อย่างน้อยก็ถือว่าดีกว่ากาแฟกระป๋อง ตรงที่สามารถชงเป็นแบบกาแฟดำแบบไม่ใส่น้ำตาล อีกทั้งถ้าอยากเปลี่ยนรสชาติ ก็มีหลายยี่ห้อ หลายแบบ ให้ซื้อมาลองสลับสับเปลี่ยนไปได้เรื่อยๆ

สำหรับผลที่ตามมาของเปลี่ยนจากการดื่มกาแฟสด มาดื่มกาแฟสำเร็จรูปนั้น ถึงแม้ว่าจะต้องแลกมาด้วยรสชาติ กลิ่น และบรรยากาศที่สู้กาแฟสดไม่ได้เลย แต่ก็ใช่ว่าจะมีแต่ข้อเสียเพียงอย่างเดียว
ข้อดีของการลดปริมาณการดื่มกาแฟสด (ไม่ได้เลิกดื่มกาแฟสดไปเลย แต่นานๆ ทีจะดื่มกาแฟสด) มาดื่มกาแฟสำเร็จรูปนั้น ทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการซื้อกาแฟ มีเงินคงเหลือมากขึ้น

โดยหลังจากที่ได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มกาแฟมาราว 1 ปีนั้น ทำให้ค่าใช้จ่ายในส่วนของค่ากาแฟตลอดปี ตกอยู่ที่ประมาณ 7,500 บาท (ยอดรวมจากแอปพลิเคชันที่ใช้บันทึกรายรับ-รายจ่าย เมื่อคำนวณเป็นค่ากาแฟรายวัน จะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ราวๆ 20.50 บาทต่อวัน

หากคำนวณค่าใช้จ่ายในการซื้อกาแฟสดตลอดทั้งปี (สมมุติว่าจ่ายค่ากาแฟสดขั้นต่ำ 50 บาท ต่อวัน) คิดเป็นค่ากาแฟ 18,250 บาท
เมื่อหักลบกันแล้ว จะมีเงินคงเหลือในปีนั้นเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 18,250-7,500 = 10,750 บาท

ซึ่งนับได้ว่าเป็นจำนวนเงินมากพอที่จะนำไปใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ ต่อไป

***บทความนี้มีจุดประสงค์บอกเล่าประสบการณ์ส่วนตัวเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาดิสเครดิตหรือดูหมิ่นผู้ที่หลงใหลในการดื่มกาแฟสดแต่อย่างใด***



อ่านบทความต้นฉบับ :
https://itpoj.com/2020/12/31/decreasing-drinking-fresh-roasted-coffee/

อ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติม :
https://itpoj.com
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่