สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
ตอน อายุ 34-35 ตอนนั้น ผมพึ่งเคลียร์หนี้สิน จนโล่ง
ชีวิต ตั้งต้น กันใหม่ๆเลย ครับ
คำแนะนำ 10 ปี ถัดจากนี้ คือ
อดทน อดออม ให้มากที่สุด
ลืมเรื่องความอยากได้โน่นนี่ ไปได้เลย ทำให้ได้ ไม่ยากหรอก
อยากเก็บเดือนละเท่าไร ก็ตั้งเป้าทำให้ได้
เงินเล็กเงินน้อย อย่าควักง่าย
เพื่อนมีอะไร เราไม่ต้องมี เราแค่มองๆพอแล้ว ขอแค่เรามีเงินเพิ่มขึ้นจะดีกว่ามาก
บ้านรู้จักเลือก มือ 2 ที่ดีๆมีเย่อะแย่ะ
รถ ถ้าเลือกเป็น ก็หามือ 2 แต่ถ้าไม่เป็น ก็จำต้องมือ 1
พอมีเงินเหลือ ก็หาทางเอาเงินไปลงทุน แล้วได้กำไรแน่ๆ ถ้าไม่แน่ไม่ลงทุน
..... ที่สำคัญมากๆ อย่าเลือกคู่ชีวิตที่มีนิสัยควักเงินง่าย....
.....ไม่ต้องให้ใครยืมตัง.....ไม่ต้องไปค้ำใคร....
แล้วชีวิตจะดีขึ้นเย่อะครับ
ชีวิต ตั้งต้น กันใหม่ๆเลย ครับ
คำแนะนำ 10 ปี ถัดจากนี้ คือ
อดทน อดออม ให้มากที่สุด
ลืมเรื่องความอยากได้โน่นนี่ ไปได้เลย ทำให้ได้ ไม่ยากหรอก
อยากเก็บเดือนละเท่าไร ก็ตั้งเป้าทำให้ได้
เงินเล็กเงินน้อย อย่าควักง่าย
เพื่อนมีอะไร เราไม่ต้องมี เราแค่มองๆพอแล้ว ขอแค่เรามีเงินเพิ่มขึ้นจะดีกว่ามาก
บ้านรู้จักเลือก มือ 2 ที่ดีๆมีเย่อะแย่ะ
รถ ถ้าเลือกเป็น ก็หามือ 2 แต่ถ้าไม่เป็น ก็จำต้องมือ 1
พอมีเงินเหลือ ก็หาทางเอาเงินไปลงทุน แล้วได้กำไรแน่ๆ ถ้าไม่แน่ไม่ลงทุน
..... ที่สำคัญมากๆ อย่าเลือกคู่ชีวิตที่มีนิสัยควักเงินง่าย....
.....ไม่ต้องให้ใครยืมตัง.....ไม่ต้องไปค้ำใคร....
แล้วชีวิตจะดีขึ้นเย่อะครับ
ความคิดเห็นที่ 23
หลายๆคนก็เริ่มตอน 30 ต้นๆนะคะ เราก็เป็น 1 ในนั้น ถึงตอนนี้จะยังไม่รู้สึกปลอดภัยทางการเงินแต่ก็ดีขึ้นค่ะ คุณอายุ 30 ต้นๆ เริ่มต้นวันนี้ยังมีเวลานะคะและคุณโชคดีมากที่มีงานมั่นคง
เราเองช่วงเรียนจบถึงอายุ 30 ไม่มีความรู้ทางการเงินเลย เริ่มทำงานเงินเดือน 15,000 อ่านเรื่องวางแผนเกษียณแล้วไม่รู้เรื่อง ยิ่งเครียด ไม่เห็นความเป็นไปได้ ตอนนั้นก็ประหยัดเอา จนเงินเดือนขึ้นมาเรื่อยๆ ในสายงานที่ไม่มั่นคง อายุ 2X ปลายๆซื้อคอนโดเพราะอยากมีทรัพย์สินเป็นของตัวเองและบ้านไกลที่ทำงานมาก คอนโดจะย่นเวลาจาก 2 ชม.เป็น 1 ชม.
ถึงจะงงกับการตั้งเป้าชีวิต แต่มีฝันคืออยากเรียนเมืองนอก ช่วงนั้นก็ใช้เงินเก็บไปเรียนภาษาอังกฤษ&สอบTOEFL จนได้ทุนค่าเรียนป.โทแบบไม่ต้องใช้คืน โชคดีที่ได้โรงเรียนค่อนข้างมีชื่อเสียง แต่ต้องจ่ายค่ากินอยู่เอง ตอนกลับมาปี 2018 น่าจะเหลือเงินในกองทุนธรรมดาset50 (กองเดียวที่รู้จักในตอนนั้น) ใกล้ๆแสนนึง ต่อมาเจอโควิด กองนี้ยังติดลบอยู่จนปัจจุบัน
จุดสำคัญที่ได้จากการไปเรียน 2 ปีโดยไม่ได้กลับบ้านเลยก็คือ 1.การประหยัด 2. ได้สัมผัสคนที่มีอิสรภาพทางการเงินตัวเป็นๆ เป็นแรงบันดาลใจมากค่ะ เจ้าของบ้านเราทำงานตั้งแต่อายุ 15 ตอนเราไปเรียนเค้าอายุ36 มีอพาร์ทเมนท์ให้เช่าหลายที่ มีธุรกิจ ตอนเราเรียนจบเค้าซื้อเรือลำเล็กๆไปล่องตามฝันรอบโลกด้วยตัวเอง เพื่อนบ้านเราเคยเป็นทนาย&เจ้าของlaw firmที่ออส ย้ายมาอยู่ประเทศนี้ วันๆตระเวนกินและแวะมาคุยเล่น ชอบเอาหนังสั้นทำเองมาให้ดู เพื่อนอีกคนอายุ30กลางๆ ที่เจอกันในคอร์สพิเศษของโรงเรียนเป็นคนอินเดียที่ปัจจุบันอยู่อังกฤษ เรียนป.เอก มั่งคั่งมากๆมาจากการลงทุน เค้าเลยเรียนป.เอกในสาขาที่เกี่ยวกับเรื่องมนุษยธรรม
พอกลับมาอายุ 32 นอกจากเอาความรู้+วุฒิมาใช้อัพตำแหน่งงาน รู้สึกเลยว่าชีวิตต้องเปลี่ยน มันเหมือนตัวเองเริ่มแก่ และเพิ่งเริ่มนับ1 ในขณะที่เวลาทำงานเหลือไม่กี่ปี สายงานเราก็ไม่มั่นคง เราเลยตั้งเป้าประหยัดจริงจัง เงินพิเศษพวกเบี้ยเดินทางก็เน้นเก็บ พยายามปลีกตัวจากการสังสรรค์หลังเลิกงาน น้องๆในออฟฟิศเราชอบกินข้าวแพงมาก เราก็ปฏิเสธตรงๆว่าเกินงบพี่ และเราไม่ซื้ออะไรที่ไม่จำเป็น ของจุกจิก ของกินเล่นนี่ลดจนแทบไม่ซื้อ มันเสียสุขภาพด้วย เวลาเจอเพื่อนสนิท ก็นัดกินอะไรที่ไม่แพงเพราะแค่เจอเพื่อนก็รู้สึกพิเศษแล้ว โชคดีที่เพื่อนสนิทเราก็เป็นแบบนี้ บางทีแค่กินข้าวมันไก่หน้าออฟฟิศเพื่อนแล้วเค้ากลับไปทำงานต่อแค่นั้นเอง ศึกษาการลงทุนมากขึ้น อ่านเยอะๆ ฟังเยอะๆ เดี๋ยวนี้หาได้ง่ายๆในอินเตอร์เนท จากที่เคยอ่าน/ฟังไม่รู้เรื่องก็รู้เรื่องขึ้นเรื่อยๆ เปิดพอร์ตหุ้นจากงงๆไม่รู้อะไรก็ทดลองส่งคำสั่งจากเงินน้อยๆ จนคล่องขึ้นเรื่อยๆ ทุกวันนี้ก็ยังหาความรู้เพิ่มค่ะ
ปัจจุบันอายุใกล้ 35 ทรัพย์สินในหุ้น กองทุนไทย เทศ ทอง อยู่ที่ 7 หลัก หนี้คอนโดยังจ่ายตามงวดปกติ ไม่ได้โปะเพราะอัตรากำไรจากการลงทุนสูงกว่าดอกเบี้ยผ่อน ก็พยายามต่อไป อยากรู้สึกปลอดภัยและอยากทำอะไรที่มีประโยชน์แบบเลือกเองได้
ถ้าย้อนเวลาได้ (1) เราจะไม่ซื้อคอนโด ถ้าจำเป็นเช่าเอาจะดีกว่า ทั้งมีภาระผ่อนและค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอื่นๆอีกเยอะค่ะ ขายก็ไม่ง่าย ตอนไปเรียนเราประกาศขาย 2 ปี มีแต่คนขอซื้อแบบต่ำกว่าทุน เลยไม่ขาย
(2) ใส่เงินในกองทุนหลายๆแบบให้เร็วขึ้น .. แต่ก็นั่นล่ะ เราทำได้แค่เท่าที่มีความรู้ แนะนำให้รีบศึกษาเรื่องนี้
ปล. อย่าเก็บเงินจนเครียดเกินนะคะ อีกสิ่งสำคัญสำหรับเราที่ต้องทำในปัจจุบัน คู่กันไปกับการสร้างเนื้อสร้างตัวคือทำบุญ กับให้ความสำคัญคนในครอบครัว เราอยากให้แม่เที่ยวตอนที่เค้ายังเดินไหว ช่วงปี2019หลังกลับจากเรียน เราพาแม่ไปเที่ยวยาวๆที่ตุรกี กับ พม่า 2ประเทศนี้ไม่แพง และสวยค่ะ
เราเองช่วงเรียนจบถึงอายุ 30 ไม่มีความรู้ทางการเงินเลย เริ่มทำงานเงินเดือน 15,000 อ่านเรื่องวางแผนเกษียณแล้วไม่รู้เรื่อง ยิ่งเครียด ไม่เห็นความเป็นไปได้ ตอนนั้นก็ประหยัดเอา จนเงินเดือนขึ้นมาเรื่อยๆ ในสายงานที่ไม่มั่นคง อายุ 2X ปลายๆซื้อคอนโดเพราะอยากมีทรัพย์สินเป็นของตัวเองและบ้านไกลที่ทำงานมาก คอนโดจะย่นเวลาจาก 2 ชม.เป็น 1 ชม.
ถึงจะงงกับการตั้งเป้าชีวิต แต่มีฝันคืออยากเรียนเมืองนอก ช่วงนั้นก็ใช้เงินเก็บไปเรียนภาษาอังกฤษ&สอบTOEFL จนได้ทุนค่าเรียนป.โทแบบไม่ต้องใช้คืน โชคดีที่ได้โรงเรียนค่อนข้างมีชื่อเสียง แต่ต้องจ่ายค่ากินอยู่เอง ตอนกลับมาปี 2018 น่าจะเหลือเงินในกองทุนธรรมดาset50 (กองเดียวที่รู้จักในตอนนั้น) ใกล้ๆแสนนึง ต่อมาเจอโควิด กองนี้ยังติดลบอยู่จนปัจจุบัน
จุดสำคัญที่ได้จากการไปเรียน 2 ปีโดยไม่ได้กลับบ้านเลยก็คือ 1.การประหยัด 2. ได้สัมผัสคนที่มีอิสรภาพทางการเงินตัวเป็นๆ เป็นแรงบันดาลใจมากค่ะ เจ้าของบ้านเราทำงานตั้งแต่อายุ 15 ตอนเราไปเรียนเค้าอายุ36 มีอพาร์ทเมนท์ให้เช่าหลายที่ มีธุรกิจ ตอนเราเรียนจบเค้าซื้อเรือลำเล็กๆไปล่องตามฝันรอบโลกด้วยตัวเอง เพื่อนบ้านเราเคยเป็นทนาย&เจ้าของlaw firmที่ออส ย้ายมาอยู่ประเทศนี้ วันๆตระเวนกินและแวะมาคุยเล่น ชอบเอาหนังสั้นทำเองมาให้ดู เพื่อนอีกคนอายุ30กลางๆ ที่เจอกันในคอร์สพิเศษของโรงเรียนเป็นคนอินเดียที่ปัจจุบันอยู่อังกฤษ เรียนป.เอก มั่งคั่งมากๆมาจากการลงทุน เค้าเลยเรียนป.เอกในสาขาที่เกี่ยวกับเรื่องมนุษยธรรม
พอกลับมาอายุ 32 นอกจากเอาความรู้+วุฒิมาใช้อัพตำแหน่งงาน รู้สึกเลยว่าชีวิตต้องเปลี่ยน มันเหมือนตัวเองเริ่มแก่ และเพิ่งเริ่มนับ1 ในขณะที่เวลาทำงานเหลือไม่กี่ปี สายงานเราก็ไม่มั่นคง เราเลยตั้งเป้าประหยัดจริงจัง เงินพิเศษพวกเบี้ยเดินทางก็เน้นเก็บ พยายามปลีกตัวจากการสังสรรค์หลังเลิกงาน น้องๆในออฟฟิศเราชอบกินข้าวแพงมาก เราก็ปฏิเสธตรงๆว่าเกินงบพี่ และเราไม่ซื้ออะไรที่ไม่จำเป็น ของจุกจิก ของกินเล่นนี่ลดจนแทบไม่ซื้อ มันเสียสุขภาพด้วย เวลาเจอเพื่อนสนิท ก็นัดกินอะไรที่ไม่แพงเพราะแค่เจอเพื่อนก็รู้สึกพิเศษแล้ว โชคดีที่เพื่อนสนิทเราก็เป็นแบบนี้ บางทีแค่กินข้าวมันไก่หน้าออฟฟิศเพื่อนแล้วเค้ากลับไปทำงานต่อแค่นั้นเอง ศึกษาการลงทุนมากขึ้น อ่านเยอะๆ ฟังเยอะๆ เดี๋ยวนี้หาได้ง่ายๆในอินเตอร์เนท จากที่เคยอ่าน/ฟังไม่รู้เรื่องก็รู้เรื่องขึ้นเรื่อยๆ เปิดพอร์ตหุ้นจากงงๆไม่รู้อะไรก็ทดลองส่งคำสั่งจากเงินน้อยๆ จนคล่องขึ้นเรื่อยๆ ทุกวันนี้ก็ยังหาความรู้เพิ่มค่ะ
ปัจจุบันอายุใกล้ 35 ทรัพย์สินในหุ้น กองทุนไทย เทศ ทอง อยู่ที่ 7 หลัก หนี้คอนโดยังจ่ายตามงวดปกติ ไม่ได้โปะเพราะอัตรากำไรจากการลงทุนสูงกว่าดอกเบี้ยผ่อน ก็พยายามต่อไป อยากรู้สึกปลอดภัยและอยากทำอะไรที่มีประโยชน์แบบเลือกเองได้
ถ้าย้อนเวลาได้ (1) เราจะไม่ซื้อคอนโด ถ้าจำเป็นเช่าเอาจะดีกว่า ทั้งมีภาระผ่อนและค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอื่นๆอีกเยอะค่ะ ขายก็ไม่ง่าย ตอนไปเรียนเราประกาศขาย 2 ปี มีแต่คนขอซื้อแบบต่ำกว่าทุน เลยไม่ขาย
(2) ใส่เงินในกองทุนหลายๆแบบให้เร็วขึ้น .. แต่ก็นั่นล่ะ เราทำได้แค่เท่าที่มีความรู้ แนะนำให้รีบศึกษาเรื่องนี้
ปล. อย่าเก็บเงินจนเครียดเกินนะคะ อีกสิ่งสำคัญสำหรับเราที่ต้องทำในปัจจุบัน คู่กันไปกับการสร้างเนื้อสร้างตัวคือทำบุญ กับให้ความสำคัญคนในครอบครัว เราอยากให้แม่เที่ยวตอนที่เค้ายังเดินไหว ช่วงปี2019หลังกลับจากเรียน เราพาแม่ไปเที่ยวยาวๆที่ตุรกี กับ พม่า 2ประเทศนี้ไม่แพง และสวยค่ะ
ความคิดเห็นที่ 1
จะตั้งตัว จะลงทุน จะมั่นคง ถ้าไม่มีมรดกก็ต้องเริ่มจากเงินออมก่อนครับ
1. คำนวณค่าใช้จ่ายจำเป็นของตัวเองก่อนว่าเดือนละเท่าไหร่ พยายามให้คงเดิมให้นานที่สุด ขยับได้จากค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นแต่ถ้าไม่จำเป็นไม่ขยับ
2. เงินเดือนขึ้นทุกปี แต่ค่าใช้จ่ายเท่าเดิมหรือขึ้นน้อยมาก เราจะมีเงินออมเพิ่มขึ้นในแต่ละปี
3. ตั้งไมล์สโตนของตัวเองในเงินออม ว่าครบ 1 หมื่น 5 หมื่น ให้รางวัลอะไรกับตัวเอง
4. ไมล์สโตน 1 แสน, 5 แสน วางแผนเราจะต่อยอดลงทุนอะไร
5. พอแตะ 1 ล้านได้ คุณมีประสบการณ์ประมาณนึงแล้ว คงไม่ต้องให้ไกด์ไลน์อะไร ต่อยอดได้เอง
การให้รางวัลกับตัวเองจะเป็นการลดความเครียดในการเก็บเงินครับ บางครั้งเก็บไม่ใช้เลยเราจะเครียด ต้องผ่อนคลายบ้าง แต่ของรางวัลที่ให้กับตัวเองก็ไม่ควรมากเกิน 10% ของเงินออมนะครับ หรือจะไม่เอาก็ได้
ส่วนใหญ่ก็มาเริ่มกันที่ 30 นี่แหละ
ที่คนไม่ค่อยมีเงินเก็บต้นเหตุ คือปาร์ตี้หลังเลิกงาน สังสรรค์คืนวันศุกร์-เสาร์ พวกนี้ค่าใช้จ่ายสูง และมักจะตามมาด้วยค่าเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ บุหรี่ ตัดออกไปได้เหลือเก็บทุกคน
บางคนเขาไม่เดือดร้อนเพราะเงินเดือนเขาเยอะ แต่คนที่เงินเดือนไม่เยอะแต่ต้องเข้าสังคมกลางคืนกับเพื่อนบ่อย ๆ มันจะไม่ไหวแน่นอน
1. คำนวณค่าใช้จ่ายจำเป็นของตัวเองก่อนว่าเดือนละเท่าไหร่ พยายามให้คงเดิมให้นานที่สุด ขยับได้จากค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นแต่ถ้าไม่จำเป็นไม่ขยับ
2. เงินเดือนขึ้นทุกปี แต่ค่าใช้จ่ายเท่าเดิมหรือขึ้นน้อยมาก เราจะมีเงินออมเพิ่มขึ้นในแต่ละปี
3. ตั้งไมล์สโตนของตัวเองในเงินออม ว่าครบ 1 หมื่น 5 หมื่น ให้รางวัลอะไรกับตัวเอง
4. ไมล์สโตน 1 แสน, 5 แสน วางแผนเราจะต่อยอดลงทุนอะไร
5. พอแตะ 1 ล้านได้ คุณมีประสบการณ์ประมาณนึงแล้ว คงไม่ต้องให้ไกด์ไลน์อะไร ต่อยอดได้เอง
การให้รางวัลกับตัวเองจะเป็นการลดความเครียดในการเก็บเงินครับ บางครั้งเก็บไม่ใช้เลยเราจะเครียด ต้องผ่อนคลายบ้าง แต่ของรางวัลที่ให้กับตัวเองก็ไม่ควรมากเกิน 10% ของเงินออมนะครับ หรือจะไม่เอาก็ได้
ส่วนใหญ่ก็มาเริ่มกันที่ 30 นี่แหละ
ที่คนไม่ค่อยมีเงินเก็บต้นเหตุ คือปาร์ตี้หลังเลิกงาน สังสรรค์คืนวันศุกร์-เสาร์ พวกนี้ค่าใช้จ่ายสูง และมักจะตามมาด้วยค่าเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ บุหรี่ ตัดออกไปได้เหลือเก็บทุกคน
บางคนเขาไม่เดือดร้อนเพราะเงินเดือนเขาเยอะ แต่คนที่เงินเดือนไม่เยอะแต่ต้องเข้าสังคมกลางคืนกับเพื่อนบ่อย ๆ มันจะไม่ไหวแน่นอน
แสดงความคิดเห็น
ตั้งตัวกันได้ตอนอายุ เท่าไหร่ครับ ผม30ต้นๆ ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยขอคำแนะนำสำหรับคนตั้งตัวได้แล้วหน่อยครับ
-มีบ้าน
-มีรถ
-มีเงินออม
-ได้ใช้ชีวิตแบบที่ปรารถนา
คือผมก็30ต้นๆ แต่ก็รู้สึกว่าชีวิตยังไม่ไปถึงไหน
มีงานที่มั่นคงทำ, ไม่มีเงินออม
ยังไม่มีบ้าน-รถ นี่ก็คิดว่าจะตั้งตัว ตั้งตนใหม่
ก่อนที่จะอายุมากกว่านี้ ก็เลยอยากได้คำแนะนำจากเพื่อนๆครับ
ขอบคุณครับ