In Clip: สื่อนอกรายงาน “จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน” ขออ.ยจดทะเบียนในไทยแล้ว เทียบชัด วัคซีนโควิด-19จอห์นสันใช้คุมระบาดได้ดี
รอยเตอร์/เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ – บริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสันล่าสุดยื่นขอจดทะเบียนวัคซีนโควิด-19กับผู้กำกับยาในไทย หลังเปิดตัวฮือฮาโดสเดียวสามารถใช้รักษาได้ผล 85% กับเคสป่วยหนัก สนนราคาเริ่มต้น 10 ดอลลาร์ในสหรัฐฯ เป็นทางเลือกที่น่าสนใจหลังวันอังคาร(2 ก.พ)ไทยเห็นยอดเสียชีวิตรายวันเพิ่มอีก 2 รายและพบเคสผู้ป่วยโควิด-19อายุน้อยที่สุดในโลกเป็นทารกแรกคลอดอายุแค่ 26 วัน
รอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้(2 ก.พ)ว่า แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากรัฐบาลไทยเปิดเผยกับรอยเตอร์ในวันอังคาร(2)ว่า ทางบริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสันได้ยื่นขอจดทะเบียนวัคซีนโควิด-19กับองค์การอาหารและยา (อ.ย) กลายเป็นบริษัทผู้ผลิตวัคซีนรายที่ 3 ที่ทำการยื่นขอตามหลังบริษัทยาจีนซิโนแวก ไบโอเอ็นเทค และบริษัทแอสตราเซเนกาของอังกฤษ
ซึ่งปีที่ผ่านมาไทยได้อนุญาตให้วัคซีนแอสตราเซเนกาสำหรับใช้ฉุกเฉินได้
พบว่าบริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสันได้เริ่มกระบวนการขอการจดทะเบียนสำหรับวัคซีนมาตั้งแต่เดือนมากราคม แต่เงื่อนเวลาในการอนุมัติขึ้นอยู่กับเมื่อใดที่ทางบริษัทยาได้ยื่นเอกสารตามจำนวนที่กำหนดไว้ให้กับอ.ย นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาชี้
เขากล่าวว่า “ทางบริษัทได้ยื่นเอกสารบางส่วนให้ทางเราประเมิน” และกล่าวเพิ่มเติมว่า “ทางเราสามารถเริ่มดำเนินการพร้อมกับการอนุมัติได้ภายใน 30 วัน หลังเอกสารทั้งหมดได้ยื่นแล้ว”
ข่าวบริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสันยื่นขอจดทะเบียนตรงกับช่วงเวลาที่ไทยในวันอังคาร(2)มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-196เพิ่ม 2 ราย และมีเคสป่วยใหม่เป็นเด็กทารกวัย 26 วันกลายเป็นผู้ป่วยโควิด-19ที่มีอายุน้อยที่สุดในโลกในเวลานี้
อ้างอิงจาก clinicaltrialsarena เว็บไซต์เชี่ยวชาญทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ได้รายงานถึงการเปรียบเทียบวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน น้องใหม่มาแรงที่มีประสิทธิภาพสูงในผู้ป่วยหนัก ผู้ป่วยสูงอายุ และผู้ป่วยที่มีโรคเดิมอยู่ก่อน โดยได้ระบุว่าวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันใช้เป็นตัวควบคุมการระบาดได้ดี ส่วนวัคซีนโนวาแวกซ์(Novavax) ของบริษัทยาสหรัฐฯที่มีประสิทธิภาพราว 89.3% สำหรับการฉีด 2 โดสนั้นคุ่มค่าในการป้องกันโดยรวม
ทั้งนี้วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันผลิตมาจากไวรัสอะดิโน( adenovirus) มีประสิทธิภาพโดยเฉลี่ย 66% สำหรับ 1 โดสหลังการฉีด 28 วันไปแล้วในการทดลองเฟส 3 ทั่วโลกอาสาสมัคร 43,783 คน
อย่างไรก็ตามวัคซีนตัวนี้ที่นักวิทยาศาสตร์จากค่ายวัคซีนโมเดอร์รนาร้องว๊าวออกมาและเรียกว่า “เป็นตัวพลิกเกมส์” เพราะประสิทธิภาพวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันเพิ่มขึ้นเป็น 85% สำหรับการป้องกันในเคสป่วยหนักและมีการแสดงให้เห็นว่าสามารถปกป้องได้อย่างสมบูรณ์ต่อกลุ่มผู้ที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลและการเสียชีวิต 28 วันหลังการฉีดเพียงโดสเดียว
บริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสันได้ยื่นขอจดทะเบียนสำหรับวัคซีนใช้ในสหรัฐฯกับองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ FDA เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ และคาดว่าทางบริษัทจะสามารถแจกจ่ายให้กับประชาชนชาวอเมริกันได้ทันทีหลังจากทางFDA เปิดไฟเขียว
โดยทางบริษัทมีข้อตกลงส่งมอบวัคซีนให้กับรัฐบาลสหรัฐฯจำนวน 100 ล้านโดส และกับสหภาพยุโรปจำนวน 200 ล้านโดส แต่ยังไม่มีรายงานว่ารัฐบาลไทยได้สนใจสั่งซื้อไว้หรือไม่ในเวลานี้
ซึ่งประสิทธิภาพการรักษาโดยรวมของผู้ป่วยในสหรัฐฯพบว่าอยู่ที่ 72% ในทวีปอเมริกาใต้ 66% และ 57% ในประเทศแอฟริกาใต้ รอยเตอร์ชี้ว่า วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันมีประสิทธิภาพในการรักษากับสายพันธุ์แอฟริกาใต้ได้ดี ซึ่งทางไบโอสเปซรายงานว่า สนนราคาจำหน่ายวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันอยู่ที่ 10 ดอลลาร์/โดสในสหรัฐฯ เทียบกับราคาวัคซีนแอสตราเซเนการาคาจำหน่ายตก 25 ดอลลาร์ – 37 ดอลลาร์ มีประสิทธิภาพราว 70% โดยเฉลี่ยอ้างอิงตัวเลขประสิทธิภาพที่เคยประกาศมาก่อนหน้า ขณะที่วัคซีนซิโนแวคของจีนมีราคาราว 60 ดอลลาร์/โดสภายในจีน แต่ 29.75 ดอลลาร์นอกประเทศ และมีประสิทธิภาพทางการรักษา 50.38% ถึง 91.25% ขึ้นอยู่กับประเทศที่ทำการทดลอง
สำหรับแอสตราเซเนกาล่าสุดได้ออกมาเปิดหน้าสู้กับจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน โดยในผลการรายงานรอบใหม่ที่เปิดเผยผ่านหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน วันอังคาร(2) ทางบริษัทชี้ว่าแค่โดสเดียวสามารถตัดการแพร่ระบาดได้ 67% และอีกทั้งการฉีดโดสแรกของแอสตราเซเนกาจะมีประสิทธิภาพการป้องกัน 76 % ยาวนานถึง 12 สัปดาห์ทีเดียว
ซึ่งการศึกษาใหม่ที่เพิ่งได้รับการเปิดเผย และทางวารสารทางการแพทย์ชื่อดังของอังกฤษ เดอะ แลนเซต (The Lancet) ยังคงอยู่ในการประเมิน แอสตราเซเนกาชี้ว่า วัคซีนที่ถูกฉีดครบ 2 โดสโดยมีระยะห่างระหว่างโดสแรกและโดสที่ 2 อยู่ 3 เดือนจะมีประสิทธิภาพป้องกันอยู่ที่ 82.4%
โดยในการศึกษาระบุว่า ประสิทธิภาพของวัคซีนเพิ่มจาก 55% เมื่อมีการฉีดเข็มที่ 2 ในระยะไม่เกิน 6 สัปดาห์หลังจากได้รับเข็มแรกแล้ว และประสิทธิภาพเพิ่มมาอยู่ที่ 82.4% หลังจากที่ได้รับเข็มที่ 2 นานกว่า 3 เดือน
ซึ่งทางผู้เชี่ยวชาญอังกฤษด้านภูมิคุ้มกัน ศาสตราจารย์ เดโบราห์ ดันน์-วอลเตอร์ส( Deborah Dunn-Walters) และประธานทีมโควิด-19ของรัฐบาลนายกรัฐมนตรี บอริส จอห์สัน กล่าวแสดงความเห็นถึงการศึกษาครั้งใหม่ของวัคซีนแอสตราเซเนกาว่า “ถือเป็นข่าวที่ทำให้มีความมั่นใจมากขึ้นว่าแค่โดสเดียวมีประสิทธิภาพ 76% และประสิทธิภาพยังคงเพิ่มขึ้นในดดสที่ 2 ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่ต้องทำให้ภูมิคุ้มกันได้รับอย่างครบถ้วน และการคาดการณ์ที่ชี้ให้เห็นว่าการเป็นพาหะไวรัสลดลงนั้นถือเป็นสิ่งดี”
https://mgronline.com/around/detail/9640000010964
ดีเลยค่ะ ประเทศไทยมีวัคซีนให้เลือกสรรค์เสนอมาให้อีกชนิดหนึ่ง
วัคซีน “จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน" มาแรงตรงฉีดเข็มเดียวนี่แหละค่ะ
ฝันเป็นจริงที่จะได้ฉีดวัคซีน ใกล้เข้ามาทุกที
ยินดีกันทั่วหน้าค่ะ
🔴มาลาริน/สื่อนอกรายงาน “จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน”ขออ.ยจดทะเบียนในไทยแล้ว เทียบชัด วัคซีนโควิด-19 จอห์นสันใช้คุมระบาดได้ดี
รอยเตอร์/เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ – บริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสันล่าสุดยื่นขอจดทะเบียนวัคซีนโควิด-19กับผู้กำกับยาในไทย หลังเปิดตัวฮือฮาโดสเดียวสามารถใช้รักษาได้ผล 85% กับเคสป่วยหนัก สนนราคาเริ่มต้น 10 ดอลลาร์ในสหรัฐฯ เป็นทางเลือกที่น่าสนใจหลังวันอังคาร(2 ก.พ)ไทยเห็นยอดเสียชีวิตรายวันเพิ่มอีก 2 รายและพบเคสผู้ป่วยโควิด-19อายุน้อยที่สุดในโลกเป็นทารกแรกคลอดอายุแค่ 26 วัน
รอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้(2 ก.พ)ว่า แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากรัฐบาลไทยเปิดเผยกับรอยเตอร์ในวันอังคาร(2)ว่า ทางบริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสันได้ยื่นขอจดทะเบียนวัคซีนโควิด-19กับองค์การอาหารและยา (อ.ย) กลายเป็นบริษัทผู้ผลิตวัคซีนรายที่ 3 ที่ทำการยื่นขอตามหลังบริษัทยาจีนซิโนแวก ไบโอเอ็นเทค และบริษัทแอสตราเซเนกาของอังกฤษ
ซึ่งปีที่ผ่านมาไทยได้อนุญาตให้วัคซีนแอสตราเซเนกาสำหรับใช้ฉุกเฉินได้
พบว่าบริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสันได้เริ่มกระบวนการขอการจดทะเบียนสำหรับวัคซีนมาตั้งแต่เดือนมากราคม แต่เงื่อนเวลาในการอนุมัติขึ้นอยู่กับเมื่อใดที่ทางบริษัทยาได้ยื่นเอกสารตามจำนวนที่กำหนดไว้ให้กับอ.ย นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาชี้
เขากล่าวว่า “ทางบริษัทได้ยื่นเอกสารบางส่วนให้ทางเราประเมิน” และกล่าวเพิ่มเติมว่า “ทางเราสามารถเริ่มดำเนินการพร้อมกับการอนุมัติได้ภายใน 30 วัน หลังเอกสารทั้งหมดได้ยื่นแล้ว”
ข่าวบริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสันยื่นขอจดทะเบียนตรงกับช่วงเวลาที่ไทยในวันอังคาร(2)มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-196เพิ่ม 2 ราย และมีเคสป่วยใหม่เป็นเด็กทารกวัย 26 วันกลายเป็นผู้ป่วยโควิด-19ที่มีอายุน้อยที่สุดในโลกในเวลานี้
อ้างอิงจาก clinicaltrialsarena เว็บไซต์เชี่ยวชาญทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ได้รายงานถึงการเปรียบเทียบวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน น้องใหม่มาแรงที่มีประสิทธิภาพสูงในผู้ป่วยหนัก ผู้ป่วยสูงอายุ และผู้ป่วยที่มีโรคเดิมอยู่ก่อน โดยได้ระบุว่าวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันใช้เป็นตัวควบคุมการระบาดได้ดี ส่วนวัคซีนโนวาแวกซ์(Novavax) ของบริษัทยาสหรัฐฯที่มีประสิทธิภาพราว 89.3% สำหรับการฉีด 2 โดสนั้นคุ่มค่าในการป้องกันโดยรวม
ทั้งนี้วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันผลิตมาจากไวรัสอะดิโน( adenovirus) มีประสิทธิภาพโดยเฉลี่ย 66% สำหรับ 1 โดสหลังการฉีด 28 วันไปแล้วในการทดลองเฟส 3 ทั่วโลกอาสาสมัคร 43,783 คน
อย่างไรก็ตามวัคซีนตัวนี้ที่นักวิทยาศาสตร์จากค่ายวัคซีนโมเดอร์รนาร้องว๊าวออกมาและเรียกว่า “เป็นตัวพลิกเกมส์” เพราะประสิทธิภาพวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันเพิ่มขึ้นเป็น 85% สำหรับการป้องกันในเคสป่วยหนักและมีการแสดงให้เห็นว่าสามารถปกป้องได้อย่างสมบูรณ์ต่อกลุ่มผู้ที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลและการเสียชีวิต 28 วันหลังการฉีดเพียงโดสเดียว
บริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสันได้ยื่นขอจดทะเบียนสำหรับวัคซีนใช้ในสหรัฐฯกับองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ FDA เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ และคาดว่าทางบริษัทจะสามารถแจกจ่ายให้กับประชาชนชาวอเมริกันได้ทันทีหลังจากทางFDA เปิดไฟเขียว
โดยทางบริษัทมีข้อตกลงส่งมอบวัคซีนให้กับรัฐบาลสหรัฐฯจำนวน 100 ล้านโดส และกับสหภาพยุโรปจำนวน 200 ล้านโดส แต่ยังไม่มีรายงานว่ารัฐบาลไทยได้สนใจสั่งซื้อไว้หรือไม่ในเวลานี้
ซึ่งประสิทธิภาพการรักษาโดยรวมของผู้ป่วยในสหรัฐฯพบว่าอยู่ที่ 72% ในทวีปอเมริกาใต้ 66% และ 57% ในประเทศแอฟริกาใต้ รอยเตอร์ชี้ว่า วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันมีประสิทธิภาพในการรักษากับสายพันธุ์แอฟริกาใต้ได้ดี ซึ่งทางไบโอสเปซรายงานว่า สนนราคาจำหน่ายวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันอยู่ที่ 10 ดอลลาร์/โดสในสหรัฐฯ เทียบกับราคาวัคซีนแอสตราเซเนการาคาจำหน่ายตก 25 ดอลลาร์ – 37 ดอลลาร์ มีประสิทธิภาพราว 70% โดยเฉลี่ยอ้างอิงตัวเลขประสิทธิภาพที่เคยประกาศมาก่อนหน้า ขณะที่วัคซีนซิโนแวคของจีนมีราคาราว 60 ดอลลาร์/โดสภายในจีน แต่ 29.75 ดอลลาร์นอกประเทศ และมีประสิทธิภาพทางการรักษา 50.38% ถึง 91.25% ขึ้นอยู่กับประเทศที่ทำการทดลอง
สำหรับแอสตราเซเนกาล่าสุดได้ออกมาเปิดหน้าสู้กับจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน โดยในผลการรายงานรอบใหม่ที่เปิดเผยผ่านหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน วันอังคาร(2) ทางบริษัทชี้ว่าแค่โดสเดียวสามารถตัดการแพร่ระบาดได้ 67% และอีกทั้งการฉีดโดสแรกของแอสตราเซเนกาจะมีประสิทธิภาพการป้องกัน 76 % ยาวนานถึง 12 สัปดาห์ทีเดียว
ซึ่งการศึกษาใหม่ที่เพิ่งได้รับการเปิดเผย และทางวารสารทางการแพทย์ชื่อดังของอังกฤษ เดอะ แลนเซต (The Lancet) ยังคงอยู่ในการประเมิน แอสตราเซเนกาชี้ว่า วัคซีนที่ถูกฉีดครบ 2 โดสโดยมีระยะห่างระหว่างโดสแรกและโดสที่ 2 อยู่ 3 เดือนจะมีประสิทธิภาพป้องกันอยู่ที่ 82.4%
โดยในการศึกษาระบุว่า ประสิทธิภาพของวัคซีนเพิ่มจาก 55% เมื่อมีการฉีดเข็มที่ 2 ในระยะไม่เกิน 6 สัปดาห์หลังจากได้รับเข็มแรกแล้ว และประสิทธิภาพเพิ่มมาอยู่ที่ 82.4% หลังจากที่ได้รับเข็มที่ 2 นานกว่า 3 เดือน
ซึ่งทางผู้เชี่ยวชาญอังกฤษด้านภูมิคุ้มกัน ศาสตราจารย์ เดโบราห์ ดันน์-วอลเตอร์ส( Deborah Dunn-Walters) และประธานทีมโควิด-19ของรัฐบาลนายกรัฐมนตรี บอริส จอห์สัน กล่าวแสดงความเห็นถึงการศึกษาครั้งใหม่ของวัคซีนแอสตราเซเนกาว่า “ถือเป็นข่าวที่ทำให้มีความมั่นใจมากขึ้นว่าแค่โดสเดียวมีประสิทธิภาพ 76% และประสิทธิภาพยังคงเพิ่มขึ้นในดดสที่ 2 ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่ต้องทำให้ภูมิคุ้มกันได้รับอย่างครบถ้วน และการคาดการณ์ที่ชี้ให้เห็นว่าการเป็นพาหะไวรัสลดลงนั้นถือเป็นสิ่งดี”
https://mgronline.com/around/detail/9640000010964
ดีเลยค่ะ ประเทศไทยมีวัคซีนให้เลือกสรรค์เสนอมาให้อีกชนิดหนึ่ง
วัคซีน “จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน" มาแรงตรงฉีดเข็มเดียวนี่แหละค่ะ
ฝันเป็นจริงที่จะได้ฉีดวัคซีน ใกล้เข้ามาทุกที
ยินดีกันทั่วหน้าค่ะ