คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
4. ข้อนี้สำคัญ คือ คนไข้โรงบาลรัฐคือชาวบ้านทั่วๆไป ส่วนมากคือคนหาเช้ากินค่ำ แน่นอน คนพวกนี้เอาเรื่องปากท้องเป็นหลัก ไม่ค่อยมีเวลาดูแลสุขภาพ หมอต้องอดทนค่อยๆให้ความรู้เรื่องการดูแลสุขภาพเลยแหล่ะ หลายๆคนที่เจอคือถึงจะโตแล้วแต่ความรู้พอๆกับเด็ก
อันนี้ทำอะไรไม่ได้ ก็ค่อยๆตรวจ ค่อยๆสอนกันไป
อันนี้ทำอะไรไม่ได้ ก็ค่อยๆตรวจ ค่อยๆสอนกันไป
▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
โรงพยาบาลรัฐนี่กี่ปีๆก็เหมือนเดิมเนอะ
อื้มมม บรรยากาศ OPDตอนไม่มีคนไข้นี่ เงียบจริงๆ
โรงบาลนี่ไม่เปลี่ยนไปเลยเนอะ ตั้งแต่เป็นintern1มาใช้ทุนตอนนี้ก็เหมือนเดิมเด๊ะ
...เลย นึกได้ว่าถ้าเราไปเรียนเฉพาะทางกลับมาแล้วโรงบาลนี้ก็ตรงเหมือนเดิมอ่ะแหล่ะ
อยากบอกหมอๆที่ไปเลยเรียนเฉพาะทางว่า ..
1 ก่อนไปของทุนโรงบาลไหน ลองไปดูสถานที่ทำงานจริงๆก่อน โรงบาลนั้นสภาพดีมั้ย หรือ โทรมเก่าๆ การทำงานของแผนกที่จะไปของทุนเป็นยังไง
อย่าคิดแค่ว่าพอทุนเปิดก็เอาไว้ก่อน ไปดาบเอาตายหน้า
ความคิดแบบนี้เสี่ยงมากๆที่จะทนอยู่โรงบาลนั้นไม่ได้ แล้วลาออกก่อนใช้ทุนครบ
2 ตอนไปเรียนพึงระลึกไว้ว่า..โรงบาลส่งหมอมาเรียนก็ต้องการหมอกลับไปทำงานต่อ
เพราะฉะนั้นตั้งใจเรียนให้จบนะจ๊ะ
คนไข้ทั้งจังหวัดรออยู่
3 เรียนจบกลับมาแล้ว ก็อย่าหวังว่าโรงบาลต่างจังหวัดจะมีพร้อมทุกอย่างเหมือนโรงเรียนแพทย์นะ ****ดอกจันสิบตัว
โรงบาลต่างจังหวัด ไม่มีความพร้อมเท่าโรงเรียนแพทย์ทั้งเงินสนับสนุน ทั้งเครื่องมือ และบุคลากรนะ การทำงานอาจไม่สะดวกเหมือนตอนเทรนนะจ๊ะ
staffจบใหม่ต้องใจเย็นๆ และปรับตัวกับที่ทำงานนะจ๊ะ อย่าโมโหตอนไม่ได้ดั่งใจแล้วทั้วงโรงบาลรัฐไปอยู่เอกชนนะ
(ตอนหมอไปเรียนชาวบ้านทั้งจังหวัดก็รอหมอกลับมานะ จะได้มีหมอรักษาเพิ่ม)