จากข่าวนี้ครับ ชาวบ้านที่เชียงคำ พะเยา ร้องสื่อ อยากให้ย้ายเสาสัญญาณโทรศัพท์ของผู้ให้บริการออกไปห่างจากชุมชน เชื่อคลื่นสัญญาณที่มีความแรง ทำให้ใจสั่น สมองมึนงง เกิดฟ้าผ่าบ่อย ที่สำคัญหญิงในหมู่บ้านแท้งลูกไปแล้ว 5 คน จนคนที่แต่งงานใหม่ต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น จุดที่น่าสังเกตคืออายุครรภ์ของหญิงแท้งจะประมาณ 5-6 เดือนทั้งหมด
https://www.thairath.co.th/news/local/north/2018801
ผมก็เลยตามไปอ่านบทความของอ.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เฟซบุ๊กแกมาสรุปคร่าวๆ ว่า
ที่บอกว่าเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ ทำให้เกิดอาการแท้งบุตรนั้น อันนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้เลยครับ ! เพราะเสาส่งที่นั่นก็ตั้งมาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว แต่มีคนแท้งแค่ 5 คน ไม่น่าจะเป็นนัยสำคัญที่จะระบุได้ว่า เป็นผลมาจากเรื่องของเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์
จริงๆ ต้องไปดูสาเหตุเป็นรายบุคคลมากกว่า ว่าภาวะแท้งบุตรนั้นเกิดขึ้นอย่างไร มีความสอดคล้องกันทั้ง 5 คนหรือไม่ หรือแตกต่างกัน ... บ่อยครั้ง มีการกล่าวอ้างว่าเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ทำให้คนในหมู่บ้านเป็นโรคมะเร็ง แต่พอไปดูแล้ว ก็พบว่าผู้ป่วยแต่ละคนนั้นก็มีความแตกต่างกันของการเป็นมะเร็ง ไม่ได้มีความสอดคล้องกัน ที่จะยืนยันว่าเป็นอุบัติการณ์ร่วม
กรณีที่เกิดอาการใจสั่น ประสาทเสีย จนเป็นจิตเวชนั้น ก็เหมือนกันที่ว่าไม่น่าจะเกิดจากเรื่องเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ร่วมกัรฝน ! ควรจะต้องวิเคราะห์เป็นรายบุคคลไปว่า น่าจะเกิดจากเหตุผลใด
ส่วนเรื่องที่ฟ้าผ่าลงมาที่เสาส่ง แล้วทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าของบ้านรอบข้างเสียหายไปด้วยนั้น อันนี้พอเป็นไปได้ มันเป็นเรื่องของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดขึ้นขณะฟ้าผ่าลงมา และเหนี่ยวนำไปในอากาศจนช็อตเครื่องใช้ไฟฟ้าที่อยู่ใกล้เคียงได้ ก็ต้องไปดูว่ามีบ้านใครอยู่ใกล้กับเสาในระยะที่เกินกว่ากำหนดหรือเปล่า
ในทางความปลอดภัยของสัญญาณโทรศัพท์ที่มีต่อมนุษย์นั้น สำนักงาน กสทช. เคยเปิดเผยไว้ว่า หลังจากมีการร้องเรียนเรื่องสุขภาพของผลกระทบ เช่น ปวดศีรษะ หน้ามืด อ่อนแรง เป็นมะเร็ง เป็นต้น ไปยังหลายหน่วยงานทั้งในระดับท้องถิ่น สื่อสาธารณะ หรือแม้แต่ศาลปกครอง กสทช. จึงได้ส่งคำถามเรื่องนี้ไปที่องค์การอนามัยโลก
ดร.อีมิลี ฟาน เดเวนเตอร์ หัวหน้าคณะรังสีวิทยา องค์การอนามัยโลก ได้ตอบกลับคำถาม โดยยืนยันผลการศึกษาช่วงระยะ 10 ปีระหว่างปี พ.ศ. 2539-2549 ว่า ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถชี้ได้ว่า การส่งสัญญาณในคลื่นความถี่ระหว่าง 0-300 กิกกะเฮิร์ตซ์ จากสถานีฐานและการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ จะมีผลร้ายแรงต่อสุขภาพ
จากนั้น ในปี 2553 คณะนักวิทยาศาสตร์ขององค์การอนามัยโลก ได้ศึกษากรณีการส่งคลื่นสัญญาณเฉพาะโทรศัพท์เคลื่อนที่จากสถานีฐาน ก็ยังไม่พบหลักฐานว่าคลื่นความถี่มีผลต่อสุขภาพ
และหลังจากนั้น องค์การอนามัยโลกยังศึกษาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ถึงความสัมพันธ์ระหว่างสุขภาพร่างกายกับการปล่อยคลื่นความถี่จากอุปกรณ์ไร้สายและสถานีส่งสัญญาณคลื่นโทรศัพท์ ไม่พบว่ามีความสัมพันธ์ใดๆ อีกเช่นกัน (
https://www.facebook.com/OhISeebyAjarnJess/posts/1077721752710877)
เท่าที่อ่านข่าวมา ส่วนตัวผมคิดว่าไม่น่าเกี่ยวกับคลื่นเท่าไร อาจจะต้องไปหาสาเหตุอื่นๆ ที่ทำผู้หญิงแท้งมากกว่า เพราะมันมีหลายปัจจัยที่ทำให้ผู้หญิงแท้งได้ ที่สำคัญทำไมถึงต้องแท้งตอนอายุครรภ์ 5-6 เดือนทั้งหมด ผมว่าทีมแพทย์ต้องลงไปดูพื้นที่แล้วครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ลืมบอกยืมล็อกอินพี่สาวมาชวนคุย
อ.เจษฎ์ ให้ความเห็นกรณีข่าวที่ชาวบ้าน ขอให้ย้ายเสาสัญญาณมือถือ เพราะทำหญิงท้องแท้งลูกแล้ว 5 คน
ผมก็เลยตามไปอ่านบทความของอ.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เฟซบุ๊กแกมาสรุปคร่าวๆ ว่า
ที่บอกว่าเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ ทำให้เกิดอาการแท้งบุตรนั้น อันนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้เลยครับ ! เพราะเสาส่งที่นั่นก็ตั้งมาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว แต่มีคนแท้งแค่ 5 คน ไม่น่าจะเป็นนัยสำคัญที่จะระบุได้ว่า เป็นผลมาจากเรื่องของเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์
จริงๆ ต้องไปดูสาเหตุเป็นรายบุคคลมากกว่า ว่าภาวะแท้งบุตรนั้นเกิดขึ้นอย่างไร มีความสอดคล้องกันทั้ง 5 คนหรือไม่ หรือแตกต่างกัน ... บ่อยครั้ง มีการกล่าวอ้างว่าเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ทำให้คนในหมู่บ้านเป็นโรคมะเร็ง แต่พอไปดูแล้ว ก็พบว่าผู้ป่วยแต่ละคนนั้นก็มีความแตกต่างกันของการเป็นมะเร็ง ไม่ได้มีความสอดคล้องกัน ที่จะยืนยันว่าเป็นอุบัติการณ์ร่วม
กรณีที่เกิดอาการใจสั่น ประสาทเสีย จนเป็นจิตเวชนั้น ก็เหมือนกันที่ว่าไม่น่าจะเกิดจากเรื่องเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ร่วมกัรฝน ! ควรจะต้องวิเคราะห์เป็นรายบุคคลไปว่า น่าจะเกิดจากเหตุผลใด
ส่วนเรื่องที่ฟ้าผ่าลงมาที่เสาส่ง แล้วทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าของบ้านรอบข้างเสียหายไปด้วยนั้น อันนี้พอเป็นไปได้ มันเป็นเรื่องของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดขึ้นขณะฟ้าผ่าลงมา และเหนี่ยวนำไปในอากาศจนช็อตเครื่องใช้ไฟฟ้าที่อยู่ใกล้เคียงได้ ก็ต้องไปดูว่ามีบ้านใครอยู่ใกล้กับเสาในระยะที่เกินกว่ากำหนดหรือเปล่า
ในทางความปลอดภัยของสัญญาณโทรศัพท์ที่มีต่อมนุษย์นั้น สำนักงาน กสทช. เคยเปิดเผยไว้ว่า หลังจากมีการร้องเรียนเรื่องสุขภาพของผลกระทบ เช่น ปวดศีรษะ หน้ามืด อ่อนแรง เป็นมะเร็ง เป็นต้น ไปยังหลายหน่วยงานทั้งในระดับท้องถิ่น สื่อสาธารณะ หรือแม้แต่ศาลปกครอง กสทช. จึงได้ส่งคำถามเรื่องนี้ไปที่องค์การอนามัยโลก
ดร.อีมิลี ฟาน เดเวนเตอร์ หัวหน้าคณะรังสีวิทยา องค์การอนามัยโลก ได้ตอบกลับคำถาม โดยยืนยันผลการศึกษาช่วงระยะ 10 ปีระหว่างปี พ.ศ. 2539-2549 ว่า ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถชี้ได้ว่า การส่งสัญญาณในคลื่นความถี่ระหว่าง 0-300 กิกกะเฮิร์ตซ์ จากสถานีฐานและการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ จะมีผลร้ายแรงต่อสุขภาพ
จากนั้น ในปี 2553 คณะนักวิทยาศาสตร์ขององค์การอนามัยโลก ได้ศึกษากรณีการส่งคลื่นสัญญาณเฉพาะโทรศัพท์เคลื่อนที่จากสถานีฐาน ก็ยังไม่พบหลักฐานว่าคลื่นความถี่มีผลต่อสุขภาพ
และหลังจากนั้น องค์การอนามัยโลกยังศึกษาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ถึงความสัมพันธ์ระหว่างสุขภาพร่างกายกับการปล่อยคลื่นความถี่จากอุปกรณ์ไร้สายและสถานีส่งสัญญาณคลื่นโทรศัพท์ ไม่พบว่ามีความสัมพันธ์ใดๆ อีกเช่นกัน (https://www.facebook.com/OhISeebyAjarnJess/posts/1077721752710877)
เท่าที่อ่านข่าวมา ส่วนตัวผมคิดว่าไม่น่าเกี่ยวกับคลื่นเท่าไร อาจจะต้องไปหาสาเหตุอื่นๆ ที่ทำผู้หญิงแท้งมากกว่า เพราะมันมีหลายปัจจัยที่ทำให้ผู้หญิงแท้งได้ ที่สำคัญทำไมถึงต้องแท้งตอนอายุครรภ์ 5-6 เดือนทั้งหมด ผมว่าทีมแพทย์ต้องลงไปดูพื้นที่แล้วครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้