ผู้รอดชีวิตคนสุดท้าย
‘มิลวินา ดีน’ (Millvina Dean) อายุ 97 ปี เสียชีวิตเมื่อปี 2009 เธอนับเป็นผู้รอดชีวิตคนสุดท้าย และเป็นผู้รอดชีวิตวัย 2 เดือนที่มีอายุน้อยที่สุดในขณะนั้น เถ้ากระดูกของมิลวินาถูกโปรยลงทะเล ณ ท่าเรือเซาแทมป์ตัน (Southampton) สถานที่ที่ไททานิคเริ่มเดินทาง และจุดจบของหลายพันชีวิตได้เริ่มต้น
ครอบครัวของมิลวินาเป็นผู้โดยสารชั้น 3 ที่ไม่ได้ตั้งใจขึ้นเรือไททานิค แต่เรือของพวกเขาถูกเปลี่ยนกะทันหัน เมื่อไททานิคพุ่งชนภูเขาน้ำแข็ง ผู้โดยสารชั้น 3 แทบจะสิ้นหวัง เพราะพวกเขายืนอยู่ในจุดที่ไม่ได้อภิสิทธิ์และไม่มีสิทธิต่อรอง โชคดีที่ผู้เป็นพ่อสามารถพาภรรยา ลูกชายคนโต และมิลวินาขึ้นเรือชูชีพหมายเลข 10 ได้สำเร็จ แต่ตัวเขาต้องจมลงพร้อมกับซากเรือตลอดกาล
หากใครหลายคนบอกว่าชีวิตของเธอคือปาฏิหาริย์ มิลวินาต้องใช้เวลาตลอดชีวิตอยู่ท่ามกลางแสงสีสปอตไลท์ที่ถาโถมเข้ามาโดยที่เธอไม่ได้เรียกหา ความสนใจทั้งหมดเป็นเพราะเธอคือ ‘ผู้รอดชีวิต’ ไม่ว่าจะเป็นสารคดี ข่าว งานครบรอบไททานิคล่ม หรืองานเปิดตัวภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้อง มิลวินาจะต้องได้รับคำเชิญเสมอ นั่นทำให้ช่วงหลังเธอเริ่มปฏิเสธการออกงาน รวมถึงปฏิเสธการดูภาพยนตร์เรื่อง ไททานิค (1997) ที่กำกับโดยเจมส์ คาเมรอน (James Cameron) ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดทั่วโลกอันดับหนึ่งของบ็อกซ์ออฟฟิศมาแล้ว
มิลวินากล่าวว่า นอกจากภาพยนตร์และหนังสือหลายเล่มจะสะท้อนเรื่องราวในประวัติศาสตร์แล้ว มันยังบีบบังคับให้เธอหวนนึกถึงความทรงจำอันเลวร้าย
“ฉันไม่อยากจินตนาการภาพที่พ่อถูกปล่อยให้อยู่บนเรือและจมไปพร้อมกับมัน นั่นคือฝันร้ายที่ไม่มีวันตื่น”
109 ปี ไททานิคอับปาง กับ 9 เรื่องราวของผู้รอดชีวิตที่สะท้อนทั้งความหวังและความเจ็บปวด
‘มิลวินา ดีน’ (Millvina Dean) อายุ 97 ปี เสียชีวิตเมื่อปี 2009 เธอนับเป็นผู้รอดชีวิตคนสุดท้าย และเป็นผู้รอดชีวิตวัย 2 เดือนที่มีอายุน้อยที่สุดในขณะนั้น เถ้ากระดูกของมิลวินาถูกโปรยลงทะเล ณ ท่าเรือเซาแทมป์ตัน (Southampton) สถานที่ที่ไททานิคเริ่มเดินทาง และจุดจบของหลายพันชีวิตได้เริ่มต้น
ครอบครัวของมิลวินาเป็นผู้โดยสารชั้น 3 ที่ไม่ได้ตั้งใจขึ้นเรือไททานิค แต่เรือของพวกเขาถูกเปลี่ยนกะทันหัน เมื่อไททานิคพุ่งชนภูเขาน้ำแข็ง ผู้โดยสารชั้น 3 แทบจะสิ้นหวัง เพราะพวกเขายืนอยู่ในจุดที่ไม่ได้อภิสิทธิ์และไม่มีสิทธิต่อรอง โชคดีที่ผู้เป็นพ่อสามารถพาภรรยา ลูกชายคนโต และมิลวินาขึ้นเรือชูชีพหมายเลข 10 ได้สำเร็จ แต่ตัวเขาต้องจมลงพร้อมกับซากเรือตลอดกาล
หากใครหลายคนบอกว่าชีวิตของเธอคือปาฏิหาริย์ มิลวินาต้องใช้เวลาตลอดชีวิตอยู่ท่ามกลางแสงสีสปอตไลท์ที่ถาโถมเข้ามาโดยที่เธอไม่ได้เรียกหา ความสนใจทั้งหมดเป็นเพราะเธอคือ ‘ผู้รอดชีวิต’ ไม่ว่าจะเป็นสารคดี ข่าว งานครบรอบไททานิคล่ม หรืองานเปิดตัวภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้อง มิลวินาจะต้องได้รับคำเชิญเสมอ นั่นทำให้ช่วงหลังเธอเริ่มปฏิเสธการออกงาน รวมถึงปฏิเสธการดูภาพยนตร์เรื่อง ไททานิค (1997) ที่กำกับโดยเจมส์ คาเมรอน (James Cameron) ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดทั่วโลกอันดับหนึ่งของบ็อกซ์ออฟฟิศมาแล้ว
มิลวินากล่าวว่า นอกจากภาพยนตร์และหนังสือหลายเล่มจะสะท้อนเรื่องราวในประวัติศาสตร์แล้ว มันยังบีบบังคับให้เธอหวนนึกถึงความทรงจำอันเลวร้าย
“ฉันไม่อยากจินตนาการภาพที่พ่อถูกปล่อยให้อยู่บนเรือและจมไปพร้อมกับมัน นั่นคือฝันร้ายที่ไม่มีวันตื่น”