ในวิกฤติ มีโอกาส

ลองดูสักตั้ง เก็บเกี่ยวประสบการณ์ การได้ทำเองทั้งหมดคนเดียว ก็ทำให้ได้เห็นทุกมุมมอง
ได้สัมผัสทุกสิ่งอย่างของโครงการ ได้พบเจอสารพัดปัญหาและหาวิธีทะลุทะลวงมันออกไป

จบงานนี้ก็ได้อะไรติดตัวออกไปเยอะ พอเก็บประสบการณ์ได้มากพอ โชกโชนในสายงานมากพอ
ก็ออกมาลุยงานเดี่ยวของตัวเองได้แล้วเพราะทำมาหมดแล้ว ลองผิดลองถูกมาหมดแล้ว
รับมือได้สบายๆ เป็นเจ้าของบริหารบริษัทตัวเองได้เพราะทำมาหมดแล้ว ทำเป็นทุกอย่าง

มีปัญหาอะไรก็คุยกับหัวหน้าดูครับทำเท่าที่เราทำได้
ตอนผมเรียนจบมาประมาณสัก 1 ปีก็มาทำงานแล้วที่สำนักงานมีปัญหาภายใน ทั้งแผนก it เหลือผมคนเดียว
อธิบายให้เห็นภาพ 5 คน เหลือผมคนเดียว
เอาตามจริง ผมไม่มีความสามารถที่จะทำงาน ได้เท่ากับคน 5 คนแน่นอน ด้วยความงงผมก็บอกหัวหน้าไปว่าแบบนี้ผมไม่อยู่นะ แต่นั้นหละเค้าก็บอกให้อยู่ไปก่อน หัวหน้าคือไม่เกี่ยวกับตัวแผนก it ของผมละ สรุปผมต้องดูแลการจัดซื้อ เขียนโปรแกรม ดูแล server ประชุม ของบ คือทำทุกอย่างคนเดียวโดยได้รับความช่วยเหลือ เรื่องระเบียบจากหน่วยงานที่ไปติดต่อด้วย

ให้เวลาประมาณ 2 ปีที่ต้องอยู่คนเดียวและอีก 2 ปีถ่ายงานออก สุดท้ายก็ออกมาเขียนโปรแกรมขายเอง
ถ้าคิดว่าไหวอยากให้ลองทำดูครับ คิดว่าเป็นโอกาสแล้วกันว่าคุณเก่งแค่ไหน

ผมรู้สึกว่าชีวิตผมนี้แทบไม่ได้ทำงานเป็นทีมเลย แต่ว่าทำให้ได้รู้ว่าคนๆเดียวมันสามารถทำอะไรพร้อมๆกันได้เยอะจนคุณเองก็นึกไม่ถึง

ยังไม่ได้ยินดีกับคำว่า project manager แต่มองว่า อาจจะเป็นบริษัทเล็ก หรือโครงการเล็กไม่ต้องการจ่ายค่าจ้างหลายคนเลยใช้วิศวกร แม้จะประสบการณ์น้อย ให้ตำแหน่งให้เป็น project manager แต่กลายเป็นว่าต้องทำทุกอย่าง คือจริงๆ บริษัทไม่อยากจ่าย เพื่อจ้างงานคนเพิ่ม (ก็เอาเปรียบนั่นแหละ )   ในแง่การทำงานก็คือได้ทำงานในหลาย ๆ ด้าน ก็จะได้รู้เยอะ ๆ แต่อย่างไรก็ตาม โครงการเล็กกับโครงการใหญ่มันจัดการไม่เหมือนกันอยู่แล้ว การทำงานจากโครงการเล็ก พอได้มีโอกาสไปทำโครงการใหญ่ ปสก อาจจะไม่ applicable ทั้งหมด ไหนจะงานเอกสารที่วุ่นวายมากกว่า ไหนอาจจะต้อง แก้ไข design, review , document process, technical doc อะไรต่าง ๆ นานา   

ถ้าเครียด สุขภาพจิต สุขภาพกายแย่ก็ลองหางานใหม่ดู